อยากแชร์ข้อมูล เผื่อเป็นแนวทางให้กับคนที่มีแพลนจะไปในอนาคตค่ะ อาจจะเขียนไม่ละเอียด รูปอาจจะไม่เยอะเท่าประเภทรีวิว ยังไงหาข้อมูลเพิ่มได้ที่ coachella.com ได้เลยค่ะ ละเอียดมากๆ... Coachella จะจัดตรงกับช่วงเทศกาลสงกรานต์เป็นประจำทุกปี โดยจะมีระยะเวลาการโชว์ทั้งหมด 2 Week ด้วยกันค่ะ แล้วแต่เราว่าอยากจะดูวีคไหน แต่ทั้ง 2 week นั้นการแสดงก็จะมีลูกเล่นต่างกันนะคะ ทั้งแขกรับเชิญและเพลงที่เลือกมาโชว์. เรากับเพื่อนดูวีคแรก แต่จากที่อ่านมาส่วนใหญ่มักจะบอกว่า Weekend2ดีกว่า ทุกอย่างมันลงตัว ซึ่งก็ไม่รู้จริงแค่ไหน ใครรู้มาบอกบอกด้วยก็ดีค่าาาา
การซื้อตั๋วคอนเสิร์ต หลังงานจบไปได้เดือนนึง Coachella ก็จะประกาศขายตั๋วคอนเสิร์ตปีต่อไปทางFacebook ไม่รอให้หมุนเงินก่อนใดๆทั้งสิ้น มีลงทั้งวันที่ เวลา และขั้นตอนการซื้อตั๋วอธิบายพร้อมเลยค่ะ เท่ากับเราซื้อตั๋วตอนพฤษภาคม 2013 นะ ไม่รู้ว่าคนอื่นซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ตเมืองนอกยากไหม แต่ตอนเราซื้อพร้อมกับคนอื่นทั่วโลกนั้น ลำบากมากค่ะ หน้าจอค้างตอนกรอกรายละเอียดเสร็จแล้ว เพื่อนที่อยู่อเมริกาซื้อเสร็จไปเป็นชาติแล้ว เรายังรอโหลดจ่ายเงินอยู่ สุดท้ายเพื่อนต้องเป็นคนซื้อให้ ฉนั้นมีเพื่อนสนิทอยู่เมืองนอกก็วานเพื่อนซื้อให้ก็ดีนะคะ ส่วนการซื้อตั๋วข้ามปีแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ
ข้อดีคือตั๋วแบบนี้เราซื้อแบบผ่อนได้ค่ะ ผ่อนทั้งหมด6เดือน ส่วน
ข้อเสียคือเราจะไม่รู้ Line Up นะคะ ลุ้นเอาอย่างเดียวเลย เสี่ยงสุดๆแต่ถ้าเป็นประเภทใจรักงบน้อยซื้อแบบผ่อนก็ดีนะคะ
เอาตัวอย่างการจ่ายเงินมาให้ดูค่ะ เราซื้อแบบราคาปกติ + Tent Camping (ไปกันเป็นgroup ก็จ่ายส่วนของTent Camping แค่คนเดียวนะไม่ต้องจ่ายทุกคน) โชคดีที่เพื่อนที่จะไปด้วยอยู่ที่อเมริกาพอดี เลยไม่ต้องเสียค่าส่งต่างประเทศ ก็ส่งไปที่บ้านเพื่อน เลยไม่แน่ใจว่าค่าส่งมาไทยอยู่ที่ราคาเท่าไร
มาเป็นกล่องเลย

ข้างในมีทุกอย่าง ก่อนเข้างานก็ต้องใส่wristbandมาเลยนะคะ บังคับข้างซ้ายเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการ scan เข้า-ออกงาน wristband เอาออกยากมากนะ ไม่แนะนำให้เอากรรไกรมาฉับๆ เสียดาย... ให้ยูทูปเอามีรีวิววิธีเอาออกอยู่ค่ะ
ตั๋วเข้างานก็มีหลายpackage ให้เลือกนะคะ ถ้างบเยอะก็แนะนำนอนโรงแรมเถอะค่ะสบาย มีหลายโรงแรมที่มีรถรับส่งถึงที่ แต่อาจจะเสียเวลาตอนรอรถบัสขากลับไปโรงแรม packageพวกนี้ศึกษาอ่านได้ในเว็บเลยค่ะ เข้าใจง่าย แต่ถ้าจะนอนโรงแรมที่ใกล้งานก็ต้องรีบทำการจองทันทีหลังประกาศวันนะ เพราะประกาศปุ๊ป โรงแรมที่ราคาถูกหน่อยจะเต็มหมด หรือถ้าไม่อยากนอนโรงแรมก็มีปล่อยทั้งห้องคอนโด บ้านให้เช่า ห้องนอนพร้อมอาหารเช้ามีหมด สามารถหาได้ในcoachella.com/forum ได้เลยค่ะ แต่เรางบน้อยขอกางเต็นท์นอนหนาวๆกลางทะเลทราย
