---เนื่องด้วย เมื่อวานได้อ่านกระทู้น่าสลดใจขายชายคนหนึ่ง .จับเมียมีชู้ด้วยไอคลาว. ด้วยความอีโก้ ก็เข้าข้าง จขก.ครับ ก็อย่างว่า ผู้ชายเหมือนกันเลยเข้าข้างกันมั้ง วันนี้เลยอยากเล่าเรื่องตัวเองบ้าง ขำๆ ยาวๆ ใครอยากคิดว่าเป็นนิยายเรื่องแต่ง ก็ดีครับ จะได้ไม่ต้องตามหาที่มา
---เริ่มด้วย ผมมีแฟนคนนึง คบกันมา 6ปี มีความสุขตามอัตภาพ คบกันตั้งแต่อยู่ ม.5 เรียนจบปริญญามาด้วยกัน ทำงานพร้อมๆกันแต่คนละที่ เช่าบ้านอยู่ด้วยกันตั่งแต่เรียนมหาลัย ชีวิตปรกติสุขดี ไม่ค่อยมีปัญหา ไม่ว่าเรื่องงาน เงิน หรือเรื่องบนเตียง ผมไปรับ ไปส่งแฟนที่ทำงานทุกวัน ไม่หวั่นแม้วันอากาศหนาว ร้อน หรือฝนตก ระยะหลังๆต่างคนต่างก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เริ่มเข้างาน-เลิกงานไม่ตรงกัน แต่เราก็กลับมาบ้านไม่เคยไปค้างที่ไหน ใครกลับมาก่อนก็จะโทรหาเพื่อรอทานข้าวพร้อมกัน หากใครติดงานก็จะทานข้าวก่อนไม่ต้องรอ เป็นอย่างนี้มาร่วมปี
---หลังๆ แฟนผมเริ่มกลับบ้านดึกขึ้น บอกว่าที่ทำงาน เช็คสต๊อกมั่ง งานเลี้ยงมั่ง ตัวผมเลิกงานก็ดิ่งเข้าบ้าน ไม่ค่อยไปสังสรรค์กับเพื่อนเท่าไหร่นัก คือไม่ชอบทานเหล้า มันทำให้ปวดหัวตอนเช้า แฮ้งค์ไปทั้งวัน แต่บางทีแฟนกลับมาก็มีกลิ่นเหล้าบ้าง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เป็นห่วงว่า จะเป็นอันตรายตอนเดินทาง หน้าที่การงานผมเริ่มอยู่ตัวมากขึ้นได้ย้ายแผนกไปอยู่ office ทำให้เวลาเข้า-ออกงาน ตรงเวลา เข้า9.00 ออก 18.00 ทุกวัน เลิกงานก็กลับบ้านมานั่งรอแฟน ดูหนัง อ่านหนังสือเรื่อยเปื่อย
---มีวันหนึ่ง นึกครึ้ม อยากไปรับแฟนทำเซอไพรส์ เลยไปแอบรอหน้าที่ทำงานของแฟน ตั้งแต่ 6โมงครึ่ง คือปรกติแฟนเลิกงานประมาณ 3ทุ่ม ไปนั่งรอร้านกาแฟตรงข้ามเยื้องๆกับที่ทำงานแฟน ประมาณ1ทุ่ม เห็นพนักงานเดินออกมาหลายคน เราก็คิดว่าแผนกอื่นคงเลิกงานก่อนแผนกที่แฟนทำ มองๆไปสะดุด เห็นแฟนเราเดินออกมากับผู้ชายคนนึง ด้วยความโง่ส่วนบุคคล ก็คิดว่าเพื่อนที่ทำงาน หรือเจ้านาย กำลังจะเดินไปหาแฟน ต้องสะดุดอีกทีเมื่อเห็นว่า ทั้งคู่โอบกัน ไม่เชิงโอบ แต่แฟนเรากอดแขนผู้ชายคนนั้น วินาทีตอนนั้นยืนตัวชา พยายามคิดในแง่ดีสารพัด หยอกกันมั้ง เล่นกันมั้ง ระยะที่มองประมาณถนน 2 เลน แต่เชื่อไม๊ภาพมันชัดมาก มากจนเห็นที่ห้อยกระเป๋าของแฟน ลิงกิ๊บลิ้ง แกว่งไกว โบกสะบัดทีเดียว
