[CR] บันทึกการเดินทางใน สปป.ลาว 3 เมือง 10 วัน 8 ที่พัก!!!


สะบายดีปีใหม่ (ขอทักทายเป็นภาษาลาวนะคะ) ^^
ขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นการตั้งกระทู้ในพันทิปครั้งแรก และเราเองอยากเขียนเป็นการบันทึกการเดินทางของเรา และเพื่อนอีก 2 คน
ใน “สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว” ที่เตรียมตัวทุกอย่างเองหมดเลย และขอย้ำว่าทริปนี้ไม่ใช่ทริปประหยัดค่ะ

บางประโยค บางคำอาจจะพิมพ์ไม่ถูกต้องเพราะอยากให้เข้ากับอรรถรสในการอ่านนะคะ ^^

ขอเกริ่นก่อนว่า ตัวเราเองเพิ่งฝึกงานจบ เพื่อนเราสอบเสร็จ เลยเหนื่อยๆกันมาตลอดปี4เทอม1 จึงอยากให้รางวัลกับตัวเองโดยการออกเดินทางนอกประเทศ และ อยากสัมผัสกับภาษา วัฒนธรรม ผู้คนต่างๆมากมาย จึงเริ่มตั้งแต่การหาข้อมูล การจองที่พัก การกำหนดเวลาการเดินทางในแต่ละเมือง
จัดตารางทัวร์เอง เพราะเราไป 3 เมือง 10 วันจึงเป็นระยะเวลาที่น้อย เลยจะเก็บเกี่ยวแหล่งท่องเที่ยวให้ได้มากที่สุด

- เพื่อนของเราเตรียมตัวจากหนังสือเหล่านี้ค่ะ -

เราโชคดีที่เพื่อนเรามีทักษะทางด้านภาษาลาว ส่วนเราลูกครึ่งอีสาน พอจะสื่อสารได้ และเพื่อนเราก็ศึกษาประวัติศาสตร์ลาวมาพอสมควร จึงสบายตลอดทริป โดยไม่ต้องจ้างไกด์
แต่อย่างไรก็ตามทริปเราค่อนข้างกะทันหันเหมือนกัน คุยกันว่าจะไปก็เลยนัดเจอที่คอนโดเพื่อนเลย แล้วเริ่มจากการจองตั๋วเครื่องบินก่อน โดยเลือกไปหลังวันที่เพื่อนสอบเสร็จ (22ธ.ค. 57) นั่งดูแต่ละสายการบินว่าสายการบินราคาเหมาะสมที่สุดค่ะ จึงเลือกไปลงที่สนามบินจังหวัดอุดรธานี
แล้วต่อมา คุยกันว่าแล้วขากลับล่ะ? ตกลงกันว่า นั่งรถไฟ เพราะอยากเปลี่ยนบรรยากาศค่ะ เลยจองตู้นอนแอร์ไป
หลังจากนั้น ก็ตั้งเป้าว่าจะไป 3 เมือง คือ “เวียงจันทร์ วังเวียง และ หลวงพระบาง” และมีประเด็นที่หลายๆคนอาจจะสงสัยว่าเราและเพื่อนอีก 2 คน บ้าหรือเปล่าจองที่พัก ถึง 8 ที่ คำตอบคือ บ้า ค่ะ! 55555 หัวเราะ เพราะว่าอยากลองดูว่าแต่ละที่เป็นยังไง ก่อนเดินทางจึงนึกได้ว่า...
“งี้เราต้องเก็บกระเป๋าล่วงหน้าเพื่อย้ายโรงแรมใหม่ทุกวันเลยสิ!??!”

ที่พักของเราจะจองใกล้ๆกับสถานที่ท่องเที่ยว เดินทางสะดวก และราคาไม่แพง โดยรวมแต่ละคนจ่ายค่าที่พักคนละ 200-300 บาท ต่อ 1 ที่ค่ะ
1. คืนวันที่ 22 ธ.ค. นอนบนรถทัวร์จากเวียงจันทร์ ไปหลวงพระบาง
2. คืนวันที่ 23 ธ.ค. Xayana Guesthouse ใกล้แคมโขง - หลวงพระบาง
3. คืนวันที่ 24 ธ.ค. Mekong Moon Inn - หลวงพระบาง
4. คืนวันที่ 25 ธ.ค. เดินหาเองค่ะ Walk in (ได้ที่พักชื่อ Silikhane guesthouse) - หลวงพระบาง
5. คืนวันที่ 26 ธ.ค. Champa Lao Bungalow - วังเวียง
6. คืนวันที่ 27 ธ.ค. Poppular View Guesthouse - วังเวียง
7. คืนวันที่ 28 ธ.ค. New Lao Paris Hotel - เวียงจันทร์
8. คืนวันที่ 29 ธ.ค. ทีแรกตั้งใจจะกลับไทยวันนี้ แต่กลัวเที่ยวเวียงจันทร์ไม่คุ้ม ขอเพิ่มอีกคืน นอนที่เดิม New Lao Paris Hotel - เวียงจันทร์ เพราะเริ่มเหนื่อยค่ะ ไม่อยากย้ายแล้ว 555
9. คืนวันที่ 30 ธ.ค. กลับบ้านค่ะ นอนบนรถไฟ

