หมู่บ้านหมีลาย ที่ทหารอมริกันเผา ฆ่าเด็กเล็กและข่มขืนผู้หญิงเวียดนาม วันนี้สหรัฐยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ยอดตาย 500
แต่สหรัฐ ก็บอกว่าน่าจะน้อยกว่านั้น
เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จากข้อมูลที่มีอยู่วันนี้
http://www.oknation.net/blog/sanu292002/2007/12/11/entry-7
16 มีนาคม 1968 หมู่บ้าน ไม ลาย หมู่บ้านเล็กๆของอำเภอ ชอนไม ตอนเหนือของเมืองไซ่ง่อน ถูกครอบครองโดยกองร้อยชาร์ลี กองพันที่ 11 กองพลอเมริกาตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย"ค้นหาและทำลาย "หมู่บ้าน ไม ลาย มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของเวียดกง
กองร้อยชาร์ลีได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติภาระกิจดังกล่าว เนื่องจากสืบทราบว่าแน่ชัดว่าหมู่บ้านไม ลาย เป็นที่หลบซ่อนของพวกเวียดกงและเป็นแหล่งเก็บเสบียงที่สำคัญ
ดังนั้นภาระกิจที่ได้รับมอบหมายคิอ "ค้นหาและทำลาย" จึงถูกกำหนดขึ้น
กองร้อยชาร์ลีอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยโท วิลเลี่ยม เคลลี่ นายทหารหนุ่ม
ภายใต้ภารกิจดังกล่าวชาวบ้านจำนวน 300 คนถูกสังหารประกอบด้วยเด็ก ผู้หญิง และ คนชรา
ผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับของ ร้อยโท วิลเลี่ยมเคลลี่ กล่าวในภายหลังว่า " ร้อยโท วิลเลี่ยม เคลลี่ สั่งให้ทุกคนยิงเข้าใส่ชาวบ้านให้ฆ่าทุกคนที่เห็นคนแก่บางคนถูกแทงตายด้วยดาบปลายปืน
ผู้หญิงและเด็กหลายคนถูกยิงที่ศรีษะ ผู้หญิงบางคนถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งในภายหลัง
บางคนถูกสั่งให้คลานลงไปในร่องคูน้ำในหมู่บ้าน ก่อนจะถูกกราดยิงอย่างบ้าคลั่งจากปืนกลมือของทหาร "
เมื่อสื่อมวลชนเสนอข่าว ได้สร้างความกระหนกให้กับทำเนียบขาวสังคมอเมริกา และกองทัพเป็นอันมาก จนมีผลให้ทางกองทัพต้องปรับปรุงระบบการบังคับบัญชา เพื่อจะไม่ให้เกิดเหุตการณ์เช่นนี้อีก
8 มิถุนายน 1972 หมู่บ้าน ตรันบัง ซึ่งอยู่ห่างจากไซ่ง่อนขึ้นไปทางหนือประมาณ 50 กิโลเมตรถูกถล่มด้วยระเบิด นาปาล์มจากฝูงบิน ของกองทัพอากาศ เวียดนามใต้ ยังผลทำให้ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดง ต้องเผ่นหนีจากที่กำบังวิ่งพล่านไปตามท้องถนน
หลายคนถูกไฟลวกไหม้ ช่างภาพชาวเวียตนาม ชื่อ นิก อุต ถ่ายภาพนี้ไว้ได้
บัดนี้เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ถูกไฟลวกในภาพยังมีชีวิตอยู่
