เริ่มต้นด้วยที่ว่าทริปนี้ พวกเราสี่คนไม่ได้วางแผนมากนักก่อนที่จะไปเที่ยว มาวางแผนกันก่อนเที่ยวเพียงสองวันก่อนเดินทางเท่านั้น แถมมีเวลาแค่ 2 วันในการเที่ยวเท่านั้น!! ก็คือเสาร์-อาทิตย์ (เป็นมนุษย์เงินเดือนต้องทำใจ) วันลาพักร้อนของปีก็ใช้หมดไปแล้ว... (เดินทาง 27 - 28 ธันวา 2557)
- พวกเราก็ตัดสินใจว่าจะไปสังขละบุรีกัน!
อุปสรรคไม่ได้มีเพียงแค่นั้น พวกเราไม่มีรถขับกันด้วยจ้าา งานนี้ใช้บริการคมนาคมแห่งประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้น... เราโทรเช็คโรงแรมเท่าที่หาได้ตามเว็ปไซด์ และรีวิวของคนอื่นที่ไปมา โทรแล้วแทบทุกที่ที่หาได้ ได้คำตอบมาแบบเดียวกันค่ะว่า “เต็มค่ะ, เต็มครับ”
พวกเรายังไม่หมดความพยายาม ว่าจะไปก็ต้องไปส่งท้ายปีซะหน่อย พี่ของเพื่อนที่เคยไปจึงแนะนำที่พักใกล้สะพานมอญ ที่แน่ๆ ว่างอยู่ค่ะ เพราะว่าเป็นเต็นท์ จึงโทรไปสอบถามที่พักชื่อว่า “เรือนดอกบัว” และก็ได้คำตอบมาว่า “ว่าง ไม่ต้องจอง สามารถว๊อคอินเข้ามาในที่พักได้เลย” พอทราบข่าว น้ำตาก็จะไหล...มีที่พักแล้วพวกเรา
- หลังจากนี้ ก็คือแพคกระเป๋า และเตรียมเดินทางอย่างสบายใจ
เช้าวันเสาร์
5:20 พวกเราพร้อมหน้ากันที่ท่ารถตู้อนุสาวรีย์ฯ โทรเช็คว่ารอบเช้าสุดคือเวลา 5:30 เพื่อที่ว่าให้พวกเราไปถึงที่เมืองกาญฯ เช้าที่สุดค่ะ (ราคาค่าตั๋ว 120 บาท กทม.-เมืองกาญ)
7:50 ถึงท่ารถบขส.เมืองกาญแล้วค่ะ พอลงจากรถแบบงงๆ ว่าจะเดินทางไปสังขละฯ ต่ออย่างไร คนแถวนั้นก็ชี้ไปที่ท่ารถตู้อีกที่ ชื่อวินไทรโยคค่ะ เดินเข้าไปถาม เราก็ได้รถไปสังขละฯ ในรอบเวลา 8:20 (ค่าตั๋ว 175 บาท) ตามจริงถ้ามีเวลามากกว่านี้ การนั่งรถบัสท้องถิ่น็น่าสนค่ะ
- ระหว่างเวลาที่รอ เราก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า ไปหาไรกินมื้อเช้าก่อนเดินทาง
8:20 พอรถตู้ออกเดินทาง หนังท้องที่กินข้าวไปก็เริ่มตึง...ทำเอาหลับไปเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตื่นมาอีกทีก็เป็นทางคดเคี้ยวที่ต้องผ่านเขา ทำเอาหลับต่อไม่ลงจิงๆ
11:30 ถึงตัวเมืองสังขละแล้ว...ดีใจ จะร้องไห้ค่ะ ~ อากาศร้อนมากก! ทำไรไม่ถูก เพราะมึนเมาจากเส้นทางที่เดินทางมา
คราวนี้ไปตั้งหลักที่ 7-Eleven ร้านค้าพึ่งพายามยาก ซื้อเสบียงตุนไว้เพื่อการเดินทางอีกยาวไกล ด้วยอากาศที่ร้อน หน้ามืดตามัว เล่นซื้อของไม่ทันคิดว่าพวกเราจะไปต่อกันอย่างไร รถก็ไม่มี!?
