ผมอยู่กับแม่ กับ พี่ชาย
ปกติผมก็ไม่ค่อยถูกกับพี่อยู่แล้ว ผมรู้สึกเสมอว่าแม่ห่วงพี่มากกว่า อะไรๆก็ถนอมจิตใจพี่ กลัวพี่เสียใจ
แม่บอกพี่เป็นคนเซ้นซิทีฟ เคยเจอปัญหาวัยเด็กเยอะ ตอนแม่มีปัญหากับพ่อแรกๆ แม่เลยโอ๋พี่มาก
ส่วนตัวเราเกิดมาตอนพ่อกับแม่ขาดกันชัดเจนแล้ว เลยไม่ได้อาการหนักเท่า(แต่ก็ไม่ได้สุขภาพจิตดี)
พี่ชายเพิ่งไปเมืองนอกได้ 3-4 เดือน ปีใหม่นี่ก็กลับมาอยู่บ้านได้เกือบอาทิตย์
เราสามคนพากันไปซื้อของที่อิเกีย ก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆมาหลายชิ้น
ผมเดินกับแม่เป็นหลัก ส่วนพี่ชายเดินหายไปทางไหนไม่รู้ บางทีก็เห็นอยู่แวบๆไกลๆ เหมือนเดินมาด้วยกัน แต่ไม่ได้เดินใกล้กัน
วันนั้นซื้อโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ตัวนึง ชั้นหนังสืออีกหลัง แล้วก็เก้าอี้อีก 3 ตัว ผมขนเองจากตรงโกดังเขาทั้งหมด
บอกตรงๆจะเรียกพี่มาช่วยเข็นก็เอือม เหมือนกับว่าเห็นอยู่ตรงหน้ายังไม่ช่วยเลย เราก็ไม่อยากจะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
วันต่อมาของมาส่งบ้าน ผมอยู่รับของคนเดียว อันนี้ไม่ว่า เพราะเขานานๆทีกลับไทยก็คงมีธุระต้องออกไปทำ
ผมได้ของมาก็ต่อเองทำไรเองหมดยกเว้นบางอย่างที่มันใหญ่มาก ยังไม่ต่อเพราะยังหาที่ลงไม่ได้
ผมก็ต่อเฟอร์นิเจอร์ไป เก็บกวาดบ้านไป เพราะย้ายเฟอร์ใหม่มา ของเก่าก็ต้องขยับขยาย
พี่กลับมาตอนเย็น เห็นของใหญ่สุดยังไม่ต่อก็ถามว่าทำไมไม่ต่อ เราบอกไม่มีที่ลง พี่ก็บอก ต่อเลยเหอะ
"แต่แกต้องมาช่วยพี่นะ พี่ทำคนเดียวไม่ไหว"
เนื่องจากนี่เป็น login บัตรผ่านอีกอันของผมที่มีไว้ระบายความเครียดโดยเฉพาะ
ดังนั้นผมจะไม่แอ๊บละนะ ผมคิดจริงๆว่า เมิงเห็นแก่ตัวจังวะ ที่ผ่านมากรูก็ทำมาเกือบหมดแล้ว
ไอ้อันนี้ที่ไม่ทำก็เพราะเห็นไม่มีที่ลง เมิงจะทำก็ทำไป แหม มีต้องมาเรียกกรูไปช่วยทำด้วย
ผมเลยแซะไปว่า อ่ะนะ ของมันก็ออกแบบมาให้ประกอบง่ายอยู่แล้วล่ะ ทำคนเดียวก็คงได้
แต่ผมไม่ได้เดินไปไหนนิ่ ผมก็ยังเก็บกวาดรื้อของอยู่ตรงนี้อะ ถ้าเขามีปัญหาตรงไหนผมก็ต้องไปช่วยอยู่แล้วล่ะนะ