เธออายุ37 ปี แต่ง งานและมีลูกชายแล้ว 2 คน โดยลี้ภัยไปอยู่ที่แคนาดา
คิม หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า ฟาน ทิ คิม ฟุก เป็นลูกสาวคนที่ 5 ในจำนวน8 คน ของพ่อค้าก๋วยเตี๊ยว พวกเขามีชีวิตสงบง่ายตลอดมาจนกระทั่งหมู่บ้านเริ่มถูกถล่มด้วยระเบิดในปี 1972
คิม และครอบครัวรวมทั้งเพื่อนบ้าน ต้องเที่ยวหลบภัยหัวซุกหัวซุนตามวัด แต่ที่นั้นก็หาได้ปลอดภัยไม่
คิมเล่าถึงวันเกิดเหตุว่า "ฉันเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดลงมา 4 ลูก แล้วก็รู้สึกตัวว่าไฟกำลังลุกไหม้เสื้อผ้า และเนื้อตัวยังจำได้ว่าตอนที่รีบถอดเสื้อผ้าทิ้งฉันเห็นแขนซ้ายของตัวเองมีไฟลุกอยู่ ได้แต่ร้องว่าร้อนจัง ๆทหารคนหนึ่งเอาน้ำมาราดแล้วฉันก็หมดสติไป"
เนื่องจากการแพทย์ของเวียตนามในสมัยนั้น ไม่สามารถรักษาบาดแผลไฟให้มร้ายแรงขนาดนี้ได้ ้เด็กหญิงคิมจึงได้แต่นอนรอความตาย
แต่แล้ว 2 วันต่อมาหน่วยแพทย์สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือ โดยรับตัวเธอไปรักษาในไซ่ง่อนเธอตกอยู่ในสภาพไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตายนานถึง14 เดือน
และต้องรับการผ่าตัดผิวหนังถึง 14 ครั้ง กว่าจะได้กลับไปพักฟื้นรักษาตัวต่อที่บ้าน
ทุกวันนี้รอยแผลเป็นจากไฟไหม้ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ตั้งแต่ใบหน้า ซีกซ้าย แผ่นอกซ้าย แผ่นหลังคอ และแขนซ้าย
อีกทั้งยังมีรอยแผลเป็นขนาดเล็กทีแขนขวา ที่ก้น ที่ท้อง ตลอดจนใบหูซ้าย
ปัจจุบัน คิม ได้ขอลี้ภัยในประเทศแคนาดาพร้อมครอบครัว
และในปี 1997 คิมได้รับแต่งตั้งให้เป็น Goodwill Ambassadorของยูเนสโก ซึ่งจะต้องเดินทางไปบรรยายเรื่องของสันติภาพในประเทศต่าง ๆ
" ฉันไม่อยากจากครอบครัวไปไหน ๆ หรอก แต่รู้สึกว่าเป็นความจำเป็นจะต้อง เผยแพร่ข่าวสารให้โลกรู้ 2 ประการ นั่นคือ
1. ฉันสามารถแสดงให้ผู้คนได้เห็นชัดแจ้งว่า สงครามนั่นน่าสยดสยองแค่ไหน
2. ฉันสามารถเตือนเพื่อนร่วมโลกว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในอดีตได้ก็จริงแต่เราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ ดูฉันเป็นตัวอย่างสิ ทุกวันนี้ฉันมีความรักมีครอบครัว และมีเสรีภาพทั้ง หมดนี้มีพลังเหนือกว่าระเบิดนาปาล์มมากมายนัก"
แต่บางคนก็ว่าช่วงมีสงครามเวียดนาม เศรษฐกิจของไทย มีเงินสะพัด จากทหารอเมริกัน และ ทหารไทยก็รับจ้างไปรบก็มีอยู่ด้วย
แต่พอไซ่ง่อนแตก อเมริกาถอนทัพออกไป เสรษฐกิขก้ถดถอยเลย และช่วงนั้น คือช่วงที่ตลาดหุ้นไทยพึ่งเปิดดำเนอนการเอง