และแล้ว...ก่อนการเดินทาง ก็ดั๊นนนน มีการเปลี่ยนแปลงอีกรอบ
เพราะทีแรกเราจะไต่จาก เวียงจันทร์ ขึ้นไป วังเวียง และไป หลวงพระบาง แต่ถ้าทำแบบนั้น กลับจากหลวงพระบางมาขึ้นรถไฟที่หนองคายไม่ทันแน่ๆ และเวลาเที่ยวจะลดลงไปกับการนั่งรถ 10 กว่าชม. เลยแพลนใหม่เป็น ลงมาจากหลวงพระบาง วังเวียง และเวียงจันทร์ ทีนี้ก็มีเวลากลับบ้านทันรถไฟละ!
แต่การเปลี่ยนแปลงไม่ได้มีเท่านั้น ก่อนวันเดินทาง 2 วัน มาวางแผนที่เที่ยวกันอีกรอบ พบว่า...
ถ้าเรากลับไทยวันที่ 29 ธ.ค. เราจะไม่มีเวลาเที่ยวเวียงจันทร์! และนั่นก็เลยไปเลื่อนตั๋วรถไฟเป็นวันที่ 30 ธ.ค. 57 จากตู้นอนแอร์ ต้องเปลี่ยนเป็นนั่งแอร์เลยค่ะ ส่วนต่างไม่คืน แต่จ่ายค่าเปลี่ยน 50 บาท ต่อ 1 ที่นั่ง ซึ่งโชคดีที่ยังมีที่ว่าง และความโชคดีของเรา 3 คนยังมีอีกเย๊อะเลยค่ะที่ประเทศลาว ;)

- หนังสือคู่ใจในการเดินทางครั้งนี้ ยืมมาจากหอสมุดมหาวิทยาลัยเพื่อนของเราค่ะ -


ตารางเที่ยวคร่าวๆตอนที่ทุกอย่างลงตัวค่ะ
วันที่ 22 ธ.ค. ช่วงบ่ายเที่ยวเวียงจันทร์เท่าที่จะเก็บได้ และ เวลา 20.00 เดินทางไปหลวงพระบาง
วันที่ 23 ธ.ค. – 26 ธ.ค. เที่ยวหลวงพระบาง
วันที่ 26 ธ.ค. (บ่าย) – 28 ธ.ค. (เช้า-บ่าย) เที่ยววังเวียง
วันที่ 28 ธ.ค. (เย็น) – 30 ธ.ค. (บ่าย) เที่ยวเวียงจันทร์
วันที่ 30 ธ.ค. (บ่าย) เดินทางกลับประเทศไทยมายังสถานีรถไฟจังหวัดหนองคาย
วันที่ 31 ธ.ค. 06.00 น. ถึงสถานีรถไฟดอนเมืองโดยสวัสดิภาพ

เริ่มต้นบันทึกการเดินทาง วันแรก 22 ธ.ค. 57
บินไปกับนกแอร์ ไฟล์ทแรก 5.55น. กรุงเทพฯ – อุดรธานี
ตื่นตี 3!!!! แต่นอนไม่ค่อยหลับโน๊ะ ตื่นเต้นสุดๆ ไปถึงสนามบินตี 5 เริ่มจากการนั่งเคลียร์เงินกันก่อน
เริ่มจากการจ่ายค่าที่พักรวมๆแล้วประมาณคนละ 1,700 บาท และลงเงินกองกลาง คนละ 1,500 บาท สำหรับค่ารถ ค่ากินที่ใช้ร่วมกันค่ะ
ณ เวลา 5.55น. ขึ้นสู่ท้องฟ้าปรอดโปร่ง แจ่มใส ดวงอาทิตย์ขึ้นพอดี ตอนจองที่นั่งแค่คิดว่าอยากเห็นวิว แต่ก็วิวดีตั้งแต่เริ่มเลย เจ๋งสุดๆ ><”






และแล้วก็มาถึง สนามบินจังหวัดอุดรธานี! ภายในเวลา 1 ชั่วโมง 10 นาทีค่ะ!