พี่ก็เริ่มประกอบ ผมเก็บกวาดของไปด้วย ปรากฏผมไปเดินเฉี่ยวเขา (โต๊ะมันใหญ่ ก็กางเต็มพื้นที่บ้าน เลยเหลือทางเดินแคบ)
ผมเห็นพี่กุมมือแน่นเหมือนเจ็บมาก ไม่ส่งเสียงร้องหรือร้องไม่ออกไม่รู้ ผมก็ตกใจรีบบอกขอโทษๆ เป็นไรมากมั้ย
พี่สบถว่า "อะไรวะ"
ทีนี้ผมก็ชักโมโหเหมือนกันสิ เอาจริงๆก็เก็บมาหลายสิ่งอย่างแล้วด้วยแหละ
ผมก็บอกว่า "ก็เดินชนไง ไม่ได้ตั้งใจ ไปล้างแผลละกัน เดี๋ยวทำต่อเอง"
พี่ก็เดินไปล้างมือ สักพักก็กลับมาด่าผมว่า ผมชนเขาแล้วยังไม่ขอโทษเขา ต้องรอเขาด่าถึงมาขอโทษ
ผมก็งง อึ้ง บอกไปว่าผมนี่ขอโทษคำแรกเลยนะ คือ
ผมชน > ผมขอโทษ > เขาสบถว่า "อะไรวะ" > ผมสวนว่า "ก็เดินชนไงไม่ตั้งใจ" > เขาเดินไปล้างมือ
แต่เขาบอกว่า ไม่ใช่ ลำดับเหตุการณ์คือ
ผมชน > ผมไม่ขอโทษเขาจึงสบถว่า "อะไรวะ" > ผมสวนว่า "ก็เดินชนไงไม่ตั้งใจ" > ผมขอโทษ
ผมบอกเขาว่า เห้ย ใจเย็นเหอะ คือ ถ้าหงุดหงิดก็วางละเดี๋ยวผมทำต่อเอง แต่ให้พี่คิดดูดีๆว่า
ลำดับเหตุการณ์ของพี่มันไม่สมเหตุสมผลนะ ถ้าผม

ขนาดทำคนอื่นเจ็บยังจะไม่ขอโทษ แล้วผมจะยังไปขอโทษตอนท้ายทำไม
พี่ผมก็ไม่ฟังไรทั้งนั้น เขาเชื่อในสิ่งที่สมองเขาสั่งให้เชื่อแค่นั้น ผมไม่รู้จะอธิบายไง เราก็เริ่มจะโวยวายขึ้นเสียงกันละ
ผมอายเพื่อนบ้านก็เดินหนีออกมา บอกเขาจะเชื่อไรก็แล้วแต่ แต่คิดแบบนี้แม่มดูถูกจิตใจผมมาก
ต่อมาแม่กลับมาบ้าน เห็นข้าวของโดนย้ายที่ ก็รีบถามว่า มีหมวกกันน็อกของพี่ที่เคยใส่สมัยเรียนน่ะผมย้ายไปไหน
ผมบอกจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ย้ายข้าวของใหม่ อะไรไม่ใช้ ผมก็เอาไปเก็บห้องเก็บของน่ะสิ
แม่ผมก็ด่า บอกหมวกอันนั้นสำคัญกับพี่มาก มีเพื่อนพี่เซนต์ชื่อไว้รอบๆหมวก
ผมก็โอ๊ยยย สำคัญต่อจิตใจมาก นอนแช่ฝุ่นอยู่ข้างประตุบ้านมา 2 ปีแล่ว พอผมขยับปุ๊บนี่เกิดมีคุณค่าขึ้นมาทันที
ผมยอมรับนะว่าผมโมโห ผมรู้สึกว่า แม่ปกป้องพี่ชายจังเลยอะ
แม่ไม่ได้สังเกตไม่ได้ชื่นชมเลย กลายเป็นกลับบ้านมาถึง ดิ่งมาด่าผมเลยว่า ย้ายของของพี่ไปไว้ไหน