มาที่เรื่องของการเดินทางมาที่งาน ถ้าไม่เช่ารถขับมาเอง ก็เหมารถtaxi หรือไม่ก็นั่งรถทัวร์ Greyhound Bus เป็นรถทัวร์แบบเจ๊เกียวมาที่งาน แต่รถบัสจะจอดที่Stationของเค้านะคะ ไม่ใช่ที่หน้างาน เดินหลายกิโลอยู่ค่ะ ตอนอ่านในบอร์ดฝรั่งบอกว่าเดินประมาณ3ไมล์
ตอนปีที่แล้วเป็นปีแรกที่มี Shuttle bus จากLAX (Los Angeles Airport) ถึงที่งาน และ Any line Any Time Shuttle มันก็จะไปจอดหน้าโรงแรมที่เค้าดีลกันไว้ คนที่พักโรงแรมใกล้เคียงก็มายืนรอขึ้นรถหน้าโรงแรมนั้นได้ค่ะ แต่ต้องซื้อตั๋วshuttle ด้วยนะ

แล้วส่วนเราเดินทางไปที่งานยังไง เพราะตอนประกาศว่ามีบริการshuttle busจากairport ก็ตั้งเดือนมีนาคมแล้ว ประกาศ1เดือนก่อนงานกะทันหันเว่อร์อ่ะ เราหารถได้ตั้งแต่ตอนเดือนมกราคม ถามจากรุ่นพี่ที่เคยไปCoachella พี่เค้าแนะนำให้ใช้บริการของ zimride มันคล้ายกับคอมมิวนิตี้ของคนโบกรถแบบออนไลน์ แค่เลือกว่าเราจะไปที่ไหน เริ่มจากที่ไหน คลิกเดียวขึ้นมาให้เลือกเป็นสิบๆคัน ราคาต่อseat ก็แตกต่างกันไป เราสามารถบอกกับเค้าได้นะคะว่าจะให้รับตรงไหน ตัวอย่างนะคะ ตอนนี้มีมาลงแค่ สามคน
ข้อดีคือถูกค่ะ ถ้าคนที่เราจะอาศัยรถไปด้วยเค้าเบี้ยว เราก็สามารถแจ้งไปยังzimrideได้ค่ะ เพราะเจ้าของรถจะได้เงินก็คือวันสุดท้ายของการเดินทางค่ะ ของเราไปกลับ40$ ถูกมากกกกกอ่ะ แต่ข้อเสียคือไปกับคนแปลกหน้าก็แอบน่ากลัวนิดนึง แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือกแล้ว เสี่ยงเอา นึกถึงแต่พวกฆาตกรโรคจิตตามในหนังไปช่วงนึง กับถ้าภาษาอังกฤษง่อยนี่คือจบเลยนะ รถคงเงียบ แต่โชคดีเพื่อนไปอยู่นานก็ปล่อยให้เพื่อนคุยกับเค้าไป ระยะทางจาก Santa Monicaไปถึง Coachella ประมาณ2ชั่วโมงนิดๆค่ะ
แชร์ประสบการณ์ Coachella 2014 สำหรับคนที่มีแน้วโน้มจะไปปี 2016 ค่ะ
การซื้อตั๋วคอนเสิร์ต หลังงานจบไปได้เดือนนึง Coachella ก็จะประกาศขายตั๋วคอนเสิร์ตปีต่อไปทางFacebook ไม่รอให้หมุนเงินก่อนใดๆทั้งสิ้น มีลงทั้งวันที่ เวลา และขั้นตอนการซื้อตั๋วอธิบายพร้อมเลยค่ะ เท่ากับเราซื้อตั๋วตอนพฤษภาคม 2013 นะ ไม่รู้ว่าคนอื่นซื้อตั๋วชมคอนเสิร์ตเมืองนอกยากไหม แต่ตอนเราซื้อพร้อมกับคนอื่นทั่วโลกนั้น ลำบากมากค่ะ หน้าจอค้างตอนกรอกรายละเอียดเสร็จแล้ว เพื่อนที่อยู่อเมริกาซื้อเสร็จไปเป็นชาติแล้ว เรายังรอโหลดจ่ายเงินอยู่ สุดท้ายเพื่อนต้องเป็นคนซื้อให้ ฉนั้นมีเพื่อนสนิทอยู่เมืองนอกก็วานเพื่อนซื้อให้ก็ดีนะคะ ส่วนการซื้อตั๋วข้ามปีแบบนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียค่ะ ข้อดีคือตั๋วแบบนี้เราซื้อแบบผ่อนได้ค่ะ ผ่อนทั้งหมด6เดือน ส่วนข้อเสียคือเราจะไม่รู้ Line Up นะคะ ลุ้นเอาอย่างเดียวเลย เสี่ยงสุดๆแต่ถ้าเป็นประเภทใจรักงบน้อยซื้อแบบผ่อนก็ดีนะคะ