---ยืนสตั้นไป ไม่รู้นานแค่ไหน จนเค้าทั้งคู่เดินเลาะจนถึงที่จอดรถข้างที่ทำงาน ทั้งคู่ก็เข้าไปในรถแฟนแล้วขับออกไป โดยผู้ชายคนนั้นเป็นคนขับ ซึ่งตอนนั้นผมซื้อรถยนต์ให้แฟนขับปทำงานจะได้สะดวก ส่วนผมขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน พอผมได้สติ รีบสวมหมวก รีบขี่รถตาม อารมณ์ตอนนั้น ไม่ได้เศร้า ไม่ได้โกรธ แต่ตกใจมากกว่า ขี่ตามไปเรื่อยๆ ติดไฟแดงผมก็แอบอยู่ข้างหลังรถที่ตามๆมา ระยะทางที่ตามตอนนั้นไม่ไกลมาก ระยะทางแค่แถวแยกงามวงศ์วาน ถึงสนามบินน้ำ แต่ผมกลับคิดว่าใกลเหลือเกิน อากาศร้อนอบอ้าวตอน1ทุ่ม ผมกลับหนาวสะท้าน ตัวสั่นบอกไม่ถูก และแล้วรถยนต์ก็เลี้ยวเข้าไปในตึกหลังหนึง ดูคล้ายๆหอพัก มากกว่าคอนโด ผมจอดมอเตอร์ไซด์ ห่างจากทางเข้า พอสมควร เดินดุ่มๆผ่านหน้าตึก และก็ตัดสินใจ โทรหาแฟน ตอนแรกเธอทำท่าจะไม่รับ แต่ก็รับสายจนได้ ผมก็ทำน้ำเสียงปรกติ ถามว่า "ทำไร กินข้าวยัง" เธอตอบว่า "ไม่ว่างคุย ทำงานยุ่งๆอยู่" ผมเลยถาม "วันนี้ต้องรอกินข้าวไม๊" เธอว่า "ติดงาน กินก่อนเลย OKๆ แค่นี้ก่อน ทำงาน" วางสาย อารณ์จากตกใจ เป็นโกรธครับ โกรธกัดฟันแน่นเลย อยากลุยเข้าไปถาม ทำงานไรกัน แต่ผมไม่อยากรู้คำตอบนะสิ
---กลับบ้าน ไปซื้อเหล้า เหล้าอย่างเดียว ไม่มีแก้ว น้ำแข็ง โซดาให้วุ่นวาย และก็ยัดใส่ปากตัวเองซะ ไม่นาน จากอารมณ์โกรธ กลายเป็นเศร้าซะงั้น เศร้ามากก็ไม่ได้ เดี๋ยวข้างบ้านว่าเอา เอาเสื้อมากัดแล้วร้องไห้ และก็หลับหรือสลบไปไม่รู้ ก็เล่นยัดเพรียวๆซะงั้น กระดกจากขวดยังกะกินนมเปรี้ยว
---รู้สึกตัวอีกทีตอนตี 4 ปวดหัวลุกขึ้นมาอาเจียร เห็นว่าผมนอนอยู่ข้างๆเตียง มีผ้าห่มกับหมอน แฟนผมนอนบนเตียง ตอนนั้นไม่มีอารมณ์ไรเลย ปวดหัว อาเจียรอย่างเดียว และก็หลับไป ตื่นมาเที่ยงวัน แฟนไม่อยู่ ไปทำงานแล้ว ผมโทรไปลาป่วยที่ทำงาน นั่งเหม่ออยู่เกือบเย็น เหม่อไป อาเจียรไป ตอนนั้นคิดไรไม่ออก ปวดหัวด้วย รู้สึกตัวอีกที เก็บของ เสื้อผ้า แล้วไปโบกแท๊กซี่ ย้ายออก ทุบโทรศัพท์ทิ้ง ไม่ลืมหักซิมการ์ด ย้ายออกไปอยู่บ้านแม่ ตอนแรกแม่ก็ตกใจนะ แต่แม่ไม่ถามผมสักคำ
---5ทุ่ม แฟนโทรมาหาแม่ บอกผมไปไหนไม่รู้ ขอสายผม ผมรับโทรศัพท์จากแม่แล้วกดวาง จากนั้นเธอก็โทรมาอีกหลายสาย ผมก็กดวางสาย จนกดปิดเสียง เที่ยงคืนกว่า แฟนผมขับรถมาที่บ้านแม่ บอก"มีไรทำไมไม่คุยกันเป็นอะไร" ผมก็อถิบายทั้งหมด เธอก็ร้องไห้ ผมก็ร้องไห้ เธอบอกว่าจะคืนรถ ให้ผมไปส่งที่บ้านเช่า ผมก็ขับไปส่ง ตลอดทางไม่คุยไรกัน ร้องไห้กันทั้งคู่ และก็ขาดการติดต่อกัน คร่าวๆ ผมรู้ว่าเธอย้ายออกจากบ้านเช่าของเรา ไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น ส่วนตัวผม ก็วุ่นกับการไปกรรมฐานที่สิงค์บุรี วันศุกร์เลิกงานก็ขับรถไปวัด นอนวัด1คืนกรรมฐานวันเสาร์-วันจันทร์ออกจากวัดตี 5 กลับมาทำงาน เป็นงี้ประมาณ 6 เดือน บางอาทิตย์แม่ว่าง ก็ไปพร้อมกัน แม่-ลูก
