เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.....
วันนี้หลังจากดูหนังเสร็จผมก็ขับรถกลับบ้าน แต่รู้สึกอยากกินหมึกย่างร้านประจำขึ้นมา ก็เลยแวะไปซื้อ แต่ปรากฎว่าไม่มีร้านแล้ว กลายเป็นร้านข้าวมันไก่มาขายแทน ก็เลยรู้สึกเซงมากๆ ไม่รุ้เขาย้ายไปขายที่ไหน ขับรถตามหาอยู่นานก็ไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจหาอย่างอื่นทานแทน ปรากฎว่าไปเจอรถขายลูกชิ้นคันนึง เป็นรถที่ผมผ่านประจำแต่ไม่เคยซื้อทานเลย และของมักจะเต็มตู้อยู่เสมอ ผมก็เลยจอดรถและลงไปซื้อ
เป็นรถขายลูกชิ้นที่มีหมึกบด ที่บดให้แบนๆ จิ้มกับน้ำจิ้มหวานๆ ที่ใส่ถั่วบด พอผมเข้าไปเขาก็เปิดตู้ให้เลือกของ ผมก็เลือกลูกชิ้นไม้ใหญ่แล้วก็ถามว่า
"ไม้เท่าไหร่ครับ"
เขาไม่ตอบผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ยินมั้ง ผมก็เลยถามอีกครั้ง
"ไม้เท่าไหร่ครับ"
เขาก็ไม่ตอบอีก ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่เขาจะไม่ได้ยินเพราะผมพูดเสียงดังมากๆ ผมมองหน้าเขา เขาทำหน้าเหนื่อยๆ เหมือนเบื่อๆ ก็เข้าใจนะครับว่าเหนื่อยแต่ขายของนี้แค่บอกว่าไม้เท่าไหร่ไม่ได้เลยเหรอ ผมก็เลยคิดในใจว่า ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ถึงว่าสิทำไมของเต็มเลย เพราะนิสัยแบบนี้นี่เอง ผมก็เลยหยิบไปแค่สองไม้ ตอนแรกกะซื้อเยอะๆ แต่เจอแบบนี้สองไม้พอ
เขาก็เอาลูกชิ้นไปทอดพอทอดเสร็จ ผมก็ถามอีก
"เท่าไหร่"
ครั้งนี้ถามห่วนๆ เพราะผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ใจจริงกะไม่ซื้อแล้วแหละแต่ก็นะ จอดแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ตอบอีก เขาตั้งหน้าตั้งตาเอาลูกชิ้นใส่ถุงราดน้ำจิ้มไม่มองหน้าผมเลย ผมเริ่มรู้สึก เห้ยอะไรเนี่ย จะขายไหมเนี่ย ไม่ซื้อก็ได้นะ
จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองผม ผมหวังว่าเขาจะตอบคำถามที่ผมถามไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่ตอบ ผมเลยถามอีกครั้งด้วยความสุดจะทน
"เท่าไหร่ครับ"
เขาไม่ตอบ แต่จองมาที่ปากผมแล้วก็ชูนิ้วขึ้น 2 นิ้ว
เท่านั้นแหละครับ เหมือนผมถูกชกหน้าแรงๆอย่างจัง ผมชาไปหมดทั้งตัว อารมณ์ที่กำลังโมโหกลายเป็น รู้สึกผิด ผมหยิบตังให้เขา และความคิดที่ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย กลายเป็น วันหลังผมจะมาซื้ออีก ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ตัวเองไม่รุ้สึกผิดกับความคิดทั้งหมดที่ผมเพิ่งคิดไป มากไปกว่าการกลายมาเป็นลูกค้าประจำของรถขายลูกชิ้นคันนี้
#อย่าตัดสินใครเพียงเพราะสิ่งที่คุณเห็นเพียงด้านเดียว
ปล.ชื่อเรื่อง บุรุษไร้เสียง By บิสกิต อบกรอบ
เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า.....