เอาตัวอย่างการจ่ายเงินมาให้ดูค่ะ เราซื้อแบบราคาปกติ + Tent Camping (ไปกันเป็นgroup ก็จ่ายส่วนของTent Camping แค่คนเดียวนะไม่ต้องจ่ายทุกคน) โชคดีที่เพื่อนที่จะไปด้วยอยู่ที่อเมริกาพอดี เลยไม่ต้องเสียค่าส่งต่างประเทศ ก็ส่งไปที่บ้านเพื่อน เลยไม่แน่ใจว่าค่าส่งมาไทยอยู่ที่ราคาเท่าไร
มาเป็นกล่องเลย
ข้างในมีทุกอย่าง ก่อนเข้างานก็ต้องใส่wristbandมาเลยนะคะ บังคับข้างซ้ายเพื่อที่จะได้ง่ายต่อการ scan เข้า-ออกงาน wristband เอาออกยากมากนะ ไม่แนะนำให้เอากรรไกรมาฉับๆ เสียดาย... ให้ยูทูปเอามีรีวิววิธีเอาออกอยู่ค่ะ
ตั๋วเข้างานก็มีหลายpackage ให้เลือกนะคะ ถ้างบเยอะก็แนะนำนอนโรงแรมเถอะค่ะสบาย มีหลายโรงแรมที่มีรถรับส่งถึงที่ แต่อาจจะเสียเวลาตอนรอรถบัสขากลับไปโรงแรม packageพวกนี้ศึกษาอ่านได้ในเว็บเลยค่ะ เข้าใจง่าย แต่ถ้าจะนอนโรงแรมที่ใกล้งานก็ต้องรีบทำการจองทันทีหลังประกาศวันนะ เพราะประกาศปุ๊ป โรงแรมที่ราคาถูกหน่อยจะเต็มหมด หรือถ้าไม่อยากนอนโรงแรมก็มีปล่อยทั้งห้องคอนโด บ้านให้เช่า ห้องนอนพร้อมอาหารเช้ามีหมด สามารถหาได้ในcoachella.com/forum ได้เลยค่ะ แต่เรางบน้อยขอกางเต็นท์นอนหนาวๆกลางทะเลทราย
มาที่เรื่องของการเดินทางมาที่งาน ถ้าไม่เช่ารถขับมาเอง ก็เหมารถtaxi หรือไม่ก็นั่งรถทัวร์ Greyhound Bus เป็นรถทัวร์แบบเจ๊เกียวมาที่งาน แต่รถบัสจะจอดที่Stationของเค้านะคะ ไม่ใช่ที่หน้างาน เดินหลายกิโลอยู่ค่ะ ตอนอ่านในบอร์ดฝรั่งบอกว่าเดินประมาณ3ไมล์
ตอนปีที่แล้วเป็นปีแรกที่มี Shuttle bus จากLAX (Los Angeles Airport) ถึงที่งาน และ Any line Any Time Shuttle มันก็จะไปจอดหน้าโรงแรมที่เค้าดีลกันไว้ คนที่พักโรงแรมใกล้เคียงก็มายืนรอขึ้นรถหน้าโรงแรมนั้นได้ค่ะ แต่ต้องซื้อตั๋วshuttle ด้วยนะ
แล้วส่วนเราเดินทางไปที่งานยังไง เพราะตอนประกาศว่ามีบริการshuttle busจากairport ก็ตั้งเดือนมีนาคมแล้ว ประกาศ1เดือนก่อนงานกะทันหันเว่อร์อ่ะ เราหารถได้ตั้งแต่ตอนเดือนมกราคม ถามจากรุ่นพี่ที่เคยไปCoachella พี่เค้าแนะนำให้ใช้บริการของ zimride มันคล้ายกับคอมมิวนิตี้ของคนโบกรถแบบออนไลน์ แค่เลือกว่าเราจะไปที่ไหน เริ่มจากที่ไหน คลิกเดียวขึ้นมาให้เลือกเป็นสิบๆคัน ราคาต่อseat ก็แตกต่างกันไป เราสามารถบอกกับเค้าได้นะคะว่าจะให้รับตรงไหน ตัวอย่างนะคะ ตอนนี้มีมาลงแค่ สามคน
ข้อดีคือถูกค่ะ ถ้าคนที่เราจะอาศัยรถไปด้วยเค้าเบี้ยว เราก็สามารถแจ้งไปยังzimrideได้ค่ะ เพราะเจ้าของรถจะได้เงินก็คือวันสุดท้ายของการเดินทางค่ะ ของเราไปกลับ40$ ถูกมากกกกกอ่ะ แต่ข้อเสียคือไปกับคนแปลกหน้าก็แอบน่ากลัวนิดนึง แต่ตอนนั้นไม่มีทางเลือกแล้ว เสี่ยงเอา นึกถึงแต่พวกฆาตกรโรคจิตตามในหนังไปช่วงนึง กับถ้าภาษาอังกฤษง่อยนี่คือจบเลยนะ รถคงเงียบ แต่โชคดีเพื่อนไปอยู่นานก็ปล่อยให้เพื่อนคุยกับเค้าไป ระยะทางจาก Santa Monicaไปถึง Coachella ประมาณ2ชั่วโมงนิดๆค่ะ