คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
เรียนแพทย์ แบบ M.D. Ph.D. program เลยครับ จบมาเป็นคุณหมอนักวิจัย
หลายมหาวิทยาลัยในไทยเริ่มมีหลักสูตรเรียน M.D. Ph.D. ต่อเนื่องเลยครับ
โดยให้เรียนตรี ถึงปี 3 ก่อน ได้วุฒิ วท.บ. (วิทยาศาสตร์การแพทย์) แล้วเรียนต่อปริญญาเอกในภาควิชาพรีคลินิก
เมื่อจบปริญญาเอกแล้วก็ค่อยมาเรียนต่อหมอ ผมเห็นเด็กเก่ง ๆ หลายคนเข้าเรียนโปรแกรมนี้เหมือนกันนะครับ
การได้เรียน Ph.D. ทำให้เขาได้คิดวิเคราะห์ เขาอาจจะเลือกเรียนด้านสรีรวิทยา (Physiology) ก็ได้นะครับ
ซึ่งด้านสรีรวิทยาจะใช้ความรู้ทางชีววิทยาและฟิสิกส์มาอธิบายได้ดีทีเดียว
ที่ต่างประเทศจะมีพวกโปรแกรม Biophysics หรือ Bioengineering (Biomedical Engineering)
ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้มักมีอาจารย์จากคณะแพทย์กับวิศวะเป็นอาจารย์ในหลักสูตรด้วยครับ
บางคนเรียน Bioengineering เพื่อเอาความรู้ด้านวิศวะมาประยุกต์ทางการแพทย์และชีวภาพ
เช่น พวกพวกหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด อิเล็กทรอนิกส์ช่วยติดตามสุขภาพของผู้ป่วย หรือพวกไบโอเซนเซอร์ตรวจสารเคมีในร่างกาย เป็นต้น
ถ้าไม่เข้าในคณะแพทย์ อาจจะลองเลือกเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในสาขาที่เรียนแบบวิศวกรรมทางการแพทย์ดูนะครับ
ที่มหิดลมีหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ใน ป.ตรี ด้วยนะครับ ส่วนของจุฬาฯ ผมเห็นมีในหลักสูตรปริญญาโท
แต่ผมคิดว่าลูกชายคุณ จขกท. น่าจะสามารถเรียนแบบหลักสูตรหมอแบบ M.D. Ph.D. ได้นะครับ
คณะแพทย์หลายมหาวิทยาลัยจะ offer โปรแกรมนี้ให้เด็กเก่ง ๆ นะครับ เพื่อจบออกมาแล้วจะได้เป็นอาจารย์ในภาคพรีคลินิกด้วยครับ
ลองสอบถามผู้รู้อีกดูอีกทีนะครับ
ผมว่าลูกคุณ จขกท. น่าจะมีอะไรคิดไว้ในใจบ้างละครับ
เพียงแต่เขาอาจจะไม่อยากบอก หรือบางคนเขาก็ไม่อยากได้รับการคาดคั้นจากผู้ปกครอง
ผมเชื่อว่ายังไงเขาก็ไปได้ดีทุกทางนะครับ วันหนึ่งเขาจะเลือกทางเดินของเขาเองครับ
หลายมหาวิทยาลัยในไทยเริ่มมีหลักสูตรเรียน M.D. Ph.D. ต่อเนื่องเลยครับ
โดยให้เรียนตรี ถึงปี 3 ก่อน ได้วุฒิ วท.บ. (วิทยาศาสตร์การแพทย์) แล้วเรียนต่อปริญญาเอกในภาควิชาพรีคลินิก