พวกเราสอบถามคนแถวนั้นว่ามีรถมอไซด์ให้เช่าอยู่ และได้คำตอบมาว่ามีร้านพีเกสเฮ้าส์ ทันใดนั้นเรียกพี่วินมอไซด์ไปร้านเพื่อเช่ามอไซด์
พอพวกเราถึงร้านเกสเฮาส์ บรรยากาศน่าพักมากค่ะ ติดตรงที่ว่าเต็มเนี่ยแหละ
ค่าเช่ามอไซด์นั้นก็ราคา 200 บาทในระยะเวลา 24 ชม. เกียร์ออโต้ค่ะ ขี่ง่ายสบายก้น ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ให้เมื่อยน่อง เพราะทางในสังขละฯ ค่อยข้างเป็นเขาและทางโค้ง
เมื่อเราได้รถมอไซด์มาครอบครองก็ทำให้การเดินทางนั้นง่ายขึ้นเยอะค่ะ ประหยัดเวลาได้เยอะ ถ้าไม่นับกับการหลงทาง คราวนี้เราก็มุ่งหน้าไปยังที่พักใกล้สะพานมอญ
เมื่อมาถึงสะพานมอญ ทำเอาพวกเราอึ้ง! มันร้อนมากกกก...! ก่อนหน้านี้พวกเราคาดกันว่าอากาศจะหนาว หรือไม่ก็เย็นกว่านี้
ระหว่างที่เดินบนสะพานไม้มอญอันนี้ ก็จะเห็นเด็กๆ โดดน้ำ ว่ายน้ำกันเต็ม อากาศแบบนี้มันช่างน่าเล่นจิงๆ แต่ที่ชอบก็คงจะเป็นเด็ก ที่โดดน้ำจากสะพานเนี่ยแหละ ทำเอาป้าๆ หัวใจจะวาย แค่มองลงไปยังขาสั่น
ระหว่างเดินกันบนสะพาน ก็มีเด็กสองคนเดินตามมา พร้อมทักชวนคุย พวกเราก็หวั่นค่ะ กลัวเด็กจะมาหลอกขายอะไรหรือป่าว (อันนี้ระแวงไปเอง) คือเด็กชวนคุยเดินตามมาตลอดทาง ทำให้พวกเราไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไร แต่น้องๆ ก็ให้ข้อมูลพวกเราค่ะ ทันใดนั้นเองเดินมาถึงกลางสะพาน พวกเราก็เลยตัดสินใจเอาเงินให้เด็กไปค่ะ ประมาณ 80 บาท บอกเอาไปแบ่งกันนะ ตามคาดค่ะ! เด็กไม่ตามมาอีกเลยยยยยยยย.....
พอถึงที่พักก็ทำการจองเต๋นท์ พร้อมฝากสัมภาระไว้ที่พัก ถึงกับโล่งงงง ราคาเต๊นท์นั้นมีหลายแบบ แบบที่พวกเราจองคือขนาดใหญ่ เจ้าของบอกนอนได้ 4 คน แต่ลองคำนวนพื้นที่จิงๆ แล้วถ้านอน 4 คนนี่มันเบียดเสียดเกินไปค่ะ เสนอราคาที่ 500 บาท และเพิ่มอีกเต๊นท์แบบเล็ก ราคาอยู่ที่ 300 บาท ค่ะ
และแล้วก็พร้อมเดินทางกันต่อ...! แต่.....กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นร้านขนมจีนมอญป้าหยิน ร้านนี้ทำเลโดดเด่นค่ะ ข้ามสะพานมอญมาฝั่งมอญ ก้าวแรกที่ลงบันไดออกจากสะพานก็จะเห็นขนมจีนร้านป้าหยินเนี่ย เด่นเลย คนแน่นร้าน ที่นั่งแทบไม่มี คงเป็นเพราะทัวร์ลงเวลานั้นพอดี
สองข้างทางริมสะพาน เด็กๆ ถอดเสื้อว่ายน้ำกันเต็มไปหมดค่ะ เล่นเอาพวกเราละลาย อากาศมันร้อนค่ะ
ของขายตรงตีนสะพานฝั่งมอญค่ะ...
