สวัสดีปีใหม่ค่ะ ทุกคน
ขอให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ดีของทุกคนนะคะ เราไม่ขออวยพรให้ทุกคนมีแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต เพราะสุขมาพร้อมกับทุกข์ และทุกข์ก็มาพร้อมกับสุขเช่นกัน เป็นอนิจจัง แต่จะขอให้ทุกคนมีกำลังใจทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ
เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้ (ขออนุญาตแทนตัวเองว่าเรานะคะ ดิฉันอาจฟังดูทางการไปสักหน่อย) ตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อคุณแม่ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ตรงและให้ข้อมูลตามที่รู้ หวังว่าเรื่องราวที่แบ่งปันนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน หรือกำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่มากก็น้อย เราจะพยายามใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนที่สุดนะคะ แต่ทั้งนี้ขอแนะนำให้ท่านที่มาอ่านใช้วิจารณญาณเป็นสำคัญ เพราะปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดและการดำเนินของโรค สภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นการวินิจฉัยและแผนการรักษาจึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ กระทู้นี้เพียงแค่เสนอความเห็นในอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางวิชาการ ผู้อ่านควรจะไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อความถูกต้องแม่นยำอีกขั้นหนึ่ง เราเพียงแค่ให้ข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆเท่านั้นค่ะ หากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ จุดประสงค์หลักของเรามิใช่การให้ข้อมูลทางวิชาการแต่เพื่อสนับสนุนให้คนหันมารักษามะเร็งโดยวิทยาการปัจจุบันกันมากขึ้นค่ะ อย่าเสียเวลาและโอกาส
ด้วยภาระความรับผิดชอบและเวลาที่จำกัดอาจทำให้การอัพเดทเพิ่มช้าลงไปบ้าง และอาจไม่ได้ตอบทุกความเห็นที่เขียนมา ก็ต้องขอขอบคุณและขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หากมีเวลาจะเข้ามาแก้ไขและใส่รูปหรือข้อมูลทางการแพทย์เพิ่มค่ะ แต่ไม่ว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไรก็ตั้งใจจะเขียนให้จบ เพื่อหวังอุทิศเป็นบุญให้กับคุณแม่ซึ่งขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ค่ะ ขอแบ่งสิ่งที่เขียนเป็นบทย่อยๆเพื่อความสะดวกในการอ่านค่ะ
เริ่มเลยนะคะ...
ข้อมูลเบื้องต้น (รายละเอียดจะเล่าเป็นตอนๆไปค่ะ)
คนไข้อายุ 62 ปี
ตรวจเจอมะเร็ง – มิ.ย.56 และปฏิเสธแผนการรักษาทางปัจจุบัน
ยอมเข้ารับการรักษามะเร็ง – มิ.ย.57 (คีโมครั้งแรก)
การปฏิบัติตัวหลังปฏิเสธการรักษา (ประมาณ 1 ปี ก่อนหน้าการรักษาแผนปัจจุบัน)
- ยาสมุนไพรพ่นจมูก
- ยาหม้อ
- สมุนไพรน้ำ
- งดเนื้อสัตว์ ทานน้ำผักคั้นสด
- การนวดบรรเทาความเจ็บปวด
- ความเชื่อทางไสยศาสตร์
การรักษาแผนปัจจุบันที่ผ่านมา
- คีโม (ที่ไทย)
- ฝังแร่ (ที่ประเทศจีน)
- คีโมเฉพาะจุด (ที่ประเทศจีน)