คือผมอยากบอกแม่มากว่า พี่ผมเขายังไม่สนใจเลยมั้ง ถ้าทิ้งไป เขาก็คงลืมมันไปเลยด้วยซ้ำ
ผมบอกแม่ว่า ข้าวของมันเต็มบ้านแล้ว มีแต่คนจะเก็บ พอผมทิ้งก็ด่าผมเนี่ยะ
ถ้าจะเก็บหมวกเก็บข้าวของที่ระทึกของพี่ ก็เอาอย่างอื่นทิ้งแทนไปมั่ง
แม่ผมด่าผมขึ้นเมิงกูว่า ผมบังคับแม่ ผมสั่งแม่ "เมิงใหญ่โตนักใช่มั้ย มาสั่งกรู"
ผมนี่แทบจะร้องไห้เลยครับ จริงๆ ทำไรมาเหนื่อยๆหลายสิ่งอย่าง พยายามจัดเก็บบ้านเพราะที่ผ่านมาแม่ก็ทำตลอด
นี่คือ โดนด่าเพราะเอาหมวกกันน็อคตั้งแต่สมัยเรียนของพี่ไปไว้ห้องเก็บของ (พี่ผมจะสี่สิบแล้วนะ)
พอผมพูดงี้ ก็โดนด่าว่า ไปบังคับแม่ ผมบอกแม่ ไม่ได้บังคับนะ แต่มันไม่มีที่แล้ว ผมก็อยากให้บ้านกว้างๆว่างๆ
ไม่ใช่นั่นก็ไม่ทิ้งนี่ก็ไม่ทิ้ง แถมห้ามเก็บในตู้เก็บของด้วย งี้บ้านเรากว้างเท่าไรก็ไม่พอเก็บของหรอก
แม่ผมบอก ผมพูดจาออกคำสั่งกับแม่ อธิบายไงแม่ก็ไม่ฟัง บอกสั่งชัดๆ



อะไรคือมีปัญหากับคนในบ้านสองคน ในวันเดียวกัน แถมเป็นเรื่องแนวๆเดียวกัน
ตอนแรกๆเราเถียงสุดใจขาดดิ้น เพราะผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้ละเมอขอโทษเหมือนกันอะ และไม่ได้ใช้คำพูดที่เหมือนสั่งเลย (อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมเปล่าอะ)
แต่ตอนนี้เจอเข้าไปสองคนในวันเดียว คนนึงผมขอโทษแล้วแต่แรก แต่เขาบอกเราไม่ได้พูด
อีกคนผมบอกว่า ถ้าจะเก็บของอันนี้ก็ทิ้งอันอื่นไปบ้าง ไม่งั้นมันเต็มบ้าน กลายเป็นโดนบอกว่า บังคับ ออกคำสั่งกับแม่
และทั้งสองคน ไม่ว่าเราจะแย้ง จะอธิบายยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ฟัง
จนบางทีเราเริ่มเหนื่อยใจผมชักสงสัยว่า หรือผมเองที่ประสาทแดรก
ไม่พูดแต่มโนว่าพูด พูดแต่มโนว่าไม่พูด ผมเลอะเทอะเองหรือเปล่า
ถึงกับไปถามเพื่อนเลยนะว่า ผมเคยพูดไม่รู้เรื่องหรือเหตุการณือย่างนึง เอาไปเล่าเป็นอีกอย่างมั้ย ผมมีปัญหาการตีความคำพูดคนผิดมั้ย
ผมมาตรฐานการใช้คำพูดถ่อย/สุภาพ ไม่เท่าชาวบ้านเหรอ ทำไมพูดอะไรออกไปละคนในบ้านมองเราแง่ลบขนาดนี้
แต่เพื่อนผมก็บอกว่า ผมน่ะปกติดีแต่คนที่บ้านต่างหากที่....
