โลกไม่แตกสักหน่อย(This is not the end of the world.) ตอน2

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 2 : กลุ่มดอม 2

ผมรู้สึกหนักอึ้งและหายใจไม่ค่อยสะดวก เปลือกตาหนักจนลืมแทบไม่ขึ้น เสียงเรนาต้าแว่วมาจากที่ไกลๆ ผมอาจจะกำลังฝัน งั้นเรื่องเมื่อกี้ก็ไม่ใช่ความจริงสินะ ดีจัง นี่อาจจะเป็นฝันที่มาบอกให้ผมรู้สึกตัวก็ได้ว่าผมรักเพื่อนสนิทของตัวเอง เพื่อนที่ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันจะเลือกเป็นหญิงหรือชาย หรือจะเป็นแบบนี้ไปทั้งชีวิต ยังไงก็ได้ ขอให้มันเป็นมันก็พอ ไม่หวานไป ไม่แข็งไป เป็นเหมือนหยินและหยางในคนคนเดียว ปู่ผมบอกว่าชีวิตคู่คือความพอดี คือการส่งเสริมกันและกัน แล้วผมจะไปเสริมตรงไหนให้มันพอดีกันนะ ในเมื่อมันคือทุกอย่างบนโลกของผมแล้ว

นี่คือความสิ้นหวังชัดๆ

“ดอม ดอม อดทนไว้นะ” เสียงเรที่มักขี้เล่นสะอื้น มันดังชัดขึ้นเรื่อยๆจนผมรู้ว่าหมอนั่นอยู่ตรงนี้ข้างๆผม “นายอย่าเป็นอะไรไปนะ ดอม”

มืออุ่นๆที่แตะ(หรือตบ)แก้มไม่หยุดทำให้ผมลืมตาขึ้น ผมงุนงง ซากบ้านที่อยู่รอบกายเป็นสีซีเมนต์ ผมขยับตัวไม่ได้เลย เรนาต้านั่งคุกเข่าอยู่บนซากปรักหักพังด้านหน้าผม กุมมือของผมเอาไว้ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยฝุ่นมีคราบน้ำตาเป็นทาง ตู้เย็นของผมปกป้องเธอเอาไว้ ดีจังที่เลือกของแพงเหือดจนแม่ลดค่าขนมครึ่งหนึ่งไปตั้งปีเต็มๆ ผมนอนคว่ำหน้าอยู่ตรงหน้าเร ห่างจากตู้เย็นมาแค่ฟุตเดียว

“เขาลืมตาแล้ว โล” เธอตะโกนบอกเพื่อนสนิทอีกคนของผม

“อดทนไว้ ดอม” เขาตะโกนมาด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ฉันจะพานายออกมาให้ได้”

“เจ็บตรงไหนไหม” เรถามแล้วพยายามปัดฝุ่นออกจากหน้าผม ผมอยากส่ายหน้าแต่การนอนคว่ำทำให้ทำแบบนั้นไม่ได้ อันที่จริงคือผมไม่ค่อยรู้สึกอะไรเท่าไหร่เลย มันชาไปทั้งตัว อย่างน้อยวัสดุที่ใช้ก่อสร้างก็มีน้ำหนักเบากว่าสมัยก่อน ไม่อย่างนั้นผมคงเละไปแล้ว

“สายฟ้าฟาดตอนที่รู้ว่าเธอท้องอาจจะยังมีผลอยู่ก็ได้ ฉันไม่รู้สึกอะไรเลย” ผมตอบเสียงแผ่ว

“ไอ้บ้า” เรหัวเราะทั้งน้ำตา “หิวน้ำป่าว”

“นิดหน่อย” ผมตอบทั้งที่ความจริงคอแห้งราวกับขาดน้ำมาแล้วสามวัน เรรีบลุกขึ้นถลาไปที่อ่างล้างหน้าที่เหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว ตอนนี้บ้านทั้งหลังของผมคงเหลืออยู่แค่ครัวส่วนเดียวนี่ละมั้ง ผมไม่แน่ใจเพราะไม่สามารถหันไปมองรอบๆได้ ไม่ถึงนาทีเรก็เอาน้ำใส่แก้วมาให้ผม ผมดื่มมันอย่างยากลำบากเพราะนอนคว่ำอยู่เรจึงลุกไปคว้าหลอดบนหลังตู้เย็นมาให้ มันเปื้อนไม่น้อยเธอจึงต้องเอาไปล้างก่อน อย่างน้อยน้ำก็ยังไหล คงเพราะบ้านผมมีแท็งก์เก็บน้ำ

“มาแล้ว เขาเป็นยังไงบ้าง” เสียงโลดังมาก่อนตัว เรรีบลุกขึ้น

“ไม่ค่อยดี นายรีบพาเขาออกมาก่อนเถอะ”