เมื่อจบปริญญาเอกแล้วก็ค่อยมาเรียนต่อหมอ ผมเห็นเด็กเก่ง ๆ หลายคนเข้าเรียนโปรแกรมนี้เหมือนกันนะครับ
การได้เรียน Ph.D. ทำให้เขาได้คิดวิเคราะห์ เขาอาจจะเลือกเรียนด้านสรีรวิทยา (Physiology) ก็ได้นะครับ
ซึ่งด้านสรีรวิทยาจะใช้ความรู้ทางชีววิทยาและฟิสิกส์มาอธิบายได้ดีทีเดียว
ที่ต่างประเทศจะมีพวกโปรแกรม Biophysics หรือ Bioengineering (Biomedical Engineering)
ซึ่งหลักสูตรเหล่านี้มักมีอาจารย์จากคณะแพทย์กับวิศวะเป็นอาจารย์ในหลักสูตรด้วยครับ
บางคนเรียน Bioengineering เพื่อเอาความรู้ด้านวิศวะมาประยุกต์ทางการแพทย์และชีวภาพ
เช่น พวกพวกหุ่นยนต์ช่วยผ่าตัด อิเล็กทรอนิกส์ช่วยติดตามสุขภาพของผู้ป่วย หรือพวกไบโอเซนเซอร์ตรวจสารเคมีในร่างกาย เป็นต้น
ถ้าไม่เข้าในคณะแพทย์ อาจจะลองเลือกเรียนในคณะวิศวกรรมศาสตร์ ในสาขาที่เรียนแบบวิศวกรรมทางการแพทย์ดูนะครับ
ที่มหิดลมีหลักสูตรวิศวกรรมชีวการแพทย์ ใน ป.ตรี ด้วยนะครับ ส่วนของจุฬาฯ ผมเห็นมีในหลักสูตรปริญญาโท
แต่ผมคิดว่าลูกชายคุณ จขกท. น่าจะสามารถเรียนแบบหลักสูตรหมอแบบ M.D. Ph.D. ได้นะครับ
คณะแพทย์หลายมหาวิทยาลัยจะ offer โปรแกรมนี้ให้เด็กเก่ง ๆ นะครับ เพื่อจบออกมาแล้วจะได้เป็นอาจารย์ในภาคพรีคลินิกด้วยครับ
ลองสอบถามผู้รู้อีกดูอีกทีนะครับ
ผมว่าลูกคุณ จขกท. น่าจะมีอะไรคิดไว้ในใจบ้างละครับ
เพียงแต่เขาอาจจะไม่อยากบอก หรือบางคนเขาก็ไม่อยากได้รับการคาดคั้นจากผู้ปกครอง
ผมเชื่อว่ายังไงเขาก็ไปได้ดีทุกทางนะครับ วันหนึ่งเขาจะเลือกทางเดินของเขาเองครับ
แสดงความคิดเห็น
ลูกชายเรียนเก่ง ชอบคำนวน ชอบชีวะ ถ้าไม่ใช่แพทย์แล้วเรียนอะไรดี
ดูๆแล้วเหมือนจะมาทางวิศวะ แต่เขาก็บอกว่าไม่ได้ชอบคำนวนหนักๆขนาดนั้น
ชอบทุกวิชาสายวิทย์ แต่ชอบชีวะมาก เก่งภาษาอังกฤษด้วยก็เลยอ่าน Campbell ได้เอง (ขอซื้อเอง)
ส่วนเรื่องแพทย์ เค้าตอบว่าก็ไม่รู้จะเรียนอะไร แต่ถ้าให้เรียนจะเรียนก็ได้ ฟังดูแล้วเหมือนไม่ชอบ
นิสัยพูดน้อย สันโดษ ถ้าให้เรียน pure science แล้วจบมาเป็นอาจารย์ก็น่าจะขัดบุคลิกมาก
(หรือจริงๆอาจารย์มหาวิทยาลัยก็บุคลิกแบบนี้อยู่แล้ว)
เด็กแบบนี้เรียนอะไรดีคะ
** เพิ่มเติมว่าเด็กๆเคยได้เหรียญวาดรูปบ่อย งานประดิษฐ์ส่งครูมักทำดีมากจนครูชมบ่อยๆ