เด็กๆ ที่นี่น่ารักค่ะ กันเอง แค่ยื่นกล้องเด็กก็ยิ้มแล้ว แปลว่ามีคนถ่ายรูปเยอะอย่างกับซุปตาร์กันเลย
เมื่ออิ่มท้องก็พร้อมเดินทางกันต่อล่ะ เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว จึงตัดสินใจขี่มอไซด์ไปด่านเจดีย์สามองค์กันค่ะ
พวกเรามุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ด้วยมอไซด์ที่เช่ามา ห่างจากตัวเมืองสังขละราว 18 กม. ได้ ทำเอาหน้าชา ก้นชา แสบตากันเลยทีเดียว ระหว่างทางก็จะเจอด่านตรวจตลอดทาง แต่ก็ไม่เคยโดนตรวจมอไซด์ผ่านฉลิว หรืออาจด้วยหน้าตาอันอินเตอร์ของพวกเรา
เห็นธงอย่างงี้ แปลว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เข้าประเทศพม่าแล้วล่ะค่ะ
พอมาถึงด่านเจดีย์ กะทำการกรอกใบข้ามแดนไปพม่ากัน! ตามจิงมีทางเลือกที่ว่าเราจะข้ามไปเองหรือว่าจะไปกับทัวร์บริเวณน้ันมีบริการค่ะ คนละ 200 บาท ไปประมาณ3-4 ที่ ทั้งวัดทั้งตลาด แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการค่ะ งบน้อย เลยแค่ข้ามแดนแล้วไปตลาดพญาซองตูฝั่งพม่า
ค่าข้ามแดนจากไทยราคา 40 บาทต่อคน และก็จ้างมอไซด์อีกคนละ 20 บาทเพื่อไปตลาด พอไปถึงก็ไม่รู้จะซื้ออะไรค่ะ เหมือนตลาดสดบ้านเราแบบต่างจังหวัด ประเด็นมันคือไม่มีทรัพย์ในการใช้จ่ายมากค่ะ แต่เมื่อพวกเรามาถึงทั้งที มันต้องมีของติดมือติดปากไปบ้าง
จึงตัดสินใจกันว่า จะลองซื้อหมากมาเคี้ยวให้เหมือนวิถีคนแถวนั้นกันหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง... และเหลือบไปเห็นร้านคุณลุงคนนี้ค่ะ กำลังทำหมากเลย ลองซื้อมากินกัน ขาย 3 ชิ้น 5 บาทเท่านั้น
ส่วนประกอบ จขกท. ยังงง เลยว่ามันใส่ไรบ้าง แยกไม่ออกค่ะ แต่ที่แน่ๆ ตัวหมากเลือกได้ว่าจะเอาแบบเมาหรือไม่เมา และปูนที่ใช้จะเป็นปูนขาวค่ะ
พอเอาใส่เข้าปากเท่านั้นแหละ... เคี้ยวปุ๊ป อย่างกับกินน้ำอบ กับใบไม้ (เนื่องจากพวกเราไม่เคยเคี้ยวหมากกันมาเลย) ความรู้สึกเลยแปลกๆ แถมยังกลืนน้ำลายไม่ลงจิงๆ ค่ะ
พอหลังจากได้ลิ้มรสหมากแบบพม่าไสต์แล้ว พอใจกับการมาตลาดเท่านี้แล้วค่ะ ได้สัมผัสวิถีคนแถวนี้พอใจแล้ว ได้เวลากลับบ้านฝั่งไทยแล้วค่ะ เวลาก็เริ่มจะเย็นแล้ว ทันใดนั้นเรียกพี่วินกลับฝั่งราคา 20 บาทเท่ากับขามาค่ะ