ผมไม่รู้ต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไร ที่บ้านไม่เป็นบ้าน พูดอย่างกลายเป็นแปลความไปอีกอย่าง
ปล. บัตรผ่านนี้เป้นบัตรผ่านที่ผมสมัครไว้ใช้เพื่อระบายความทุกข์ใจโดยเฉพาะ
ถ้าอีกหน่อยกดดูประวัติการตั้งกระทู้มีแต่เรื่องทุกข์ๆก็ไม่ต้องคิดว่า ผมช่างมีแต่ความทุกข์ในชีวิตนะครับ
ผมยังมีสังคม มีชีวิตอีกหลายๆด้าน ทั้งสุขและทุกข์
เพียงแต่อันนี้เอาเป็นบัตรผ่านที่ผมมีไว้ใช้คุยเรื่องเศร้าๆเท่านั้น
ไม่แน่ใจว่าคนรอบข้างผิดปกติ หรือตัวผมเองที่ผิดปกติ
ปกติผมก็ไม่ค่อยถูกกับพี่อยู่แล้ว ผมรู้สึกเสมอว่าแม่ห่วงพี่มากกว่า อะไรๆก็ถนอมจิตใจพี่ กลัวพี่เสียใจ
แม่บอกพี่เป็นคนเซ้นซิทีฟ เคยเจอปัญหาวัยเด็กเยอะ ตอนแม่มีปัญหากับพ่อแรกๆ แม่เลยโอ๋พี่มาก
ส่วนตัวเราเกิดมาตอนพ่อกับแม่ขาดกันชัดเจนแล้ว เลยไม่ได้อาการหนักเท่า(แต่ก็ไม่ได้สุขภาพจิตดี)
พี่ชายเพิ่งไปเมืองนอกได้ 3-4 เดือน ปีใหม่นี่ก็กลับมาอยู่บ้านได้เกือบอาทิตย์
เราสามคนพากันไปซื้อของที่อิเกีย ก็ซื้อเฟอร์นิเจอร์ใหญ่ๆมาหลายชิ้น
ผมเดินกับแม่เป็นหลัก ส่วนพี่ชายเดินหายไปทางไหนไม่รู้ บางทีก็เห็นอยู่แวบๆไกลๆ เหมือนเดินมาด้วยกัน แต่ไม่ได้เดินใกล้กัน
วันนั้นซื้อโต๊ะกินข้าวตัวใหญ่ตัวนึง ชั้นหนังสืออีกหลัง แล้วก็เก้าอี้อีก 3 ตัว ผมขนเองจากตรงโกดังเขาทั้งหมด
บอกตรงๆจะเรียกพี่มาช่วยเข็นก็เอือม เหมือนกับว่าเห็นอยู่ตรงหน้ายังไม่ช่วยเลย เราก็ไม่อยากจะร้องเรียกขอความช่วยเหลือ
วันต่อมาของมาส่งบ้าน ผมอยู่รับของคนเดียว อันนี้ไม่ว่า เพราะเขานานๆทีกลับไทยก็คงมีธุระต้องออกไปทำ
ผมได้ของมาก็ต่อเองทำไรเองหมดยกเว้นบางอย่างที่มันใหญ่มาก ยังไม่ต่อเพราะยังหาที่ลงไม่ได้
ผมก็ต่อเฟอร์นิเจอร์ไป เก็บกวาดบ้านไป เพราะย้ายเฟอร์ใหม่มา ของเก่าก็ต้องขยับขยาย
พี่กลับมาตอนเย็น เห็นของใหญ่สุดยังไม่ต่อก็ถามว่าทำไมไม่ต่อ เราบอกไม่มีที่ลง พี่ก็บอก ต่อเลยเหอะ
"แต่แกต้องมาช่วยพี่นะ พี่ทำคนเดียวไม่ไหว"
เนื่องจากนี่เป็น login บัตรผ่านอีกอันของผมที่มีไว้ระบายความเครียดโดยเฉพาะ
ดังนั้นผมจะไม่แอ๊บละนะ ผมคิดจริงๆว่า เมิงเห็นแก่ตัวจังวะ ที่ผ่านมากรูก็ทำมาเกือบหมดแล้ว
ไอ้อันนี้ที่ไม่ทำก็เพราะเห็นไม่มีที่ลง เมิงจะทำก็ทำไป แหม มีต้องมาเรียกกรูไปช่วยทำด้วย