*หมายเหตุ* ณ ส.ค. 57 แผนการรักษาเบื้องต้นคือคีโมเพื่อให้ก้อนยุบ เพื่อที่จะฉายแสง แต่ผลปรากฏว่าก้อนที่หลังโพรงจมูกยุบเล็กน้อย แต่ที่สมองไม่ยุบ การฉายแสงแพทย์ให้ความเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงและผลที่คาดว่าจะได้รับไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ คือเป็นการประทังการโตของก้อนในสมองได้แค่ประมาณ 3 เดือน เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ก้อนหายไป แพทย์แนะนำให้ยุติการรักษา และกลับบ้าน
อาการปัจจุบัน:
- มะเร็งหลังโพรงจมูก ระยะลุกลาม (ก้อนหลังโพรงจมูกโตและขยายลามไปเบียดในสมอง) โดยก้อนตั้งต้นอยู่หลังบริเวณโพรงจมูกด้านซ้าย
- สมองบวม
- ติดเชื้อง่าย ปอดติดเชื้อเป็นระยะ มีเสมหะเยอะต้องใช้เครื่องดูดเสมหะ
- เบาหวาน
- ผู้ป่วยไม่สามารถกลืนและเคี้ยวบด น้ำ/อาหารได้ ต้องใส่สายทางจมูกเพื่อให้สารอาหาร
- ผู้ป่วยได้รับการสวนคาสายปัสสาวะ
ลักษณะภายนอก:
- แก้มด้านซ้ายบวมโตโย้ ในขณะที่แก้มด้านขวาปกติ
- ริมฝีปากเบี้ยว ปากแห้ง มีคราบเมือกน้ำลายแข็งๆระหว่างริมฝีปากหากปล่อยให้ปากแห้งนานเกิน ต้องมีการใช้สเปรย์เล็กๆใส่น้ำและฉีดในโพรงปาก เพื่อความชุ่มชื้น ดับกระหาย และป้องกันการสำลักหากจะให้ดื่มน้ำด้วยตัวเอง
- ตาข้างซ้ายไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากหนังตาปิดลงมา (ดูเหมือนคนหลับตา) มีเยื่อบุตาถูกดันออกมารอบขอบตาล่าง ลักษณะเหมือนวุ้นใสๆสีแดงจางๆ โดยก่อนหน้าที่หนังตาจะปิดลงมา ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการกลอกตา (มองดูเหมือนตาเหล่)
- นน.เริ่มต้นเมื่อตรวจพบโรค 70 kg ชั่งล่าสุด ณ ปัจจุบัน 42 kg ผู้ป่วยสูง 164 cm
- ขาไม่มีแรง ไม่มีแรงพยุงตัวเองยืนหรือเดินได้ จึงอยู่บนเตียงเป็นหลัก แต่มีการจัดท่าและพลิกตัวเป็นระยะ ต้องมีคนช่วยเวลาลุกนั่งบนเตียง มีการทำกายภาพบนเตียงอยู่เรื่อยๆ
อาการอื่นๆ:
- ปวดศีรษะอยู่บ่อยๆ มีการใช้ยาระงับความปวดตามแพทย์สั่ง เช่น Tylenol-codeine และ Morphine syrup (มอร์ฟีนน้ำ)
- พูดคุยโต้ตอบพอรู้เรื่อง มีการใช้คำพูดไม่ถูกต้อง มีอาการเพ้อ ลืมง่าย ปัญหาด้านความจำเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาไม่นาน แต่จำเรื่องอดีตได้เป็นส่วนใหญ่ ไม่สามารถแบ่งแยกรับรู้วันเวลาได้
- บางครั้งไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง เช่นว่า ตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หรือ บางครั้งเข้าใจเช่นว่ามาโรงพยาบาลเพื่อรักษาตา
- มีอารมณ์เกรี้ยวกราดบางครั้ง (ระยะหลังบ่อยขึ้น) ต่อต้าน พยายามดึงสายที่ให้อาหารทางจมูกออก น้อยใจ ต้องการกำลังใจสูง
ต่อไปขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ หวังว่าเรื่องราวของพวกเราคงจะเป็นแง่คิดและกำลังใจให้หลายๆคนได้ โดยเฉพาะหลายๆคนที่ตอนนี้ยืนอยู่กับจุดเดียวที่เราเคยยืนเมื่อเกือบสองปีก่อน คือการตัดสินใจว่าจะยอมรับแผนการรักษาทางปัจจุบันหรือไม่ ความเสี่ยง ข้อมูล และสิ่งที่ต้องคิดและตัดสินใจอื่นๆอีกมากมาย...