ตกเย็นเวลาประมาณ
15:30 ผ่านไปเร็วมาก ข้ามมาตลาดบริเวณด่านเจดีย์พอดี ฝั่งไทยก็มีของขายเยอะเลยค่ะ เดินเล่น ซื้อของกันสักพัก
แม่ชีบริเวณด่านเจดีย์กำลังขอบริจาคทาน ชุดแบบนี้คือเแมชีแบบพม่าค่ะ จะไว้คิ้ว นุ่งผ้าสีชมพู
ทันใดนั้นก็รีบเบิ่งเข้าตัวเมืองสังขละ แต่เจอสิ่งเย้ายวนน่าแวะ ระหว่างทาง มันคือที่เล่นน้ำชื่อว่า “จุดเล่นน้ำซองกาเลีย” เป็นแพ พร้อมที่เช่าห่วงยางเล่นน้ำเต็มเลยค่ะ หรือว่าจะพักทานข้าวก็มี แต่เวลานั้น พวกเรายังทนความหิวได้ค่ะ นั่งแพริมน้ำและนั่งดูเด็กๆ เล่นน้ำ อย่างสนุก เล่นเอาป้าๆ อายกันเลย เจอเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเล่นน้ำบ้าง
- พวกเราก็ใช้เวลานั่งพักไปในตัว เพลินดีค่ะ
เพลิดเพลินก็เพลินไปหน่อย...!!!
17:00 พอพระอาทิตย์จะใกล้ตกดิน ถึงเวลาอันสมควรที่ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ ท้องฟ้าเริ่มใกล้หม่นแล้ว เราต้องรีบเดินทางกลับ เดินทางมาด้วยมอไซด์ หากกลับช้า จะมืดแล้วอันตรายได้ค่ะ คราวนี้เข้าเมือง เรารีบแว๊นไปชมพระอาทิตย์ตกที่สะพานมอญ มันคือไฮไลท์เลยก็ว่าได้
19:00 หลังจากชมเสร็จ ใช้เวลาสักพัก คำว่าหิวมันมาแล้ว รีบขี่มอไชด์ไปที่ตลาด ซึ่งว่าวันนี้มีตลาดกลางคืนด้วย เนื่องจากคืนวันเสาร์ แต่ก่อนเดิน ขอกินไรก่อนค่ะ จะเป็นลม... แล้วเราก็เห็นร้านอาหารชื่อ “ร้านศรีแดงค่ะ” คนเยอะ ท่าทางน่าอร่อย และป้ายที่โดดเด่น “เจ้าแรกของ อ.สังขละบุรี”
เดินเข้าไปด้วยความหิวโหย สั่งอาหารมากมายด้วยอารมณ์ รสชาติอาหารดีเลยค่ะ
รูปจากเว็ปไชด์อื่นค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินตลาดกลางคืนสักหน่อย อากาศกำลังดีค่ะไม่ร้อน แต่ก็ไม่ได้เย็นตามที่คาดไว้ค่ะ บรรยากาศชิวดี มีของขายทั้งเสื้อผ้า หมวกถัก ผ้าซิ่นฉบับมอญ หรือของกินต่างๆ นานา เหมือนตลาดลางคืนทั่วไป ขออภัยด้วยนะคะที่ไม่มีรูป หมดแรงแม้กระทั่งยกมือถือมาถ่ายรูป
20:30 แล้วเราก้ต้องขี่มอไซด์กลับที่พักค่ะ สองข้างทางมืดเอาการ
บรรยากาศบนสะพานมอญยามดึก สวยเลยค่ะ .
