Fallen Star (ดาวตก...หลุมรัก)

กระทู้สนทนา
ตอนที่ 1 : ผิดที่...ไม่ผิดทาง

    อเดลีนไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าเธอมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ ในห้องเรียนขนาดใหญ่เก่าๆของมหาวิทยาลัยเปิดในคลาสเรียนของอาจารย์แก่ๆที่พูดพึมพัมอยู่กับกระดานไวท์บอร์ด วิชา “จิตวิทยาเบื้องต้น” บนหน้าปกหนังสือตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกผิดที่ผิดทาง ถ้าเป็นบทหนังรักโรแมนติกหรือเนื้อเพลงของอัลบั้มใหม่ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คือตำราเกือบสามร้อยหน้าที่มีเนื้อหาเป็นวิชาการล้วนๆ

    เมื่ออเดลีนได้ยินเสียงกระซิบจากโต๊ะเรียนรอบๆว่า ‘ลีนี่ๆ’ เธอก็ต้องรีบก้มหน้าลงแล้วทำเป็นเปิดหนังสือไปยังบทแรกที่เต็มไปด้วยชื่อ เพลโต, อริสโตเติล, จอห์น ล็อค กับคำว่า พฤติกรรม, คำจำกัดความ, เจตคติ, ค่านิยม และอื่นๆที่ทำให้อเดลีนหัวหมุน เธอเริ่มคิดว่านี่มันไม่ใช่ เธอไม่ได้เกิดมาเพื่อสิ่งนี้
แล้วเธอมาที่นี่ทำไมเนี่ย

ก่อนที่หญิงสาวจะกรีดร้องและวิ่งหนีออกไปจากห้องเรียน เธอก็เห็นชายคนหนึ่งเดินผ่านหน้าห้องไป แม้เขาจะเดินอย่างรวดเร็วและผ่านหน้าประตูไปด้วยความเร็วเพียง 0.4 วินาที เธอก็เห็นเขา ชายวัยต้นสามสิบ ร่างโปร่งแต่ไม่บางและไม่ได้ดูอ่อนแอ จมูกโด่งเป็นสันมีแว่นสายตาทาบทับอยู่บดบังดวงตาสีนิลเป็นประกาย คิ้วคมเข้มรับกับผมสั้นๆสีน้ำตาลเข้มยุ่งเหยิง ปากรูปกระจับเม้มอยู่เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีน้ำเงินคราม ไม่ได้สวมสูททับแต่คลุมด้วยเสื้อคลุมสีดำที่ดูสุภาพ มือข้างหนึ่งมีกระเป๋าหนังใส่เอกสารสีน้ำตาลใบใหญ่ใบที่เขาชอบยกขึ้นมากอดเอาไว้เพื่อป้องกันตัวเองจากเธอ

อเดลีนแทบจะวิ่งออกไปจากห้องไปหาเขา ไปทักเขา ไปสะกิดบ่า ไปสวัสดี ไปกระโดดแล้วร้องแฮ่ใส่ ไปผลักหน้าให้หัวทิ่ม ไปทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เขาตกใจและรับรู้ถึงเธอว่าเธออยู่ตรงนี้นะ อยากให้เขารู้ว่าเธออยากให้เขาคุยด้วยมากแค่ไหน มากกว่าคอยเอากระเป๋าขึ้นกอดแล้วหลีกเลี่ยงการคุยกับเธอแล้วเดินหลบเข้าห้องพักอาจารย์ไป มากกว่าการต้องนั่งมองเขาเล่าถึง ‘ประวัติศาสตร์โลกเบื้องต้น’ หน้าห้องเรียนโดยเธอต้องเป็นแค่หนึ่งในนักเรียนจำนวนสองร้อยคนของเขา

“สวัสดี” เสียงทักที่ทำให้อเดลีนต้องละจากสายตาที่จ้องไปยังหน้าประตูห้องที่มีเพียงทางเดินปูหินเก่าๆและหยากไย่ตรงวงกบหันมาหาเจ้าของเสียง ชายหนุ่มที่ดูก็รู้ว่าอายุน้อยกว่าสิบปีเข้ามาทักเธอ เขามีผมและดวงตาสีน้ำตาลอ่อนจนจางที่บอกให้รู้ว่าเป็นลูกครึ่งเหมือนกัน อเดลีนยิ้มให้เขาด้วยรอยยิ้มที่ถูกผู้จัดการส่วนตัวสอนมาอย่างดี ‘เป็นทางการ งดงาม และห่างเหิน’

“หวัดดีจ้ะ” เธอทักตอบด้วยเสียงที่ถูกฝึกมาแล้วเหมือนกัน

“คุณคือ ‘ลี่นี่’ ดาราดังๆคนนั้นรึเปล่าครับ” เขาถามด้วยความตื่นเต้น คำถามที่เธอได้ยินมาเป็นร้อยๆพันๆครั้งตั้งแต่อายุไม่กี่ปี

“ใช่จ้ะ ยัยหัวฟูคนนั้นแหละ” อเดลีนพยักหน้าตอบแล้วขยับปากกาหมึกซึมราคาแพงกว่าตำราในมือ “ลายเซ็นไหม หรือจะเซลฟี่คู่ แต่ต้องรอให้เลิกคลาสก่อนนะ”