- เพื่อนไม่ยอมให้โชว์หน้าตาหล่อๆ สวยๆค่ะ 5555 -



รับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วออกมาหารถนั่งไปบขส.ที่หนองคายเพื่อขึ้นรถบัสไปเวียงจันทร์ ด้วยความที่กลัวโดนโกงราคา เลยไปถามประชาสัมพันธ์สนามบินว่าปกติเหมารถไปราคาเท่าไหร่ เขาบอกว่า 200 บาท แต่ถ้าเป็นรถตู้นั่งไป คนละประมาณ 80 บาท
มีพี่ผู้ชายคนนึงเดินมาถามว่าไปกับพี่มั้ย 200 บาท เราก็โอเค พี่เขาบอกให้รอแถวๆที่จอดรถก่อน เดี๋ยวไปเอารถมารับ เราก็ถ่ายรูปไปตามประสาคนบ้ากล้อง บอกลาไทยแลนด์กันไปก็เห็นรถเก๋งสีขาวป้ายแดงขับมา...
คุณพระ!!! ชีวิตดี๊ดี ตั้งแต่เริ่มทริป นั่งรถใหม่ แถมราคา 200บาท นั่งไป 5-6 กิโลเมตร ก็เอาค่ะ!
ไม่นานมากก็ไปถึงบขส.ที่อุดรธานี รถจอดตรงแถวที่ขายตั๋วเลย ย้ำว่ารถบัสไปเวียงจันทร์เที่ยวแรก 8.00 น. นะคะ คนละ 80 บาท



จากหนองคายไปเวียงจันทร์ ถือว่าถูกมากกกกกก และก็เป็น 3 คนสุดท้ายของคันนั้นค่ะ โชคดีจริงๆ ^^ ซื้อปุ๊บก็ถึงเวลาขึ้นรถเลย...


(ช่วงผ่านแดนอยากถ่ายรูปมาก แต่จนท.เร่ง ถ่ายไม่ทัน) เจ้าหน้าที่ประจำรถก็จะเอา Immigration form (ใบสำหรับตรวจคนเข้าเมือง) ของลาว มาให้กรอกตั้งแต่ในรถเลย ไปถึงด่านแรก เราต้องไปเอา Immigration form ของไทยมากรอกก่อน และมีเจ้าหน้าที่รถบขส.ใจดีก็แนะนำว่าต้องไปเข้าแถวช่องไหน และก็เจอดาราด้วย!! คุณเจสซี่ เมฆวัฒนา เรามองเขาอยู่นาน แต่ไม่กล้าขอถ่ายรูป เพราะเค้ามาแบบส่วนตัว

ทำเรื่องเสร็จก็ขึ้นรถบัสที่มานั่นแหละต่อไปด่านสปป. ลาว



และโชคดีสุดๆ เนื่องจากได้ตีสนิทกับเอื้อย (พี่สาว) ชาวลาวไว้ตั้งแต่ในรถ เอื้อยเลยแนะนำอย่างดีว่า เราต้องไปเข้าแถวช่องไหนก่อน ก็ไปเจอคุณเจสซี่อีกรอบนึง ยืนเนียนๆต่อแถวหลังเขาเลย 555 ตรงนี้คือจ่ายค่าเหยียบแผ่นดิน จะสะดวกมากสำหรับคนใช้ Passport นะคะ จ่าย 5 บาท หรือ 1,000 กีบ



ได้ Key card “One way ticket” ต่อมาเข้าแถว Immigration check-in (ช่องตรวจคนเข้าเมือง)

- ระหว่างนั้นก็ไปแลกเงินค่ะ แลกมาก่อน 3,000 บาท ได้มา 744,000 กีบ -  


ผ่านแดนเรียบร้อย แล้วขึ้นรถต่อไปยังเวียงจันทร์....
ใช้เวลาถึงเวียงจันทร์ประมาณ 10 โมงเช้าที่คิวรถประจำทาง
สิ่งที่เราต้องทำก่อนคือ
1. ไปซื้อตั๋วรถทัวร์เพื่อเดินทางไปหลวงพระบางรอบสุดท้าย 20.00 น.
2. เปิดซิมลาว
3. หาข้าวกิน
4. ช่วงบ่ายไปไหว้ พะทาดหลวงเวียงจันทร์ และ เก็บที่เที่ยวให้ได้สัก 3-4 ที่ ก่อนไปหลวงพระบาง

และแล้วเอื้อยผู้ใจดีคนเดิมก็เป็นคนพาเราไปบอกว่ารถประจำทางคันไหนสามารถพาเราไปยังสถานีขนส่งสายเหนือได้
เรา 3 คนก็ขนกระเป๋าขึ้นรถเมล์เขียว ไปจองตั๋วรถทัวร์เพื่อไปหลวงพระบาง ทุกคันจะมีสีเขียวหมดเลย เราจึงต้องถามเขาว่าคันไหนไปขนส่งสายเหนือบ้าง