[CR] ~~สังขละฯ~~ 2 วัน 2พัน 2เท้า ตราตรึง กับทรัพย์อันน้อยนิด
- พวกเราก็ตัดสินใจว่าจะไปสังขละบุรีกัน!
อุปสรรคไม่ได้มีเพียงแค่นั้น พวกเราไม่มีรถขับกันด้วยจ้าา งานนี้ใช้บริการคมนาคมแห่งประเทศไทย ไม่เพียงเท่านั้น... เราโทรเช็คโรงแรมเท่าที่หาได้ตามเว็ปไซด์ และรีวิวของคนอื่นที่ไปมา โทรแล้วแทบทุกที่ที่หาได้ ได้คำตอบมาแบบเดียวกันค่ะว่า “เต็มค่ะ, เต็มครับ”
พวกเรายังไม่หมดความพยายาม ว่าจะไปก็ต้องไปส่งท้ายปีซะหน่อย พี่ของเพื่อนที่เคยไปจึงแนะนำที่พักใกล้สะพานมอญ ที่แน่ๆ ว่างอยู่ค่ะ เพราะว่าเป็นเต็นท์ จึงโทรไปสอบถามที่พักชื่อว่า “เรือนดอกบัว” และก็ได้คำตอบมาว่า “ว่าง ไม่ต้องจอง สามารถว๊อคอินเข้ามาในที่พักได้เลย” พอทราบข่าว น้ำตาก็จะไหล...มีที่พักแล้วพวกเรา
- หลังจากนี้ ก็คือแพคกระเป๋า และเตรียมเดินทางอย่างสบายใจ
เช้าวันเสาร์
5:20 พวกเราพร้อมหน้ากันที่ท่ารถตู้อนุสาวรีย์ฯ โทรเช็คว่ารอบเช้าสุดคือเวลา 5:30 เพื่อที่ว่าให้พวกเราไปถึงที่เมืองกาญฯ เช้าที่สุดค่ะ (ราคาค่าตั๋ว 120 บาท กทม.-เมืองกาญ)
7:50 ถึงท่ารถบขส.เมืองกาญแล้วค่ะ พอลงจากรถแบบงงๆ ว่าจะเดินทางไปสังขละฯ ต่ออย่างไร คนแถวนั้นก็ชี้ไปที่ท่ารถตู้อีกที่ ชื่อวินไทรโยคค่ะ เดินเข้าไปถาม เราก็ได้รถไปสังขละฯ ในรอบเวลา 8:20 (ค่าตั๋ว 175 บาท) ตามจริงถ้ามีเวลามากกว่านี้ การนั่งรถบัสท้องถิ่น็น่าสนค่ะ
- ระหว่างเวลาที่รอ เราก็ไม่ปล่อยให้เสียเวลาเปล่า ไปหาไรกินมื้อเช้าก่อนเดินทาง
8:20 พอรถตู้ออกเดินทาง หนังท้องที่กินข้าวไปก็เริ่มตึง...ทำเอาหลับไปเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ตื่นมาอีกทีก็เป็นทางคดเคี้ยวที่ต้องผ่านเขา ทำเอาหลับต่อไม่ลงจิงๆ
11:30 ถึงตัวเมืองสังขละแล้ว...ดีใจ จะร้องไห้ค่ะ ~ อากาศร้อนมากก! ทำไรไม่ถูก เพราะมึนเมาจากเส้นทางที่เดินทางมา
คราวนี้ไปตั้งหลักที่ 7-Eleven ร้านค้าพึ่งพายามยาก ซื้อเสบียงตุนไว้เพื่อการเดินทางอีกยาวไกล ด้วยอากาศที่ร้อน หน้ามืดตามัว เล่นซื้อของไม่ทันคิดว่าพวกเราจะไปต่อกันอย่างไร รถก็ไม่มี!?