ในปีต่อมา ตลาดหุ้นจึงอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 จุด
ถ้าตีราคาหุ้น scc ตอนนี้แตกพาร์มา ก็คงประมาณ 1บาท
หมู่บ้านหมีลาย ที่ทหารอมริกันเผา ฆ่าเด็กเล็กและข่มขืนผู้หญิงเวียดนาม วันนี้สหรัฐยอมรับว่าเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ยอดตาย 500
* กระทู้นี้สามารถใช้งานได้เฉพาะผู้ที่มี Link นี้เท่านั้นค่ะแต่สหรัฐ ก็บอกว่าน่าจะน้อยกว่านั้น
เรื่องนี้ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร จากข้อมูลที่มีอยู่วันนี้
http://www.oknation.net/blog/sanu292002/2007/12/11/entry-7
16 มีนาคม 1968 หมู่บ้าน ไม ลาย หมู่บ้านเล็กๆของอำเภอ ชอนไม ตอนเหนือของเมืองไซ่ง่อน ถูกครอบครองโดยกองร้อยชาร์ลี กองพันที่ 11 กองพลอเมริกาตามภาระกิจที่ได้รับมอบหมาย"ค้นหาและทำลาย "หมู่บ้าน ไม ลาย มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของเวียดกง
กองร้อยชาร์ลีได้รับมอบหมายให้ปฎิบัติภาระกิจดังกล่าว เนื่องจากสืบทราบว่าแน่ชัดว่าหมู่บ้านไม ลาย เป็นที่หลบซ่อนของพวกเวียดกงและเป็นแหล่งเก็บเสบียงที่สำคัญ
ดังนั้นภาระกิจที่ได้รับมอบหมายคิอ "ค้นหาและทำลาย" จึงถูกกำหนดขึ้น
กองร้อยชาร์ลีอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของร้อยโท วิลเลี่ยม เคลลี่ นายทหารหนุ่ม
ภายใต้ภารกิจดังกล่าวชาวบ้านจำนวน 300 คนถูกสังหารประกอบด้วยเด็ก ผู้หญิง และ คนชรา
ผู้อยู่ในเหตุการณ์รายหนึ่งซึ่งเป็นผู้ใต้บังคับของ ร้อยโท วิลเลี่ยมเคลลี่ กล่าวในภายหลังว่า " ร้อยโท วิลเลี่ยม เคลลี่ สั่งให้ทุกคนยิงเข้าใส่ชาวบ้านให้ฆ่าทุกคนที่เห็นคนแก่บางคนถูกแทงตายด้วยดาบปลายปืน
ผู้หญิงและเด็กหลายคนถูกยิงที่ศรีษะ ผู้หญิงบางคนถูกข่มขืนแล้วฆ่าทิ้งในภายหลัง
บางคนถูกสั่งให้คลานลงไปในร่องคูน้ำในหมู่บ้าน ก่อนจะถูกกราดยิงอย่างบ้าคลั่งจากปืนกลมือของทหาร "
เมื่อสื่อมวลชนเสนอข่าว ได้สร้างความกระหนกให้กับทำเนียบขาวสังคมอเมริกา และกองทัพเป็นอันมาก จนมีผลให้ทางกองทัพต้องปรับปรุงระบบการบังคับบัญชา เพื่อจะไม่ให้เกิดเหุตการณ์เช่นนี้อีก
8 มิถุนายน 1972 หมู่บ้าน ตรันบัง ซึ่งอยู่ห่างจากไซ่ง่อนขึ้นไปทางหนือประมาณ 50 กิโลเมตรถูกถล่มด้วยระเบิด นาปาล์มจากฝูงบิน ของกองทัพอากาศ เวียดนามใต้ ยังผลทำให้ชาวบ้านลูกเด็กเล็กแดง ต้องเผ่นหนีจากที่กำบังวิ่งพล่านไปตามท้องถนน
หลายคนถูกไฟลวกไหม้ ช่างภาพชาวเวียตนาม ชื่อ นิก อุต ถ่ายภาพนี้ไว้ได้
