ความเชื่อที่มีผลกับตัวเรา เคล็ดลับง่ายๆ ในการเปลี่ยนความเชื่อแล้วชีวิตดี

ความเชื่อของคนเรามีผลกับชีวิตเราจริงๆ ถ้าเราเชื่อในสิ่งไหนสิ่งใดเราก็ง่ายต่อการรับรู้รับฟังโดยไม่ต้องมีเหตุผลอะไรมากให้สงสัยว่า
"เอ๊ะ มันจริงหรือป่าว?" ผมถึงบอกว่าความเชื่อมีผลกระทบของชีวิตและจิตใจของเรามากๆ
แล้วเราเปลี่ยนความเชื่อได้ไหมหละ?
ผมว่าได้นะ (และอีกหลายคนก็คงคิดเหมือนผม ส่วนตัวผมเองแต่ก่อนก็เคยเชื่อสิ่งที่มันไม่ประเทืองปัญญาเชื่อแบบไม่ลืมหูลืมตา แต่หลังจากเปลี่ยนความเชื่อใหม่ชีวิตดีขึ้นเห็นๆ) เยี่ยม

ผมขอยกตัวอย่างความเชื่อต่างๆ ที่ใกล้ๆ ตัวเรา เล่าสู่กันฟังนะครับอาจจะยกตัวอย่างผิดบ้างถูกบ้างขออภัยด้วยครับ


1. เชื่อว่าผีมีจริง (สำหรับคนที่กลัวผี)
จริงๆ แล้วเรื่องพวกนี้ มันจะฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกเราเลยไอความกลัวผีเนี่ย เราเจอมาตั้งแต่เด็กแล้วครับ ดูหนังผีบ้าง โดนผู้ใหญ่หลอกผีบ้าง โดนแกล้งบ้าง บลาๆ ความกลัวมันจะสะสมไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่รู้ตัว พอเราเชื่อปุ๊บสมองมโนครับเดี๋ยว เจอแวปบ้าง เสียวหลังบ้าง พออยู่กับความมืดปุ๊บต้องเดินเร่งความเร็วบ้าง บางคนกลัวโดนปล้น น่ากลัวกว่าผีอีก 555
     โดยส่วนตัวผมตอน สมัยเด็กๆ กลัวผีมากๆ กลัวจนไม่กล้านอนคนเดียวเลย ต้องเปิดไฟนอนบ้าง บางทีก็รู้สึกแย่ว่าทำไมเราอยู่คนเดียวไม่ได้ หลังจากโตมาผมคิดว่าเรื่องนี้มันไม่จำเป็นต่อชีวิตผม ไม่จำเป็นแล้วยังมาทำให้เรากลัวอีก ผมเลยบอกกับตัวเองว่า เลิกกลัวเหอะแต่มันก็ไม่ได้หายกลัวทันทีหรอกครับผมก็พยายามหาเพื่อนที่ไม่เชื่อเรื่องพวกนี้พูดคุยหาหลักฐานดีๆ และอีกอย่างตอนเรียนมัธยมดันมาเรียนพุทธศาสนาตกเพราะเป็นคนที่ไม่ชอบมาอ่านมาจำ ด้วยความอยากเปลี่ยนความเชื่อไม่อยากกลัวผีอีกแล้วต้องจำใจอ่านและเข้าใจทีละอย่าง ว่าจริงๆ แล้ว สิ่ง คำสอนพุทธศาสนาไม่เคยเอ่ยถึงเรื่อง ของ ผี ปีศาจ อย่างที่ ชาวเขมรเขานับถือกัน  พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของหนังและละครจนเราแยกไม่ออกว่าระหว่างความเป็นจริงกับละครแตกต่างกันอย่างไร
  