พวกเราสอบถามคนแถวนั้นว่ามีรถมอไซด์ให้เช่าอยู่ และได้คำตอบมาว่ามีร้านพีเกสเฮ้าส์ ทันใดนั้นเรียกพี่วินมอไซด์ไปร้านเพื่อเช่ามอไซด์
พอพวกเราถึงร้านเกสเฮาส์ บรรยากาศน่าพักมากค่ะ ติดตรงที่ว่าเต็มเนี่ยแหละ
ค่าเช่ามอไซด์นั้นก็ราคา 200 บาทในระยะเวลา 24 ชม. เกียร์ออโต้ค่ะ ขี่ง่ายสบายก้น ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ให้เมื่อยน่อง เพราะทางในสังขละฯ ค่อยข้างเป็นเขาและทางโค้ง
เมื่อเราได้รถมอไซด์มาครอบครองก็ทำให้การเดินทางนั้นง่ายขึ้นเยอะค่ะ ประหยัดเวลาได้เยอะ ถ้าไม่นับกับการหลงทาง คราวนี้เราก็มุ่งหน้าไปยังที่พักใกล้สะพานมอญ
เมื่อมาถึงสะพานมอญ ทำเอาพวกเราอึ้ง! มันร้อนมากกกก...! ก่อนหน้านี้พวกเราคาดกันว่าอากาศจะหนาว หรือไม่ก็เย็นกว่านี้
ระหว่างที่เดินบนสะพานไม้มอญอันนี้ ก็จะเห็นเด็กๆ โดดน้ำ ว่ายน้ำกันเต็ม อากาศแบบนี้มันช่างน่าเล่นจิงๆ แต่ที่ชอบก็คงจะเป็นเด็ก ที่โดดน้ำจากสะพานเนี่ยแหละ ทำเอาป้าๆ หัวใจจะวาย แค่มองลงไปยังขาสั่น
ระหว่างเดินกันบนสะพาน ก็มีเด็กสองคนเดินตามมา พร้อมทักชวนคุย พวกเราก็หวั่นค่ะ กลัวเด็กจะมาหลอกขายอะไรหรือป่าว (อันนี้ระแวงไปเอง) คือเด็กชวนคุยเดินตามมาตลอดทาง ทำให้พวกเราไม่ได้ถ่ายรูปเท่าไร แต่น้องๆ ก็ให้ข้อมูลพวกเราค่ะ ทันใดนั้นเองเดินมาถึงกลางสะพาน พวกเราก็เลยตัดสินใจเอาเงินให้เด็กไปค่ะ ประมาณ 80 บาท บอกเอาไปแบ่งกันนะ ตามคาดค่ะ! เด็กไม่ตามมาอีกเลยยยยยยยย.....
พอถึงที่พักก็ทำการจองเต๋นท์ พร้อมฝากสัมภาระไว้ที่พัก ถึงกับโล่งงงง ราคาเต๊นท์นั้นมีหลายแบบ แบบที่พวกเราจองคือขนาดใหญ่ เจ้าของบอกนอนได้ 4 คน แต่ลองคำนวนพื้นที่จิงๆ แล้วถ้านอน 4 คนนี่มันเบียดเสียดเกินไปค่ะ เสนอราคาที่ 500 บาท และเพิ่มอีกเต๊นท์แบบเล็ก ราคาอยู่ที่ 300 บาท ค่ะ
และแล้วก็พร้อมเดินทางกันต่อ...! แต่.....กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ทันใดนั้น ก็เหลือบไปเห็นร้านขนมจีนมอญป้าหยิน ร้านนี้ทำเลโดดเด่นค่ะ ข้ามสะพานมอญมาฝั่งมอญ ก้าวแรกที่ลงบันไดออกจากสะพานก็จะเห็นขนมจีนร้านป้าหยินเนี่ย เด่นเลย คนแน่นร้าน ที่นั่งแทบไม่มี คงเป็นเพราะทัวร์ลงเวลานั้นพอดี
สองข้างทางริมสะพาน เด็กๆ ถอดเสื้อว่ายน้ำกันเต็มไปหมดค่ะ เล่นเอาพวกเราละลาย อากาศมันร้อนค่ะ
ของขายตรงตีนสะพานฝั่งมอญค่ะ...