บัดนี้เด็กหญิงวัย 9 ขวบ ที่ถูกไฟลวกในภาพยังมีชีวิตอยู่
เธออายุ37 ปี แต่ง งานและมีลูกชายแล้ว 2 คน โดยลี้ภัยไปอยู่ที่แคนาดา
คิม หรือชื่อเต็ม ๆ ว่า ฟาน ทิ คิม ฟุก เป็นลูกสาวคนที่ 5 ในจำนวน8 คน ของพ่อค้าก๋วยเตี๊ยว พวกเขามีชีวิตสงบง่ายตลอดมาจนกระทั่งหมู่บ้านเริ่มถูกถล่มด้วยระเบิดในปี 1972
คิม และครอบครัวรวมทั้งเพื่อนบ้าน ต้องเที่ยวหลบภัยหัวซุกหัวซุนตามวัด แต่ที่นั้นก็หาได้ปลอดภัยไม่
คิมเล่าถึงวันเกิดเหตุว่า "ฉันเห็นเครื่องบินทิ้งระเบิดลงมา 4 ลูก แล้วก็รู้สึกตัวว่าไฟกำลังลุกไหม้เสื้อผ้า และเนื้อตัวยังจำได้ว่าตอนที่รีบถอดเสื้อผ้าทิ้งฉันเห็นแขนซ้ายของตัวเองมีไฟลุกอยู่ ได้แต่ร้องว่าร้อนจัง ๆทหารคนหนึ่งเอาน้ำมาราดแล้วฉันก็หมดสติไป"
เนื่องจากการแพทย์ของเวียตนามในสมัยนั้น ไม่สามารถรักษาบาดแผลไฟให้มร้ายแรงขนาดนี้ได้ ้เด็กหญิงคิมจึงได้แต่นอนรอความตาย
แต่แล้ว 2 วันต่อมาหน่วยแพทย์สหรัฐฯ ได้ให้ความช่วยเหลือ โดยรับตัวเธอไปรักษาในไซ่ง่อนเธอตกอยู่ในสภาพไม่แน่ว่าจะเป็นหรือตายนานถึง14 เดือน
และต้องรับการผ่าตัดผิวหนังถึง 14 ครั้ง กว่าจะได้กลับไปพักฟื้นรักษาตัวต่อที่บ้าน
ทุกวันนี้รอยแผลเป็นจากไฟไหม้ยังคงหลงเหลืออยู่บ้าง ตั้งแต่ใบหน้า ซีกซ้าย แผ่นอกซ้าย แผ่นหลังคอ และแขนซ้าย
อีกทั้งยังมีรอยแผลเป็นขนาดเล็กทีแขนขวา ที่ก้น ที่ท้อง ตลอดจนใบหูซ้าย
ปัจจุบัน คิม ได้ขอลี้ภัยในประเทศแคนาดาพร้อมครอบครัว
และในปี 1997 คิมได้รับแต่งตั้งให้เป็น Goodwill Ambassadorของยูเนสโก ซึ่งจะต้องเดินทางไปบรรยายเรื่องของสันติภาพในประเทศต่าง ๆ
" ฉันไม่อยากจากครอบครัวไปไหน ๆ หรอก แต่รู้สึกว่าเป็นความจำเป็นจะต้อง เผยแพร่ข่าวสารให้โลกรู้ 2 ประการ นั่นคือ
1. ฉันสามารถแสดงให้ผู้คนได้เห็นชัดแจ้งว่า สงครามนั่นน่าสยดสยองแค่ไหน
2. ฉันสามารถเตือนเพื่อนร่วมโลกว่าเราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในอดีตได้ก็จริงแต่เราสามารถเปลี่ยนอนาคตได้ ดูฉันเป็นตัวอย่างสิ ทุกวันนี้ฉันมีความรักมีครอบครัว และมีเสรีภาพทั้ง หมดนี้มีพลังเหนือกว่าระเบิดนาปาล์มมากมายนัก"
แต่บางคนก็ว่าช่วงมีสงครามเวียดนาม เศรษฐกิจของไทย มีเงินสะพัด จากทหารอเมริกัน และ ทหารไทยก็รับจ้างไปรบก็มีอยู่ด้วย
แต่พอไซ่ง่อนแตก อเมริกาถอนทัพออกไป เสรษฐกิขก้ถดถอยเลย และช่วงนั้น คือช่วงที่ตลาดหุ้นไทยพึ่งเปิดดำเนอนการเอง
ในปีต่อมา ตลาดหุ้นจึงอยู่ในระดับต่ำกว่า 100 จุด
ถ้าตีราคาหุ้น scc ตอนนี้แตกพาร์มา ก็คงประมาณ 1บาท