*แก้ไข เพิ่มไทม์ไลน์แบบย่อๆนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์และให้ง่ายขึ้นสำหรับการอ่านรายละเอียดค่ะ
ปี 54
ต้นปี - คุณแม่บ่นปวดหัว อ่อนเพลีย
หลังกลางปี 54 ประมาณ ส.ค. - พบก้อนกลมๆ ที่ต้นคอด้านซ้าย (เหมือนก้อนมะกรูดเล็กๆ)
ปี 55
ก.ค. - เข้าที่โรงพยาบาลแถวบ้าน ด้วยอาการได้ยินเสียงในหู และมีก้อนข้างคอซ้าย หมอวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืออักเสบ
และจ่ายยาฆ่าเชื้อ
ปี 56
มิ.ย. ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก หมอวางแผนให้ฉายแสงและคีโมควบคู่กัน แต่ปฏิเสธการรักษาแผนปัจจุบัน ไปเลือกรักษาหมอจีน,สมุนไพร แทน
ปี 57
มิ.ย. เริ่มรักษาหมอ คีโมที่ไทย เพื่อให้ก้อนยุบก่อนจะฉายแสงได้
มาพบหมอด้วยสภาพอาการน้ำหนักลดฮวบ มีก้อนหลายก้อนที่ข้างคอด้านซ้าย และเริ่มมีก้อนเล็กๆเพิ่ม ที่ต้นคอด้านขวา หนังตาซ้ายปิดลงมา (เหมือนคนหลับตา) แต่ยังพอมองเห็นแต่ไม่ชัด แก้มซ้ายชาและเจ็บ เกร็ง กลืนลำบาก เคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ (ข้าวต้มต้องต้มให้เละมากๆ ไม่เช่นนั้นแม่จะบ่นว่าแข็ง) ลิ้นชา การรับรู้รสเพี้ยน (เช่น อย่างเราทานผลไม้ว่าหวานปกติ สำหรับเค้าคือหวานมาก เปรี้ยวมาก) มีเสมหะเยอะ ต้องบ้วนออกตลอดเวลา อาการอื่น เช่น ปวดหัวมาก เลือดกำเดาไหลบางครั้ง อยู่ดีๆร่างกายเกร็งชักกระตุก (เหมือนคนสะอึกหนักๆ) หากวางมือสองข้างไว้บนหน้าตัก เมื่อเกิดอาการกระตุก มือจากที่คว่ำวางไว้ จะหงายเอง และกำเข้าหาตัว หลังจากแสกนแล้วพบว่า ก้อนเริ่มลามเข้าไปที่สมอง แต่ยังไม่แพร่ไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
ส.ค. ก้อนที่ข้างคอยุบแต่ก้อนที่สมองไม่ยุบ แพทย์วินิจฉัยว่าการรักษาต่อจะเป็นผลเสียต่อคนไข้มากกว่าผลดี แนะนำให้กลับบ้าน
ก.ย. - ต.ค. ฝังแร่และคีโมที่จีน
พ.ย.-ปัจจุบัน กลับมาไทยเพื่อพักฟื้นที่โรงพยาบาล การรักษาแบบ Pallative Care หรือการรักษาแบบประคับประคอง
กว่าแม่จะยอมรักษามะเร็ง
ขอให้ปีนี้เป็นอีกปีที่ดีของทุกคนนะคะ เราไม่ขออวยพรให้ทุกคนมีแต่สิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต เพราะสุขมาพร้อมกับทุกข์ และทุกข์ก็มาพร้อมกับสุขเช่นกัน เป็นอนิจจัง แต่จะขอให้ทุกคนมีกำลังใจทำวันนี้ให้ดีที่สุดค่ะ