เด็กๆ ที่นี่น่ารักค่ะ กันเอง แค่ยื่นกล้องเด็กก็ยิ้มแล้ว แปลว่ามีคนถ่ายรูปเยอะอย่างกับซุปตาร์กันเลย
เมื่ออิ่มท้องก็พร้อมเดินทางกันต่อล่ะ เนื่องจากเป็นเวลาบ่ายแก่ๆ แล้ว จึงตัดสินใจขี่มอไซด์ไปด่านเจดีย์สามองค์กันค่ะ
พวกเรามุ่งหน้าสู่ด่านเจดีย์สามองค์ด้วยมอไซด์ที่เช่ามา ห่างจากตัวเมืองสังขละราว 18 กม. ได้ ทำเอาหน้าชา ก้นชา แสบตากันเลยทีเดียว ระหว่างทางก็จะเจอด่านตรวจตลอดทาง แต่ก็ไม่เคยโดนตรวจมอไซด์ผ่านฉลิว หรืออาจด้วยหน้าตาอันอินเตอร์ของพวกเรา
เห็นธงอย่างงี้ แปลว่าอีกไม่กี่ก้าวก็เข้าประเทศพม่าแล้วล่ะค่ะ
พอมาถึงด่านเจดีย์ กะทำการกรอกใบข้ามแดนไปพม่ากัน! ตามจิงมีทางเลือกที่ว่าเราจะข้ามไปเองหรือว่าจะไปกับทัวร์บริเวณน้ันมีบริการค่ะ คนละ 200 บาท ไปประมาณ3-4 ที่ ทั้งวัดทั้งตลาด แต่พวกเราไม่ได้ใช้บริการค่ะ งบน้อย เลยแค่ข้ามแดนแล้วไปตลาดพญาซองตูฝั่งพม่า
ค่าข้ามแดนจากไทยราคา 40 บาทต่อคน และก็จ้างมอไซด์อีกคนละ 20 บาทเพื่อไปตลาด พอไปถึงก็ไม่รู้จะซื้ออะไรค่ะ เหมือนตลาดสดบ้านเราแบบต่างจังหวัด ประเด็นมันคือไม่มีทรัพย์ในการใช้จ่ายมากค่ะ แต่เมื่อพวกเรามาถึงทั้งที มันต้องมีของติดมือติดปากไปบ้าง
จึงตัดสินใจกันว่า จะลองซื้อหมากมาเคี้ยวให้เหมือนวิถีคนแถวนั้นกันหน่อย เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง... และเหลือบไปเห็นร้านคุณลุงคนนี้ค่ะ กำลังทำหมากเลย ลองซื้อมากินกัน ขาย 3 ชิ้น 5 บาทเท่านั้น
ส่วนประกอบ จขกท. ยังงง เลยว่ามันใส่ไรบ้าง แยกไม่ออกค่ะ แต่ที่แน่ๆ ตัวหมากเลือกได้ว่าจะเอาแบบเมาหรือไม่เมา และปูนที่ใช้จะเป็นปูนขาวค่ะ
พอเอาใส่เข้าปากเท่านั้นแหละ... เคี้ยวปุ๊ป อย่างกับกินน้ำอบ กับใบไม้ (เนื่องจากพวกเราไม่เคยเคี้ยวหมากกันมาเลย) ความรู้สึกเลยแปลกๆ แถมยังกลืนน้ำลายไม่ลงจิงๆ ค่ะ
พอหลังจากได้ลิ้มรสหมากแบบพม่าไสต์แล้ว พอใจกับการมาตลาดเท่านี้แล้วค่ะ ได้สัมผัสวิถีคนแถวนี้พอใจแล้ว ได้เวลากลับบ้านฝั่งไทยแล้วค่ะ เวลาก็เริ่มจะเย็นแล้ว ทันใดนั้นเรียกพี่วินกลับฝั่งราคา 20 บาทเท่ากับขามาค่ะ