---วันหนึ่ง มี massage เข้ามือถือใหม่ เบอร์ใหม่ผม ว่า "เรากลับมาคบกันได้ไม๊" คุณเดาสิ ไอ้โง่คนนี้ทำอย่างไร
---ถูกต้องนะคราบบบ โทรกลับไปแล้วขอเธอเป็นแฟน---
---แฟนผมไม่ใช่คนสวย ไม่ได้หุ่นดี ตอนเลิกกันมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตหลายคน บางคนเราไม่เคยมอง แต่พอมองๆก็น่ารักดี แต่ใจมันชาๆ ไม่ไช่ไม่อยากคบใคร อยากคบนะ อยากมีแฟนใหม่ แต่เหมือนมีกำแพงในหัวใจไรบางอย่างกั้นตัวเองไว้ จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผ่านไป 6ปี แต่งงานกันมา 4ปี มีลูก1คน ผมยังไม่เคยถามเธอสักคำเลยว่า "ทำไม" เธอพยายามจะบอกหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ห้ามเธอทุกครั้ง ไม่ใช่ผมรู้แล้วหรือไม่อยากรู้ ที่จริงในใจอยากถามว่า "ทำไมๆๆๆๆ" แต่ผมจำครั้งแรกที่ผมย้ายมาบ้านแม่ได้แม่นยำ แม่ไม่เคยถามว่า "ทำไม" ซึ่งนั่นทำให้ผมสามารถอยู่บ้านแม่ได้โดยไม่รู้สึกกดดันอะไร ผมเลยไม่เคยถามแฟนผมสักคำ
---จบ เรื่องของ "ไอ้โง่" ขอบคุณครับ ยาวไปยังกะนิยาย แต่เชื่อมะ ชีวิตจริงน่ะยิ่งกว่านิยาย
***เรื่องของ ไอ้โง่***
---เริ่มด้วย ผมมีแฟนคนนึง คบกันมา 6ปี มีความสุขตามอัตภาพ คบกันตั้งแต่อยู่ ม.5 เรียนจบปริญญามาด้วยกัน ทำงานพร้อมๆกันแต่คนละที่ เช่าบ้านอยู่ด้วยกันตั่งแต่เรียนมหาลัย ชีวิตปรกติสุขดี ไม่ค่อยมีปัญหา ไม่ว่าเรื่องงาน เงิน หรือเรื่องบนเตียง ผมไปรับ ไปส่งแฟนที่ทำงานทุกวัน ไม่หวั่นแม้วันอากาศหนาว ร้อน หรือฝนตก ระยะหลังๆต่างคนต่างก้าวหน้าในหน้าที่การงาน เริ่มเข้างาน-เลิกงานไม่ตรงกัน แต่เราก็กลับมาบ้านไม่เคยไปค้างที่ไหน ใครกลับมาก่อนก็จะโทรหาเพื่อรอทานข้าวพร้อมกัน หากใครติดงานก็จะทานข้าวก่อนไม่ต้องรอ เป็นอย่างนี้มาร่วมปี
---หลังๆ แฟนผมเริ่มกลับบ้านดึกขึ้น บอกว่าที่ทำงาน เช็คสต๊อกมั่ง งานเลี้ยงมั่ง ตัวผมเลิกงานก็ดิ่งเข้าบ้าน ไม่ค่อยไปสังสรรค์กับเพื่อนเท่าไหร่นัก คือไม่ชอบทานเหล้า มันทำให้ปวดหัวตอนเช้า แฮ้งค์ไปทั้งวัน แต่บางทีแฟนกลับมาก็มีกลิ่นเหล้าบ้าง ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่เป็นห่วงว่า จะเป็นอันตรายตอนเดินทาง หน้าที่การงานผมเริ่มอยู่ตัวมากขึ้นได้ย้ายแผนกไปอยู่ office ทำให้เวลาเข้า-ออกงาน ตรงเวลา เข้า9.00 ออก 18.00 ทุกวัน เลิกงานก็กลับบ้านมานั่งรอแฟน ดูหนัง อ่านหนังสือเรื่อยเปื่อย