2. ความเชื่อเรื่องรอยสัก (สำหรับคนที่มองรอยสักในแง่มุมลบๆ)
    ถ้าพูดถึงรอยสักใครหลายๆ คนคงจะนึกถึงขี้คุก ขี้ยา คนเกเร เพราะการสักแบบนั้นมันเป็นภาพลักษณ์ที่ดูไม่ดีซักเท่าไหร่ ผมก็มองว่ามันไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ แต่มันติดแค่ผิวกายครับ คนมันจะกลับใจเป็นคนดีทำประโยชน์เมื่อไหร่ก็ได้ คนมันจะงามงามที่ใจอยู่และหนิใช่มะ?
ส่วนสมัยปัจจุบัน มีศิลปะการสักจากหลายมุมโลก และตอนนี้เทคโนโลยีการสักและจินตนาการและฝีมือของช่างสักช่างออกแบบไปไกลมาก ทำให้ประเทศเรามีคนหันมาทำอาชีพนี้กันมากขึ้นโดยเฉพาะคนยุคใหม่ สร้างสรรค์ผลงานอันยอดเยี่ยมออกมาให้ชมกันหลายต่อหลาย ถ้ามองว่ามันคือศิลปะ ไม่เชื่อแบบลบๆ มันจะเป็นเรื่องที่ดีต่อชีวิตมากเลยนะ แบบวันๆ นึงไม่ต้องมีเรื่องให้มารำคาญตา เรื่องต้องมานินทาคนสัก บลาๆ ไม่เหนื่อยกันบ้างหรอ เอ้อออออออ


3. การเชื่อว่ารักแท้ไม่มีจริง (สำหรับคนที่ท้อแท้ในความรัก)
    ประเด็นนี้ดิโครตสำคัญ  พอเราไม่เชื่อสิ่งๆ นี้ปุ๊บสมองเราจะบันทึกไว้ว่าเราไม่ควรรักใครจริงจังเพราะว่ารักแท้ไม่มีจริง  แต่คนที่เชื่อว่าเราแท้มีจริงเนี่ยเค้าไม่ได้อ่านนิยายอะไรหรอกนะ แค่เห็นความสำคัญกับสิ่งนี้ ที่สำคัญก่อนเราจะรักใครได้เราต้องรักตัวเองเห็นค่าตัวเองเสียก่อนไม่ใช่เป็นคนที่ขาดความอบอุ่นมานาน ขาดความดูแลเอาใจใส่มานาน พอมีคนดีๆ เข้ามาปุ๊บเราก็เหมือนผลักคนดีๆ ออกไป พอได้คบได้คุยรีบอยากจะได้รับความรู้สึกนั้นๆ มากผิดปกติ อยากให้เอาใจ จับผิดเพราะกลัวจะเจอเหมือนรักครั้งที่แล้ว อยากให้เทคแคร์ดูแล อยากเป็นเจ้าของสุดโต่ง อยากให้เดินจับมือ อยากให้โทรปลุก อยากให้ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด อยากให้มารับมาส่ง ซึ่งอยากที่บอกมันไม่ธรรมชาติเลยมันรีบไปเพราะว่าอยากเติมเต็มส่วนที่ขาด
     อยากมีรักที่ดีนะครับ เราควรรักตัวเอง เชื่อตัวเอง มีความสุขกับตัวเอง ศรัทธาตัวเองเสียก่อน เมื่อมีใครเข้ามามันจะสปาร์คไปเองหมดเลยโดยที่ไม่ต้องมานั่งกังวลว่า "คนนี้จะมาหลอกแล้วทิ้งเราอีกรึป่าว คนคนนี้คุยเยอะรึป่าว เราจะโดนทิ้งเหมือนครั้งที่แล้วรึป่าว?"
     ถ้าเปลี่ยนความเชื่อเมื่อไหร่นะครับ ชีวิตคุณเปลี่ยนทันที  
ผมมีประสบการณ์มาแล้วชีวิตเปลี่ยนจริงๆ ครับ