“เฮ้ย ดอม” โลก้มหน้าลงมาหาผม ผมอยากจะหัวเราะ ตัวมันเลอะเทอะไม่แพ้กันเลย ผมยิ้มให้มัน ดูมันโล่งอกก่อนจะลูบศีรษะผมเบาๆ ผมบอกกี่ทีแล้วนะว่าต่อให้มันตัวใหญ่เท่ากระทิง ผมก็ไม่ชอบที่มันทำกับผมเหมือนเป็นเด็กเล็กๆ “อดทนไว้นะ ฉันจะพานายออกมา”

ผมมองอุปกรณ์ในมือมัน เป็นแท่งตัดความร้อนสูงที่ใช้ในงานรื้อถอน รู้เลยว่ามันจะตัดแบ่งคานเป็นชิ้นๆแล้วยกออกไป เรเข้ามากุมมือผมเอาไว้อีกครั้ง เธอมองตาโลแล้วพยักหน้า โลจึงเริ่มใช้อุปกรณ์ตัดคานซีเมนต์ออกโดยเว้นรอบตัวผมเอาไว้เพราะเกรงว่าความร้อนจะโดนผม มันคงกะยกคานบนตัวผมออกเองด้วยมือมัน

“ระวังขาเขานะ” เรร้องบอกเมื่อโลตัดเข้ามาใกล้จนผมรู้สึกได้ถึงความร้อนซึ่งสูงเป็นพันๆองศา โลไม่ตอบแต่ตัดต่อไปอย่างตั้งใจ ความร้อนห่างออกไป เข้าใจว่าตรงนั้นคงเป็นเหล็กเส้นที่ยังไงมันก็ต้องตัด คานหล่นดังตึงเมื่อถูกตัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดออก ผมร้องด้วยความเจ็บปวดสุดใจเมื่อความรู้สึกแล่นขึ้นมาหลังจากความชาหายไป เรสะดุ้ง “ดอม”

“ทนอีกนิด” โลร้องบอก ผมรู้สึกได้ว่าเขากำลังจะยกคานบนตัวออกไป มันเดินมายืนอยู่ข้างกายผม ย่อตัวลง แล้วออกแรง ผมร้องอีกครั้ง ไม่เคยเจ็บขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต สติพร่าเลือน “ดึงเขาออกไป เร”

เรจับแขนผมเอาไว้มั่นแล้วออกแรงดึง แรงที่ลากผู้ชายสูงร้อยแปดสิบได้ต้องเป็นเพื่อนผู้หญิงที่ท้องแล้วของผมแน่นอน เมื่อผมพ้นออกมา โลก็ปล่อยคานลง มันดังลั่นจนตัวผมสะเทือน ผมหอบหายใจด้วยความเจ็บปวด ดวงตามองทุกอย่างพร่าไปหมดราวกับโทรทัศน์ภาพล้ม

“กล่องพยาบาลล่ะ” เสียงโลถามพร้อมกับมีมือใหญ่ๆมาคว้าตัวผมประคองให้นั่งขึ้น เครื่องช่วยหายใจแบบพกพาถูกครอบเข้ามาที่ปากและจมูก มันทำให้ผมหายใจดีขึ้นและเป็นจังหวะมากขึ้น มันโอบผมเอาไว้ในท่านั่งแล้วถกเสื้อผมขึ้น เข็มเล็กๆแทงลงที่กระดูกสันหลัง ผมแทบกัดมันถ้าไม่มีเครื่องช่วยหายใจครอบเอาไว้

“เจ็บ...” ผมกำเสื้อมันแน่น โลลูบหลังผมเบาๆ

“ชู่ว์ๆ ใจเย็นเพื่อน ไม่เป็นไร”

“เราจะจัดกระดูกให้นายเลยต้องบล็อกหลัง ทนหน่อยนะดอม” เรบอก เธอเป็นคนใช้เข็มนี่เอง เสียงโดดี้เห่าอยู่ไม่ไกล เจ้าหมาอัลเซเชี่ยนของโล มันรอดด้วยแฮะ โลอุ้มผมออกมาที่สนามหญ้าข้างบ้าน เรรีบวิ่งมาปูผ้าปูที่นอนสีขาวลง จำได้ว่าคือผืนที่เธอซักตากเมื่อวานตอนเย็น ผมมองไปรอบๆ บ้านแทบทุกหลังพังลงมาอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง บ้านของผมคือหนึ่งในหลังที่แย่ที่สุดเพราะเหลือไม่ถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ส่วนบ้านของโลพังไปแค่ส่วนเดียวเท่านั้นคือตรงห้องนั่งเล่นชั้นล่าง สมแล้วที่ปู่มันสร้างเองกับมือทั้งหลังด้วยซุงทั้งท่อน