ผมเลยแซะไปว่า อ่ะนะ ของมันก็ออกแบบมาให้ประกอบง่ายอยู่แล้วล่ะ ทำคนเดียวก็คงได้
แต่ผมไม่ได้เดินไปไหนนิ่ ผมก็ยังเก็บกวาดรื้อของอยู่ตรงนี้อะ ถ้าเขามีปัญหาตรงไหนผมก็ต้องไปช่วยอยู่แล้วล่ะนะ
พี่ก็เริ่มประกอบ ผมเก็บกวาดของไปด้วย ปรากฏผมไปเดินเฉี่ยวเขา (โต๊ะมันใหญ่ ก็กางเต็มพื้นที่บ้าน เลยเหลือทางเดินแคบ)
ผมเห็นพี่กุมมือแน่นเหมือนเจ็บมาก ไม่ส่งเสียงร้องหรือร้องไม่ออกไม่รู้ ผมก็ตกใจรีบบอกขอโทษๆ เป็นไรมากมั้ย
พี่สบถว่า "อะไรวะ"
ทีนี้ผมก็ชักโมโหเหมือนกันสิ เอาจริงๆก็เก็บมาหลายสิ่งอย่างแล้วด้วยแหละ
ผมก็บอกว่า "ก็เดินชนไง ไม่ได้ตั้งใจ ไปล้างแผลละกัน เดี๋ยวทำต่อเอง"
พี่ก็เดินไปล้างมือ สักพักก็กลับมาด่าผมว่า ผมชนเขาแล้วยังไม่ขอโทษเขา ต้องรอเขาด่าถึงมาขอโทษ
ผมก็งง อึ้ง บอกไปว่าผมนี่ขอโทษคำแรกเลยนะ คือ
ผมชน > ผมขอโทษ > เขาสบถว่า "อะไรวะ" > ผมสวนว่า "ก็เดินชนไงไม่ตั้งใจ" > เขาเดินไปล้างมือ
แต่เขาบอกว่า ไม่ใช่ ลำดับเหตุการณ์คือ
ผมชน > ผมไม่ขอโทษเขาจึงสบถว่า "อะไรวะ" > ผมสวนว่า "ก็เดินชนไงไม่ตั้งใจ" > ผมขอโทษ
ผมบอกเขาว่า เห้ย ใจเย็นเหอะ คือ ถ้าหงุดหงิดก็วางละเดี๋ยวผมทำต่อเอง แต่ให้พี่คิดดูดีๆว่า
ลำดับเหตุการณ์ของพี่มันไม่สมเหตุสมผลนะ ถ้าผม
พี่ผมก็ไม่ฟังไรทั้งนั้น เขาเชื่อในสิ่งที่สมองเขาสั่งให้เชื่อแค่นั้น ผมไม่รู้จะอธิบายไง เราก็เริ่มจะโวยวายขึ้นเสียงกันละ
ผมอายเพื่อนบ้านก็เดินหนีออกมา บอกเขาจะเชื่อไรก็แล้วแต่ แต่คิดแบบนี้แม่มดูถูกจิตใจผมมาก
ต่อมาแม่กลับมาบ้าน เห็นข้าวของโดนย้ายที่ ก็รีบถามว่า มีหมวกกันน็อกของพี่ที่เคยใส่สมัยเรียนน่ะผมย้ายไปไหน
ผมบอกจัดเฟอร์นิเจอร์ใหม่ ย้ายข้าวของใหม่ อะไรไม่ใช้ ผมก็เอาไปเก็บห้องเก็บของน่ะสิ
แม่ผมก็ด่า บอกหมวกอันนั้นสำคัญกับพี่มาก มีเพื่อนพี่เซนต์ชื่อไว้รอบๆหมวก
ผมก็โอ๊ยยย สำคัญต่อจิตใจมาก นอนแช่ฝุ่นอยู่ข้างประตุบ้านมา 2 ปีแล่ว พอผมขยับปุ๊บนี่เกิดมีคุณค่าขึ้นมาทันที
ผมยอมรับนะว่าผมโมโห ผมรู้สึกว่า แม่ปกป้องพี่ชายจังเลยอะ
แม่ไม่ได้สังเกตไม่ได้ชื่นชมเลย กลายเป็นกลับบ้านมาถึง ดิ่งมาด่าผมเลยว่า ย้ายของของพี่ไปไว้ไหน
คือผมอยากบอกแม่มากว่า พี่ผมเขายังไม่สนใจเลยมั้ง ถ้าทิ้งไป เขาก็คงลืมมันไปเลยด้วยซ้ำ
ผมบอกแม่ว่า ข้าวของมันเต็มบ้านแล้ว มีแต่คนจะเก็บ พอผมทิ้งก็ด่าผมเนี่ยะ