เรื่องราวที่เราจะเล่าต่อไปนี้ (ขออนุญาตแทนตัวเองว่าเรานะคะ ดิฉันอาจฟังดูทางการไปสักหน่อย) ตั้งใจเขียนขึ้นเพื่อคุณแม่ซึ่งตอนนี้ป่วยเป็นโรคมะเร็งหลังโพรงจมูก เขียนขึ้นเพื่อบอกเล่าประสบการณ์ตรงและให้ข้อมูลตามที่รู้ หวังว่าเรื่องราวที่แบ่งปันนี้คงจะเป็นประโยชน์แก่ทุกคนที่ผ่านเข้ามาอ่าน หรือกำลังอยู่ในสถานการณ์เดียวกันไม่มากก็น้อย เราจะพยายามใส่ข้อมูลให้ครบถ้วนที่สุดนะคะ แต่ทั้งนี้ขอแนะนำให้ท่านที่มาอ่านใช้วิจารณญาณเป็นสำคัญ เพราะปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดและการดำเนินของโรค สภาพร่างกายของคนไข้แต่ละคนไม่เหมือนกัน ดังนั้นการวินิจฉัยและแผนการรักษาจึงควรอยู่ในดุลยพินิจของแพทย์ กระทู้นี้เพียงแค่เสนอความเห็นในอีกแง่มุมหนึ่งเท่านั้นค่ะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อมูลทางวิชาการ ผู้อ่านควรจะไปค้นคว้าเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้เพื่อความถูกต้องแม่นยำอีกขั้นหนึ่ง เราเพียงแค่ให้ข้อมูลเบื้องต้นคร่าวๆเท่านั้นค่ะ หากผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยด้วยค่ะ จุดประสงค์หลักของเรามิใช่การให้ข้อมูลทางวิชาการแต่เพื่อสนับสนุนให้คนหันมารักษามะเร็งโดยวิทยาการปัจจุบันกันมากขึ้นค่ะ อย่าเสียเวลาและโอกาส
ด้วยภาระความรับผิดชอบและเวลาที่จำกัดอาจทำให้การอัพเดทเพิ่มช้าลงไปบ้าง และอาจไม่ได้ตอบทุกความเห็นที่เขียนมา ก็ต้องขอขอบคุณและขออภัยล่วงหน้ามา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ หากมีเวลาจะเข้ามาแก้ไขและใส่รูปหรือข้อมูลทางการแพทย์เพิ่มค่ะ แต่ไม่ว่าผลตอบรับจะเป็นอย่างไรก็ตั้งใจจะเขียนให้จบ เพื่อหวังอุทิศเป็นบุญให้กับคุณแม่ซึ่งขณะนี้นอนพักรักษาตัวอยู่ค่ะ ขอแบ่งสิ่งที่เขียนเป็นบทย่อยๆเพื่อความสะดวกในการอ่านค่ะ
เริ่มเลยนะคะ...
ข้อมูลเบื้องต้น (รายละเอียดจะเล่าเป็นตอนๆไปค่ะ)
คนไข้อายุ 62 ปี
ตรวจเจอมะเร็ง – มิ.ย.56 และปฏิเสธแผนการรักษาทางปัจจุบัน
ยอมเข้ารับการรักษามะเร็ง – มิ.ย.57 (คีโมครั้งแรก)
การปฏิบัติตัวหลังปฏิเสธการรักษา (ประมาณ 1 ปี ก่อนหน้าการรักษาแผนปัจจุบัน)
- ยาสมุนไพรพ่นจมูก
- ยาหม้อ
- สมุนไพรน้ำ
- งดเนื้อสัตว์ ทานน้ำผักคั้นสด
- การนวดบรรเทาความเจ็บปวด
- ความเชื่อทางไสยศาสตร์
การรักษาแผนปัจจุบันที่ผ่านมา
- คีโม (ที่ไทย)
- ฝังแร่ (ที่ประเทศจีน)
- คีโมเฉพาะจุด (ที่ประเทศจีน)
*หมายเหตุ* ณ ส.ค. 57 แผนการรักษาเบื้องต้นคือคีโมเพื่อให้ก้อนยุบ เพื่อที่จะฉายแสง แต่ผลปรากฏว่าก้อนที่หลังโพรงจมูกยุบเล็กน้อย แต่ที่สมองไม่ยุบ การฉายแสงแพทย์ให้ความเห็นว่ามีความเสี่ยงสูงและผลที่คาดว่าจะได้รับไม่อยู่ในระดับที่น่าพอใจ คือเป็นการประทังการโตของก้อนในสมองได้แค่ประมาณ 3 เดือน เท่านั้น ไม่ได้ทำให้ก้อนหายไป แพทย์แนะนำให้ยุติการรักษา และกลับบ้าน