เด็กหนุ่มมีสีหน้าตื่นเต้น แก้มแดงระเรื่อขึ้นมาจนน่าหยิก เขามีใบหน้าน่ารักแบบที่สาวๆทุกคนคงตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น รอยยิ้มสว่างจนส่องได้ทั้งห้องทึบๆนี่ แต่เสียใจด้วยที่เธอไม่ได้ชอบเด็ก เป้าหมายเพิ่งเดินผ่านหน้าห้องไปเอง เขาหันไปพยักหน้าให้เพื่อนๆชายหญิงกลุ่มใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ไกล ตานี่คงเป็นทัพหน้ากล้าตายที่เพื่อนๆไล่มาลองคุย

“ผมเล็กครับ” เขารีบแนะนำตัวด้วยท่าทางประหม่า “คุณมาทำอะไรที่นี่เหรอ”

อเดลีนหันไปมองกระดาน ตอนนี้เธอดันนึกอยากสนใจอาจารย์คนนั้นขึ้นมาซะอย่างนั้นทั้งที่เมื่อกี้ยังอยากวิ่งออกไปจากห้องอยู่เลย เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าคุยด้วยต้องยาวแน่ๆ “ก็มาเรียนไง เราก็มาเรียนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ เงียบดีกว่านะ สงสารอาจารย์เขา เนาะ”

“เอ่อ ครับ” เมื่อเจอแบบนั้นเด็กหนุ่มนามว่าเล็กก็สลดไปนิดหนึ่ง เขาเงียบลงและหันกลับไปมองกระดาน แววตาหงอยเหมือนลูกหมาโดนดุ อเดลีนแอบอมยิ้ม สงสารเหมือนกัน แต่คิดว่าคุยในชั้นเรียนคงไม่ดีแน่โดยเฉพาะกับคนที่เด่นเด้งแบบเธอ คนจะหมั่นไส้เอาง่ายๆและโดนว่าทันทีว่าทำตัวมีอภิสิทธิ์หรือไม่มีมารยาท

หญิงสาวหันกลับไปมองที่ประตู แม้ว่าเขาจะเดินผ่านไปตั้งนานแล้ว แต่จุดที่เขาเดินผ่านก็ทำให้อเดลีนรู้สึกมีความสุขเมื่อได้มอง เธอยังคงได้ยินเสียงกระซิบชื่อเธออยู่จากเด็กนักศึกษารอบห้องและรู้สึกถึงสายตาจำนวนมากที่มองมา เธอดูเด่นกว่าคนทั่วไปเสมอไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน อเดลีนเป็นลูกครึ่งไทย-ฝรั่งเศส มีผิวสีขาวราวกระเบื้องเคลือบ ผมยาวหยักศกสีแดงเงางาม ดวงตาสีเขียวใสกระจ่าง จมูกโด่งแหลม ริมฝีปากบางสีส้มอ่อน เธอไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าทำไมไม่เอายีนส์เด่นของพ่อมาเลยสักอย่าง เธอเหมือนแม่ราวกับเป็นร่างโคลนนิ่ง

เธอเป็นนักร้องและนักแสดง เข้าวงการตั้งแต่อายุยังน้อยเพราะความสามารถทางการร้องและเต้น ยิ่งโตขึ้นมาความสามารถทางการแสดงปรากฏเพิ่ม ชื่อเสียงก็ยิ่งโด่งดังหนักไปกันใหญ่ เธอเข้าวงการมายี่สิบกว่าปีแล้วและตอนนี้อายุก็เกือบจะสามสิบอยู่รอมร่อ แม้จะขอพักงานต่างๆมาเกือบปี ชื่อเสียงของเธอก็ยังคงไม่ลดลงเลย ผู้จัดการส่วนตัวดีอกดีใจใหญ่ บอกว่า ‘ฉันปั้นดาวค้างฟ้าได้ด้วยย่ะ’ และดูจะเศร้าไปนิดหน่อยเมื่อเธอหันมาตั้งใจเรียนมหาวิทยาลัยแทนการรับงาน

“ขอโทษครับอาจารย์” ชายในชุดสูทสีเข้มราคาแพงก้าวเข้ามาในห้องก่อนที่เวลาจะหมดห้านาที เขามองมาที่เธอก่อนจะหันไปกระซิบกับอาจารย์ประจำคลาสแล้วเดินออกไปยืนหน้าห้อง อเดลีนเก็บหนังสือ ปากกา และสมุดที่ว่างเปล่าลงกระเป๋าถือมียี่ห้อใบโตที่หนักเป็นบ้าทั้งที่ไม่ค่อยได้ใส่อะไรลงไป

“รองอธิการบดีมาทำไมน่ะ” เล็กพึมพำขึ้นเหมือนจะอยากคุยกับหญิงสาว อเดลีนหันไปยิ้มให้เด็กหนุ่มพร้อมกับที่อาจารย์ตะโกนขึ้น น่าแปลกมากที่เขาก็พูดเสียงดังระดับนั้นได้

“นางสาวอเดลีน ยิ่งยศ ท่านรองอธิการชวรัตน์เรียกพบหลังเลิกคลาสนะ”

“ค่ะ” อเดลีนรีบยกมือตอบรับ เมื่อได้ยินชื่อเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นทันที เล็กหันมาเหมือนอยากจะถามว่ามีอะไรรึเปล่าแต่อาจารย์ก็สั่งเลิกคลาสและหญิงสาวก็ได้วิ่งออกมาซะก่อน เธอหันไปหาเล็กแล้วโบกมือ “เจอกันคาบหน้านะเล็ก”

เด็กหนุ่มแก้มแดงขึ้นราวกับผลมะเขือเทศ เขาโบกมือตอบด้วยท่าทางเก้ๆกังๆ สามวินาทีหลังจากนั้นก็โดนเพื่อนกลุ่มใหญ่เข้ามากระโดดถีบด้วยความหมั่นไส้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่