ถ้าจะเก็บหมวกเก็บข้าวของที่ระทึกของพี่ ก็เอาอย่างอื่นทิ้งแทนไปมั่ง
แม่ผมด่าผมขึ้นเมิงกูว่า ผมบังคับแม่ ผมสั่งแม่ "เมิงใหญ่โตนักใช่มั้ย มาสั่งกรู"
ผมนี่แทบจะร้องไห้เลยครับ จริงๆ ทำไรมาเหนื่อยๆหลายสิ่งอย่าง พยายามจัดเก็บบ้านเพราะที่ผ่านมาแม่ก็ทำตลอด
นี่คือ โดนด่าเพราะเอาหมวกกันน็อคตั้งแต่สมัยเรียนของพี่ไปไว้ห้องเก็บของ (พี่ผมจะสี่สิบแล้วนะ)
พอผมพูดงี้ ก็โดนด่าว่า ไปบังคับแม่ ผมบอกแม่ ไม่ได้บังคับนะ แต่มันไม่มีที่แล้ว ผมก็อยากให้บ้านกว้างๆว่างๆ
ไม่ใช่นั่นก็ไม่ทิ้งนี่ก็ไม่ทิ้ง แถมห้ามเก็บในตู้เก็บของด้วย งี้บ้านเรากว้างเท่าไรก็ไม่พอเก็บของหรอก
แม่ผมบอก ผมพูดจาออกคำสั่งกับแม่ อธิบายไงแม่ก็ไม่ฟัง บอกสั่งชัดๆ
อะไรคือมีปัญหากับคนในบ้านสองคน ในวันเดียวกัน แถมเป็นเรื่องแนวๆเดียวกัน
ตอนแรกๆเราเถียงสุดใจขาดดิ้น เพราะผมก็มั่นใจว่าผมไม่ได้ละเมอขอโทษเหมือนกันอะ และไม่ได้ใช้คำพูดที่เหมือนสั่งเลย (อย่างน้อยผมก็คิดว่าผมเปล่าอะ)
แต่ตอนนี้เจอเข้าไปสองคนในวันเดียว คนนึงผมขอโทษแล้วแต่แรก แต่เขาบอกเราไม่ได้พูด
อีกคนผมบอกว่า ถ้าจะเก็บของอันนี้ก็ทิ้งอันอื่นไปบ้าง ไม่งั้นมันเต็มบ้าน กลายเป็นโดนบอกว่า บังคับ ออกคำสั่งกับแม่
และทั้งสองคน ไม่ว่าเราจะแย้ง จะอธิบายยังไงก็ตาม เขาก็ไม่ฟัง
จนบางทีเราเริ่มเหนื่อยใจผมชักสงสัยว่า หรือผมเองที่ประสาทแดรก
ไม่พูดแต่มโนว่าพูด พูดแต่มโนว่าไม่พูด ผมเลอะเทอะเองหรือเปล่า
ถึงกับไปถามเพื่อนเลยนะว่า ผมเคยพูดไม่รู้เรื่องหรือเหตุการณือย่างนึง เอาไปเล่าเป็นอีกอย่างมั้ย ผมมีปัญหาการตีความคำพูดคนผิดมั้ย
ผมมาตรฐานการใช้คำพูดถ่อย/สุภาพ ไม่เท่าชาวบ้านเหรอ ทำไมพูดอะไรออกไปละคนในบ้านมองเราแง่ลบขนาดนี้
แต่เพื่อนผมก็บอกว่า ผมน่ะปกติดีแต่คนที่บ้านต่างหากที่....
ผมไม่รู้ต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไร ที่บ้านไม่เป็นบ้าน พูดอย่างกลายเป็นแปลความไปอีกอย่าง
ปล. บัตรผ่านนี้เป้นบัตรผ่านที่ผมสมัครไว้ใช้เพื่อระบายความทุกข์ใจโดยเฉพาะ
ถ้าอีกหน่อยกดดูประวัติการตั้งกระทู้มีแต่เรื่องทุกข์ๆก็ไม่ต้องคิดว่า ผมช่างมีแต่ความทุกข์ในชีวิตนะครับ
ผมยังมีสังคม มีชีวิตอีกหลายๆด้าน ทั้งสุขและทุกข์
เพียงแต่อันนี้เอาเป็นบัตรผ่านที่ผมมีไว้ใช้คุยเรื่องเศร้าๆเท่านั้น