วันนี้หลังจากดูหนังเสร็จผมก็ขับรถกลับบ้าน แต่รู้สึกอยากกินหมึกย่างร้านประจำขึ้นมา ก็เลยแวะไปซื้อ แต่ปรากฎว่าไม่มีร้านแล้ว กลายเป็นร้านข้าวมันไก่มาขายแทน ก็เลยรู้สึกเซงมากๆ ไม่รุ้เขาย้ายไปขายที่ไหน ขับรถตามหาอยู่นานก็ไม่เจอ ก็เลยตัดสินใจหาอย่างอื่นทานแทน ปรากฎว่าไปเจอรถขายลูกชิ้นคันนึง เป็นรถที่ผมผ่านประจำแต่ไม่เคยซื้อทานเลย และของมักจะเต็มตู้อยู่เสมอ ผมก็เลยจอดรถและลงไปซื้อ
เป็นรถขายลูกชิ้นที่มีหมึกบด ที่บดให้แบนๆ จิ้มกับน้ำจิ้มหวานๆ ที่ใส่ถั่วบด พอผมเข้าไปเขาก็เปิดตู้ให้เลือกของ ผมก็เลือกลูกชิ้นไม้ใหญ่แล้วก็ถามว่า
"ไม้เท่าไหร่ครับ"
เขาไม่ตอบผมคิดว่าเขาคงไม่ได้ยินมั้ง ผมก็เลยถามอีกครั้ง
"ไม้เท่าไหร่ครับ"
เขาก็ไม่ตอบอีก ผมคิดว่าเป็นไปไม่ได้แน่ๆ ที่เขาจะไม่ได้ยินเพราะผมพูดเสียงดังมากๆ ผมมองหน้าเขา เขาทำหน้าเหนื่อยๆ เหมือนเบื่อๆ ก็เข้าใจนะครับว่าเหนื่อยแต่ขายของนี้แค่บอกว่าไม้เท่าไหร่ไม่ได้เลยเหรอ ผมก็เลยคิดในใจว่า ครั้งนี้ครั้งสุดท้าย ถึงว่าสิทำไมของเต็มเลย เพราะนิสัยแบบนี้นี่เอง ผมก็เลยหยิบไปแค่สองไม้ ตอนแรกกะซื้อเยอะๆ แต่เจอแบบนี้สองไม้พอ
เขาก็เอาลูกชิ้นไปทอดพอทอดเสร็จ ผมก็ถามอีก
"เท่าไหร่"
ครั้งนี้ถามห่วนๆ เพราะผมรู้สึกไม่ดีมากๆ ใจจริงกะไม่ซื้อแล้วแหละแต่ก็นะ จอดแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่ตอบอีก เขาตั้งหน้าตั้งตาเอาลูกชิ้นใส่ถุงราดน้ำจิ้มไม่มองหน้าผมเลย ผมเริ่มรู้สึก เห้ยอะไรเนี่ย จะขายไหมเนี่ย ไม่ซื้อก็ได้นะ
จากนั้นเขาก็เงยหน้ามองผม ผมหวังว่าเขาจะตอบคำถามที่ผมถามไปแล้วไม่รู้กี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่ตอบ ผมเลยถามอีกครั้งด้วยความสุดจะทน
"เท่าไหร่ครับ"
เขาไม่ตอบ แต่จองมาที่ปากผมแล้วก็ชูนิ้วขึ้น 2 นิ้ว
เท่านั้นแหละครับ เหมือนผมถูกชกหน้าแรงๆอย่างจัง ผมชาไปหมดทั้งตัว อารมณ์ที่กำลังโมโหกลายเป็น รู้สึกผิด ผมหยิบตังให้เขา และความคิดที่ว่าจะเป็นครั้งสุดท้าย กลายเป็น วันหลังผมจะมาซื้ออีก ผมไม่รู้ว่าต้องทำยังไงให้ตัวเองไม่รุ้สึกผิดกับความคิดทั้งหมดที่ผมเพิ่งคิดไป มากไปกว่าการกลายมาเป็นลูกค้าประจำของรถขายลูกชิ้นคันนี้
#อย่าตัดสินใครเพียงเพราะสิ่งที่คุณเห็นเพียงด้านเดียว
ปล.ชื่อเรื่อง บุรุษไร้เสียง By บิสกิต อบกรอบ