4. ความเชื่อ ระหว่าง คนจน-คนรวย
     เราถูกละครไม่ก็นิยายอะไรต่างๆ ปลูกฝังมาแต่เด็กว่า คนจนดี คนเลวรวย ซึ่งในละคร ตัวเอกหลักๆ จะเป็นคนจนที่ดูเท่มีคุณธรรม คนรวยสกปรก เลว สิ่งเหล่านี้เราก็เชื่อโดยแบบที่ไม่ต้องมาถามใครเลย เชื่อโดยอัตโนมัติ
     ผมเชื่อว่าคนส่วนใหญ่พอพูดถึงคนรวย "เป็นคนรวย รวยได้ไง คอรับชั่นแน่เลย โกงแน่ ขายยาแน่ โลภมากแน่ คนรวยเห็นแก่ตัว" เห้ยคนรวยพวกนั้นมันไม่ดีก็ไม่ต้องไปมองเค้ามากก็ได้ครับเดี๋ยวก็โดนกฎหมายจัดการ รวยแล้วเป็นคนดีก็มีมั้ง รวยแล้วคืนสังคมมีเยอะแยะไป  คนจนส่วนใหญ่ไม่อนุญาติให้ตัวเองรวย เพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวทุกอย่าง ผมว่าคนรวยที่แท้จริงต้องรวยปัญญาด้วยนะ ไม่ใช่รวยมาจากมรดกพ่อแม่แล้วทำตัวโก้ๆ ไปงั้นๆ
ตัวอย่าง (ถ้าเอาพวกที่มีมรดกจากพ่อแม่มากับพวกที่ไต่เต้าตัวเองมาจนรวย มาอย่างละคน มีเงิน 10,000 บาทเท่ากันไปลงทุนทำอะไรก็ได้ คุณว่าคนแบบไหนจะรวยก่อนกัน) ก็ต้องคนไต่เต้าตัวเองอยู่แล้วถูกมะ?
     เป็นคนรวยและดีมีเยอะแยะไป เราก็เป็นได้เราก็รวยได้

5. ความเชื่อมันในตัวเอง (สำหรับคนอยากพัฒนาตนเอง)
   ข้อนี้สำคัญมากๆ การที่เราไม่เชื่อตัวเองเนี่ยเป็นเรื่องที่หนักใจ สำหรับคนที่ชอบพูดว่า "มันยากหวะเราทำไม่ได้หรอก" ยังไม่ทันตัดสินใจทำเลยตัดแข่งตัดขาตัวเองละ,''ยังไงเราก็สู้เขาไม่ได้เขาเก่งกว่า'',โดนคนอื่นตำหนิว่าโง่บ้าง ไม่เก่งบ้าง ไม่ดีบ้างก็จะรู้สึกตัวเองโง่ไม่ดีแบบที่เขาพูดขึ้นมาทันที
เมื่อเรารู้สึกชอบตัวเองเมื่อไหร่ เคารพตัวเองเมื่อไหร่นะ เราจะเห็นแต่สิ่งดีๆ โอกาสดีๆ เข้ามาในชีวิตเราเอง เพราะเรารู้สึกดีกับตัวเอง คนที่เชื่อมันในตัวเองเขาจะเชื่อว่าสิ่งที่คนอื่นคิดและพูดไม่ได้การันตีในความเป็นตัวตนของเขา สิ่งที่เขารู้ดีมากที่สุดในตัวเขาคือตัวเขาเอง และเขาก็จะหาหลักฐานและเส้นทางของการประสบความสำเร็จไปเรื่อยๆ จนเขาหามันเจอ

  
*******สรุปเลยครับความในเรื่องของความเชื่อ ถ้าคุณอยากเปลี่ยนความเชื่อคุณจริงๆ มองถึงความเป็นจริงครับมันมีประโยชน์กับเราหรือไม่? มีผลกับชีวิตของเรามากน้อยเพียงใด? ถ้าเราเปลี่ยนความเชื่อไปในทางที่ดีได้ ชีวิตเราจะค่อยๆ ดีทีละด้านครับ ค่อยๆ เปลี่ยนความเชื่อไปทีละเรื่อง ชีวิตจะค่อยๆ เห็นสิ่งที่ดีสิ่งที่เป็นผลดีกับชีวิตครับ

ปล.ผมหวังว่าบทความที่ผมเขียนครั้งแรกและครั้งนี้มีมีประโยชน์กับผู้ผ่านมากถึงมากที่สุดนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่