ไม่กี่นาทีค่ะ ก็ไปถึงขนส่งสายเหนือ เดินไปดูๆ ว่าช่องไหนขายตั๋วไปหลวงพระบาง คนลาวเขาจะเรียก ตั๋ว หรือ Ticket ว่า “ปี้” นะคะ

- บ่อนขายปี้ แปลว่า ที่ขายตั๋ว ค่ะ -






บอกเขาว่า ซื้อปี้ไปหลวงพระบาง จริงๆคือมีหลายช่วงเวลา แต่เราจะเอารอบสุดท้าย เพราะจะเที่ยวก่อน และเราก็จองที่พักที่หลวงพระบางแล้วคืนพรุ่งนี้ (23ธ.ค.57) เลยไม่รีบร้อน คืนแรกนอนบนรถทัวร์เอา รอบ 20.00น. ที่เราจะไปราคา 150,000 กีบ ค่ะ ประมาณ 600 บาท และเป็น Sleep bus ค่ะ

จองตั๋วเสร็จเราก็แบกกระเป๋ากลับตลาดเช้าอีกรอบ ก็ไปเจอรถประจำทางคันเดิม ยังไม่ออกจากท่า เอื้อยกระเป๋ารถเมล์ก็ชวนคุย ถามว่าเรามาเที่ยวหรอ? ไปที่ไหนบ้าง? แล้วแบกกระเป๋ากลับมาจะไปไหนต่อ?  เราก็บอกว่าขอเที่ยวเวียงจันทร์ก่อน แล้วมาขึ้นรถไปหลวงพระบาง
เอื้อยก็ถามว่าจะแบกกระเป๋าไปเนี่ยหรอ? เราก็ไม่รู้จะทำยังไง ก็คงแบกไปด้วย
แต่คุณๆค่ะ!! ด้วยความน่ารักของคนลาว เอื้อยถามว่า ฝากกระเป๋าไว้มั้ย? ไว้ในรถเนี่ยแหละ ไม่ต้องกลัวหาย รถเอื้อยวิ่งถึง 4โมงครึ่ง (16.30น.)
เที่ยวเสร็จค่อยกลับมาเอา เราก็ทั้งห่วงกระเป๋า แต่เราก็ฝากค่ะ 5555
อ้อ! ลืมบอกไปว่าค่ารถเมล์ 5,000 กีบนะคะ ตลอดสาย และป้ายรถเมล์นี่หาไม่ค่อยเจอนะคะ โบกก็จอด ลงตรงไหนก็จอด
จริงๆก็คล้ายกับ 2 แถวบ้านเราเนอะ เอื้อยก็รับปากว่าจะดูแลกระเป๋าให้ บอกว่าให้เราจำเลขรถไว้ แถมให้เบอร์โทรมาด้วย เพราะการันตีสุดๆว่ากระเป๋าไม่หายแน่ และเจอกันได้แน่นอน

- ขอ อ้าย (พี่ชายคนขับ) และ เอื้อย (พี่สาวกระเป๋ารถ) ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐานค่ะ 555 -



หลังจากนั้น ไปซื้อซิมเปิดเน็ตแล้วเช็คอินค่ะ! อันนี้อ่านรีวิวมาว่าต้องไปที่ตลาดเช้ามอล์ล เพื่อซื้อซิมและเปิดสัญญาณ
เดินเข้าไปก็เจอร้านโทรศัพท์เป็นตู้ๆเหมือนเมืองไทยมากมาย ส่วนใหญ่เห็นเขาใช้ซิม M-Phone กัน ก็เลยซื้อในราคา 20,000 กีบ ประมาณ 80 บาท
แต่ที่ร้านไม่ได้เปิดสัญญาณให้ ต้องไปที่ Lao Telecom เพื่อเปิดสัญญาณ ก็ไปเดินๆหา เข้าไป ก็เจอกับเจ้าหน้าที่คนสวยให้บริการอยู่
และที่อยากจะบอกคือ เราโดนฟัน! เพราะซิมในศูนย์แค่ 10,000 – 15,000 กีบ หรือ 40-60 บาท เสียค่าโง่ไป แต่เสียคนเดียว เพื่อนเรามาซื้อที่ศูนย์
ซิมนี้ก็ใช้ได้นาน 1 เดือน โทรนอกประเทศนาทีละ 2,000 กีบ ประมาณ 10 บาท แต่ต้องซื้อบัตรเติมเงินก่อนโทรด้วยนะคะ  
เพราะในซิมไม่มีเงินค่าโทร เราลืมว่าเน็ตใช้ได้กี่กิ๊ก แต่ความเร็วก็จะลดลงเรื่อยๆ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของเราเลย แต่ตลอด 10 วัน ก็ใช้ได้ดีนะ ยกเว้นตอนขึ้นเขา เข้าป่าค่ะ


ชื่อสินค้า:   บันทึกการเดินทางใน สปป.ลาว
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่