“เดี๋ยวฉันจะจัดขาให้นายก่อนไปโรงพยาบาลนะ” โลว่าแล้ววางผมนอนลง ครู่เดียวร่างกายท่อนล่างของผมก็ชาแทบไม่รู้สึกอะไรเลย “ตัดกางเกงออกก่อน”
เรใช้กรรไกรตัดกางเกงยีนส์ของผมตั้งแต่เหนือเข่าแล้วเอาออกไปอย่างรีบเร่ง โดดี้วิ่งเข้ามาเลียหน้าผม สภาพของผมตอนนี้แม้แต่หมายังสงสาร คิดดู ผมยันตัวลุกขึ้นเพื่อมองขาตัวเองเมื่อโลมองมันแล้วนิ่งไป ไม่รู้ว่ามันกำลังประเมินหรือกำลังช็อค ข้างขวาหักประมาณสามท่อน ส่วนข้างซ้ายมีกระดูกแทงออกมา เลือดชุ่มพอสมควรเลย ทั้งที่มันไม่เจ็บแท้ๆแต่ผมดันรู้สึกเจ็บซะนี่ ผมกัดฟันแล้วนอนลงอย่างเดิม โลมองตาเรก่อนจะหันกลับมาตบบ่าผม

“นายจะไม่เป็นไร ต่อให้นายไม่มีขา ฉันก็จะดูแลนายเอง”

“จะพูดแบบนี้หาอะไรเนี่ย” เรตบกบาลมัน ส่วนผมหลับตาลง คิดว่าคงไม่เป็นไร วิทยาการเรื่องอวัยวะเทียมก้าวหน้ามาก ผมคงหาขากลดีๆใส่ได้บ้างแหละ บ้าเอ๊ย ไม่น่าห่วงโลในเสี้ยววินาทีแล้วดึงมันเข้าไปหลบชิดตู้เย็นแทนเลย โง่ชะมัดยาด ก็มันเป็นพ่อหลานนี่หว่า ผมรู้สึกถึงกระดูกและกล้ามเนื้อขยับไปมาและส่งเสียงกรอบแกรบ โลจัดกระดูกเก่งมากเพราะอยู่อาสาสมัครกู้ภัยของหมู่บ้านมาตั้งแต่อายุสิบสาม ผมนอนนิ่งๆ รู้อย่างเดียวว่าต้องไว้ใจมัน

“รัดตรงนั้นอีกหน่อยสิ เดี๋ยวฉันเย็บตรงนี้เอง” เรบอก เธอนั่งอยู่ข้างโล คอยส่งอุปกรณ์ให้เขาและช่วยเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องกระดูก เธอเคยบอกว่าอยากเป็นพยาบาลแต่เพราะเรียนไม่เก่งเธอจึงสอบไม่ติด ผมคิดว่าเธอคงมีความรู้ทางด้านนี้บ้างหรือไม่ก็เดาล้วน นาทีนี้ผมไม่อยากถาม “ตัดเนื้อตรงนั้นออกนิดนึงสิ ฉันจะได้เย็บได้ เอาเข็มมา ดีจัง เส้นเลือดใหญ่ไม่ฉีกขาดแฮะ นึกว่าต้องเย็บหลอดเลือดซะแล้ว อันนั้นฉันเย็บไม่เป็น”

เหรอ ดีๆ ผมอยากจะเป็นบ้า รู้งี้เอาหัวไปฟาดอะไรให้หมดสติดีกว่าต้องมานอนฟังการชำแหละสดตัวเองแบบนี้ ไอ้สองตัวนี้ก็ซาดิสม์เหลือเกินนะ ผ่ากันหน้าตาเฉยเลย ไม่กลัวรึไง เป็นผมคงไม่กล้าจัดกระดูกให้โลแน่ๆแม้ว่าจะมีสอนในวิชา ‘เซอร์ไววัล’ หนึ่งในวิชาที่ถูกบรรจุเข้ามาหลังการอพยพครั้งใหญ่ก็เถอะ

“เสร็จแล้ว นายเป็นยังไงบ้าง ดอม” โลว่าแล้วลูบหน้าผม ผมลืมตาขึ้น รู้สึกเพลียเอาเสียมากๆ หนังตาหนักอย่างกับว่ามันไม่เคยลืมมาก่อน ผมเห็นโล เร และโดดี้ก้มลงมามอง ทำอะไรไม่ได้นอกจากยิ้มบอกพวกเขาว่าผมไม่เป็นไร

“เขาดูไม่ดีเลย” เรเอ่ยเสียงสั่น “นายต้องการอะไรไหม”

“นายไหวรึเปล่า พูดสิ” โลถามแล้วประคองศีรษะผมขึ้น ผมอยากนอนเอาซะมากๆแต่ก็พยายามพูดว่าไม่เป็นไร ยิ่งเสียงแผ่วพวกเขาก็ยิ่งประสาท

“ทำไมเขาพูดไม่ไหวล่ะ โล ทำยังไงดี” เรทำท่าจะร้องไห้อีก วันนี้ประหลาดมาก ผมทำเธอร้องไห้หลายรอบแล้ว ปกติเธอไม่เคยร้องไห้เลย มันยากมากที่เธอจะเสียน้ำตา ผมพยายามเอ่ยอีกครั้งว่าไม่เป็นไรแต่ก็เป็นอีกครั้งที่ไม่มีเสียงหลุดออกมาจากคอผม โดดี้เริ่มต้นขู่ราวกับมีงูอยู่แถวนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่