ตกเย็นเวลาประมาณ
15:30 ผ่านไปเร็วมาก ข้ามมาตลาดบริเวณด่านเจดีย์พอดี ฝั่งไทยก็มีของขายเยอะเลยค่ะ เดินเล่น ซื้อของกันสักพัก
แม่ชีบริเวณด่านเจดีย์กำลังขอบริจาคทาน ชุดแบบนี้คือเแมชีแบบพม่าค่ะ จะไว้คิ้ว นุ่งผ้าสีชมพู
ทันใดนั้นก็รีบเบิ่งเข้าตัวเมืองสังขละ แต่เจอสิ่งเย้ายวนน่าแวะ ระหว่างทาง มันคือที่เล่นน้ำชื่อว่า “จุดเล่นน้ำซองกาเลีย” เป็นแพ พร้อมที่เช่าห่วงยางเล่นน้ำเต็มเลยค่ะ หรือว่าจะพักทานข้าวก็มี แต่เวลานั้น พวกเรายังทนความหิวได้ค่ะ นั่งแพริมน้ำและนั่งดูเด็กๆ เล่นน้ำ อย่างสนุก เล่นเอาป้าๆ อายกันเลย เจอเป็นกลุ่มเด็กผู้หญิงเล่นน้ำบ้าง
- พวกเราก็ใช้เวลานั่งพักไปในตัว เพลินดีค่ะ
เพลิดเพลินก็เพลินไปหน่อย...!!!
17:00 พอพระอาทิตย์จะใกล้ตกดิน ถึงเวลาอันสมควรที่ต้องกลับแล้วล่ะค่ะ ท้องฟ้าเริ่มใกล้หม่นแล้ว เราต้องรีบเดินทางกลับ เดินทางมาด้วยมอไซด์ หากกลับช้า จะมืดแล้วอันตรายได้ค่ะ คราวนี้เข้าเมือง เรารีบแว๊นไปชมพระอาทิตย์ตกที่สะพานมอญ มันคือไฮไลท์เลยก็ว่าได้
19:00 หลังจากชมเสร็จ ใช้เวลาสักพัก คำว่าหิวมันมาแล้ว รีบขี่มอไชด์ไปที่ตลาด ซึ่งว่าวันนี้มีตลาดกลางคืนด้วย เนื่องจากคืนวันเสาร์ แต่ก่อนเดิน ขอกินไรก่อนค่ะ จะเป็นลม... แล้วเราก็เห็นร้านอาหารชื่อ “ร้านศรีแดงค่ะ” คนเยอะ ท่าทางน่าอร่อย และป้ายที่โดดเด่น “เจ้าแรกของ อ.สังขละบุรี”
เดินเข้าไปด้วยความหิวโหย สั่งอาหารมากมายด้วยอารมณ์ รสชาติอาหารดีเลยค่ะ
รูปจากเว็ปไชด์อื่นค่ะ
หลังจากนั้นก็เดินตลาดกลางคืนสักหน่อย อากาศกำลังดีค่ะไม่ร้อน แต่ก็ไม่ได้เย็นตามที่คาดไว้ค่ะ บรรยากาศชิวดี มีของขายทั้งเสื้อผ้า หมวกถัก ผ้าซิ่นฉบับมอญ หรือของกินต่างๆ นานา เหมือนตลาดลางคืนทั่วไป ขออภัยด้วยนะคะที่ไม่มีรูป หมดแรงแม้กระทั่งยกมือถือมาถ่ายรูป
20:30 แล้วเราก้ต้องขี่มอไซด์กลับที่พักค่ะ สองข้างทางมืดเอาการ
บรรยากาศบนสะพานมอญยามดึก สวยเลยค่ะ .