อาการปัจจุบัน:
- มะเร็งหลังโพรงจมูก ระยะลุกลาม (ก้อนหลังโพรงจมูกโตและขยายลามไปเบียดในสมอง) โดยก้อนตั้งต้นอยู่หลังบริเวณโพรงจมูกด้านซ้าย
- สมองบวม
- ติดเชื้อง่าย ปอดติดเชื้อเป็นระยะ มีเสมหะเยอะต้องใช้เครื่องดูดเสมหะ
- เบาหวาน
- ผู้ป่วยไม่สามารถกลืนและเคี้ยวบด น้ำ/อาหารได้ ต้องใส่สายทางจมูกเพื่อให้สารอาหาร
- ผู้ป่วยได้รับการสวนคาสายปัสสาวะ
ลักษณะภายนอก:
- แก้มด้านซ้ายบวมโตโย้ ในขณะที่แก้มด้านขวาปกติ
- ริมฝีปากเบี้ยว ปากแห้ง มีคราบเมือกน้ำลายแข็งๆระหว่างริมฝีปากหากปล่อยให้ปากแห้งนานเกิน ต้องมีการใช้สเปรย์เล็กๆใส่น้ำและฉีดในโพรงปาก เพื่อความชุ่มชื้น ดับกระหาย และป้องกันการสำลักหากจะให้ดื่มน้ำด้วยตัวเอง
- ตาข้างซ้ายไม่สามารถมองเห็นได้เนื่องจากหนังตาปิดลงมา (ดูเหมือนคนหลับตา) มีเยื่อบุตาถูกดันออกมารอบขอบตาล่าง ลักษณะเหมือนวุ้นใสๆสีแดงจางๆ โดยก่อนหน้าที่หนังตาจะปิดลงมา ผู้ป่วยมีปัญหาเรื่องการกลอกตา (มองดูเหมือนตาเหล่)
- นน.เริ่มต้นเมื่อตรวจพบโรค 70 kg ชั่งล่าสุด ณ ปัจจุบัน 42 kg ผู้ป่วยสูง 164 cm
- ขาไม่มีแรง ไม่มีแรงพยุงตัวเองยืนหรือเดินได้ จึงอยู่บนเตียงเป็นหลัก แต่มีการจัดท่าและพลิกตัวเป็นระยะ ต้องมีคนช่วยเวลาลุกนั่งบนเตียง มีการทำกายภาพบนเตียงอยู่เรื่อยๆ
อาการอื่นๆ:
- ปวดศีรษะอยู่บ่อยๆ มีการใช้ยาระงับความปวดตามแพทย์สั่ง เช่น Tylenol-codeine และ Morphine syrup (มอร์ฟีนน้ำ)
- พูดคุยโต้ตอบพอรู้เรื่อง มีการใช้คำพูดไม่ถูกต้อง มีอาการเพ้อ ลืมง่าย ปัญหาด้านความจำเกี่ยวกับเรื่องที่ผ่านมาไม่นาน แต่จำเรื่องอดีตได้เป็นส่วนใหญ่ ไม่สามารถแบ่งแยกรับรู้วันเวลาได้
- บางครั้งไม่เข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันของตัวเอง เช่นว่า ตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว หรือ บางครั้งเข้าใจเช่นว่ามาโรงพยาบาลเพื่อรักษาตา
- มีอารมณ์เกรี้ยวกราดบางครั้ง (ระยะหลังบ่อยขึ้น) ต่อต้าน พยายามดึงสายที่ให้อาหารทางจมูกออก น้อยใจ ต้องการกำลังใจสูง
ต่อไปขอเริ่มเรื่องเลยนะคะ หวังว่าเรื่องราวของพวกเราคงจะเป็นแง่คิดและกำลังใจให้หลายๆคนได้ โดยเฉพาะหลายๆคนที่ตอนนี้ยืนอยู่กับจุดเดียวที่เราเคยยืนเมื่อเกือบสองปีก่อน คือการตัดสินใจว่าจะยอมรับแผนการรักษาทางปัจจุบันหรือไม่ ความเสี่ยง ข้อมูล และสิ่งที่ต้องคิดและตัดสินใจอื่นๆอีกมากมาย...