---มีวันหนึ่ง นึกครึ้ม อยากไปรับแฟนทำเซอไพรส์ เลยไปแอบรอหน้าที่ทำงานของแฟน ตั้งแต่ 6โมงครึ่ง คือปรกติแฟนเลิกงานประมาณ 3ทุ่ม ไปนั่งรอร้านกาแฟตรงข้ามเยื้องๆกับที่ทำงานแฟน ประมาณ1ทุ่ม เห็นพนักงานเดินออกมาหลายคน เราก็คิดว่าแผนกอื่นคงเลิกงานก่อนแผนกที่แฟนทำ มองๆไปสะดุด เห็นแฟนเราเดินออกมากับผู้ชายคนนึง ด้วยความโง่ส่วนบุคคล ก็คิดว่าเพื่อนที่ทำงาน หรือเจ้านาย กำลังจะเดินไปหาแฟน ต้องสะดุดอีกทีเมื่อเห็นว่า ทั้งคู่โอบกัน ไม่เชิงโอบ แต่แฟนเรากอดแขนผู้ชายคนนั้น วินาทีตอนนั้นยืนตัวชา พยายามคิดในแง่ดีสารพัด หยอกกันมั้ง เล่นกันมั้ง ระยะที่มองประมาณถนน 2 เลน แต่เชื่อไม๊ภาพมันชัดมาก มากจนเห็นที่ห้อยกระเป๋าของแฟน ลิงกิ๊บลิ้ง แกว่งไกว โบกสะบัดทีเดียว
---ยืนสตั้นไป ไม่รู้นานแค่ไหน จนเค้าทั้งคู่เดินเลาะจนถึงที่จอดรถข้างที่ทำงาน ทั้งคู่ก็เข้าไปในรถแฟนแล้วขับออกไป โดยผู้ชายคนนั้นเป็นคนขับ ซึ่งตอนนั้นผมซื้อรถยนต์ให้แฟนขับปทำงานจะได้สะดวก ส่วนผมขี่มอเตอร์ไซด์ไปทำงาน พอผมได้สติ รีบสวมหมวก รีบขี่รถตาม อารมณ์ตอนนั้น ไม่ได้เศร้า ไม่ได้โกรธ แต่ตกใจมากกว่า ขี่ตามไปเรื่อยๆ ติดไฟแดงผมก็แอบอยู่ข้างหลังรถที่ตามๆมา ระยะทางที่ตามตอนนั้นไม่ไกลมาก ระยะทางแค่แถวแยกงามวงศ์วาน ถึงสนามบินน้ำ แต่ผมกลับคิดว่าใกลเหลือเกิน อากาศร้อนอบอ้าวตอน1ทุ่ม ผมกลับหนาวสะท้าน ตัวสั่นบอกไม่ถูก และแล้วรถยนต์ก็เลี้ยวเข้าไปในตึกหลังหนึง ดูคล้ายๆหอพัก มากกว่าคอนโด ผมจอดมอเตอร์ไซด์ ห่างจากทางเข้า พอสมควร เดินดุ่มๆผ่านหน้าตึก และก็ตัดสินใจ โทรหาแฟน ตอนแรกเธอทำท่าจะไม่รับ แต่ก็รับสายจนได้ ผมก็ทำน้ำเสียงปรกติ ถามว่า "ทำไร กินข้าวยัง" เธอตอบว่า "ไม่ว่างคุย ทำงานยุ่งๆอยู่" ผมเลยถาม "วันนี้ต้องรอกินข้าวไม๊" เธอว่า "ติดงาน กินก่อนเลย OKๆ แค่นี้ก่อน ทำงาน" วางสาย อารณ์จากตกใจ เป็นโกรธครับ โกรธกัดฟันแน่นเลย อยากลุยเข้าไปถาม ทำงานไรกัน แต่ผมไม่อยากรู้คำตอบนะสิ
---กลับบ้าน ไปซื้อเหล้า เหล้าอย่างเดียว ไม่มีแก้ว น้ำแข็ง โซดาให้วุ่นวาย และก็ยัดใส่ปากตัวเองซะ ไม่นาน จากอารมณ์โกรธ กลายเป็นเศร้าซะงั้น เศร้ามากก็ไม่ได้ เดี๋ยวข้างบ้านว่าเอา เอาเสื้อมากัดแล้วร้องไห้ และก็หลับหรือสลบไปไม่รู้ ก็เล่นยัดเพรียวๆซะงั้น กระดกจากขวดยังกะกินนมเปรี้ยว
---รู้สึกตัวอีกทีตอนตี 4 ปวดหัวลุกขึ้นมาอาเจียร เห็นว่าผมนอนอยู่ข้างๆเตียง มีผ้าห่มกับหมอน แฟนผมนอนบนเตียง ตอนนั้นไม่มีอารมณ์ไรเลย ปวดหัว อาเจียรอย่างเดียว และก็หลับไป ตื่นมาเที่ยงวัน แฟนไม่อยู่ ไปทำงานแล้ว ผมโทรไปลาป่วยที่ทำงาน นั่งเหม่ออยู่เกือบเย็น เหม่อไป อาเจียรไป ตอนนั้นคิดไรไม่ออก ปวดหัวด้วย รู้สึกตัวอีกที เก็บของ เสื้อผ้า แล้วไปโบกแท๊กซี่ ย้ายออก ทุบโทรศัพท์ทิ้ง ไม่ลืมหักซิมการ์ด ย้ายออกไปอยู่บ้านแม่ ตอนแรกแม่ก็ตกใจนะ แต่แม่ไม่ถามผมสักคำ
---5ทุ่ม แฟนโทรมาหาแม่ บอกผมไปไหนไม่รู้ ขอสายผม ผมรับโทรศัพท์จากแม่แล้วกดวาง จากนั้นเธอก็โทรมาอีกหลายสาย ผมก็กดวางสาย จนกดปิดเสียง เที่ยงคืนกว่า แฟนผมขับรถมาที่บ้านแม่ บอก"มีไรทำไมไม่คุยกันเป็นอะไร" ผมก็อถิบายทั้งหมด เธอก็ร้องไห้ ผมก็ร้องไห้ เธอบอกว่าจะคืนรถ ให้ผมไปส่งที่บ้านเช่า ผมก็ขับไปส่ง ตลอดทางไม่คุยไรกัน ร้องไห้กันทั้งคู่ และก็ขาดการติดต่อกัน คร่าวๆ ผมรู้ว่าเธอย้ายออกจากบ้านเช่าของเรา ไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น ส่วนตัวผม ก็วุ่นกับการไปกรรมฐานที่สิงค์บุรี วันศุกร์เลิกงานก็ขับรถไปวัด นอนวัด1คืนกรรมฐานวันเสาร์-วันจันทร์ออกจากวัดตี 5 กลับมาทำงาน เป็นงี้ประมาณ 6 เดือน บางอาทิตย์แม่ว่าง ก็ไปพร้อมกัน แม่-ลูก
---วันหนึ่ง มี massage เข้ามือถือใหม่ เบอร์ใหม่ผม ว่า "เรากลับมาคบกันได้ไม๊" คุณเดาสิ ไอ้โง่คนนี้ทำอย่างไร
---ถูกต้องนะคราบบบ โทรกลับไปแล้วขอเธอเป็นแฟน---
---แฟนผมไม่ใช่คนสวย ไม่ได้หุ่นดี ตอนเลิกกันมีผู้หญิงเข้ามาในชีวิตหลายคน บางคนเราไม่เคยมอง แต่พอมองๆก็น่ารักดี แต่ใจมันชาๆ ไม่ไช่ไม่อยากคบใคร อยากคบนะ อยากมีแฟนใหม่ แต่เหมือนมีกำแพงในหัวใจไรบางอย่างกั้นตัวเองไว้ จากวันนั้น ถึงวันนี้ ผ่านไป 6ปี แต่งงานกันมา 4ปี มีลูก1คน ผมยังไม่เคยถามเธอสักคำเลยว่า "ทำไม" เธอพยายามจะบอกหลายต่อหลายครั้ง แต่ผมก็ห้ามเธอทุกครั้ง ไม่ใช่ผมรู้แล้วหรือไม่อยากรู้ ที่จริงในใจอยากถามว่า "ทำไมๆๆๆๆ" แต่ผมจำครั้งแรกที่ผมย้ายมาบ้านแม่ได้แม่นยำ แม่ไม่เคยถามว่า "ทำไม" ซึ่งนั่นทำให้ผมสามารถอยู่บ้านแม่ได้โดยไม่รู้สึกกดดันอะไร ผมเลยไม่เคยถามแฟนผมสักคำ
---จบ เรื่องของ "ไอ้โง่" ขอบคุณครับ ยาวไปยังกะนิยาย แต่เชื่อมะ ชีวิตจริงน่ะยิ่งกว่านิยาย