*แก้ไข เพิ่มไทม์ไลน์แบบย่อๆนะคะ เพื่อเป็นประโยชน์และให้ง่ายขึ้นสำหรับการอ่านรายละเอียดค่ะ
ปี 54
ต้นปี - คุณแม่บ่นปวดหัว อ่อนเพลีย
หลังกลางปี 54 ประมาณ ส.ค. - พบก้อนกลมๆ ที่ต้นคอด้านซ้าย (เหมือนก้อนมะกรูดเล็กๆ)
ปี 55
ก.ค. - เข้าที่โรงพยาบาลแถวบ้าน ด้วยอาการได้ยินเสียงในหู และมีก้อนข้างคอซ้าย หมอวินิจฉัยว่าติดเชื้อ ต่อมน้ำเหลืออักเสบ
และจ่ายยาฆ่าเชื้อ
ปี 56
มิ.ย. ตรวจพบว่าเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก หมอวางแผนให้ฉายแสงและคีโมควบคู่กัน แต่ปฏิเสธการรักษาแผนปัจจุบัน ไปเลือกรักษาหมอจีน,สมุนไพร แทน
ปี 57
มิ.ย. เริ่มรักษาหมอ คีโมที่ไทย เพื่อให้ก้อนยุบก่อนจะฉายแสงได้
มาพบหมอด้วยสภาพอาการน้ำหนักลดฮวบ มีก้อนหลายก้อนที่ข้างคอด้านซ้าย และเริ่มมีก้อนเล็กๆเพิ่ม ที่ต้นคอด้านขวา หนังตาซ้ายปิดลงมา (เหมือนคนหลับตา) แต่ยังพอมองเห็นแต่ไม่ชัด แก้มซ้ายชาและเจ็บ เกร็ง กลืนลำบาก เคี้ยวอาหารไม่ค่อยได้ (ข้าวต้มต้องต้มให้เละมากๆ ไม่เช่นนั้นแม่จะบ่นว่าแข็ง) ลิ้นชา การรับรู้รสเพี้ยน (เช่น อย่างเราทานผลไม้ว่าหวานปกติ สำหรับเค้าคือหวานมาก เปรี้ยวมาก) มีเสมหะเยอะ ต้องบ้วนออกตลอดเวลา อาการอื่น เช่น ปวดหัวมาก เลือดกำเดาไหลบางครั้ง อยู่ดีๆร่างกายเกร็งชักกระตุก (เหมือนคนสะอึกหนักๆ) หากวางมือสองข้างไว้บนหน้าตัก เมื่อเกิดอาการกระตุก มือจากที่คว่ำวางไว้ จะหงายเอง และกำเข้าหาตัว หลังจากแสกนแล้วพบว่า ก้อนเริ่มลามเข้าไปที่สมอง แต่ยังไม่แพร่ไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย
ส.ค. ก้อนที่ข้างคอยุบแต่ก้อนที่สมองไม่ยุบ แพทย์วินิจฉัยว่าการรักษาต่อจะเป็นผลเสียต่อคนไข้มากกว่าผลดี แนะนำให้กลับบ้าน
ก.ย. - ต.ค. ฝังแร่และคีโมที่จีน
พ.ย.-ปัจจุบัน กลับมาไทยเพื่อพักฟื้นที่โรงพยาบาล การรักษาแบบ Pallative Care หรือการรักษาแบบประคับประคอง