สวัสดีครับ อยากจะสนทนาเล่าเรืองราวนี้สักหน่อย ก่อนที่อนาคต เรื่องนี้ก็จะถูกลืมไปนะฮะ
เมื่อก่อน(นานมากกว่า 5 ปีละ) ผมได้ย้ายมาอยู่แถวเมเจอร์รัชโยธิน
ซึ่งใครที่อยู่ย่านนี้น่าจะทราบดี บริเวณหน้าเมเจอร์รัชโยธิน จะมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงลอยตลอดเส้นทาง ไปจนถึง ซอย พหลโยธิน35
แต่ปัจจุบันตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ ตามนโยบายของกรุงเทพฯ
ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไรหรอก แถมยังสนับสนุนด้วย
แต่เผอิญวันนี้ผมได้ไปหาข้าวกินที่ปากซอย รัชดาภิเษก 48
เห็นพ่อค้าขายผลไม้คนนึงท่าทางเงอะงะ ดูก็รู้ว่ามือใหม่
แถมยังหน้าคุ้นๆ ผมพอจะจำได้ว่าแกขายปลาเผา และของทอดอยู่หน้าปั้ม ซอยพหลฯ 35
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ซื้อของแกหรอก นานๆทีซื้อที แต่ทีจำได้เพราะแกชอบเปิดเพลงไป เผาปลาไปร้องเพลงไปด้วย
พูดง่ายๆเป็นพ่อค้าที่ยิ้ม อารมณ์ดี แลดูเป็นมิตรนั่นแหละ
แต่วันนี้แกมาขายผลไม้ ถ้าให้ผมเดาคงไม่น่ามาขายเกิน 3 วัน เพราะผมเข้าออกจากบ้านก็ซอยนี้ตลอด
หน้าแกก็ดูเหมือนพยายามยิ้มอยู่แหละ (พยายามนะ)
จู่ๆผมก็เลยอยากคุยกับแก จึงพาแฟนไปซื้อด้วยกัน
ผมก็ไม่รู้จะสั่งอะไรดี ก็ของโปรดเลยแล้วกัน มะม่วงมัน
พ่อค้าแกบอกมะม่วงมันหมดแล้วครับ ผมก็เลยเอาเป็นมะม่วงเปรี้ยวแทน แต่ผมก็ถามแล้วละว่าเปรี้ยวมั้ย แกบอกไม่เปรี้ยวเท่าไหร่ ผมก็ขอเอาลูกที่เปรี้ยวน้อยสุดแล้วกัน
พอสั่งออเดอร์เรียบร้อยผมก็ถามแกเลยว่าใช่พ่อค้าที่ขายปลาเผาอยู่หน้าปั้มหรือเปล่า
แกก็ยิ้มเจื่อนๆ ตอบว่าใช่
แฟนผม: แย่เลยเนอะ ไม่มีของขายเลย แถวนี้หาข้าวกินก็ยาก
พอแฟนผมพูดเท่านั้นแหละ เห็นสีหน้าเศร้าของพ่อค้าชัดเจนเลย
พ่อค้าแกก็เล่าว่า : เขาไม่ให้ขายแล้ว
แฟนผมเลยถามต่อว่า แล้วพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นเค้าไปขายที่ไหนกัน (สงสัยอยากจะรู้ว่าส้มตำเจ้าโปรดย้ายไปไหน ผมคิดในใจนะ ฮ่าๆ)
แกบอกแกไม่รู้ จะมีที่ให้เช่าใกล้ๆก็แพง เดือนละ 6,000 บาท แถมต้องจ่ายล่วงหน้าอีก 1 เดือน ไอเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไหวหรือเปล่า ก็เลยต้องหาอย่างอื่นทำ
ผมก็เลยถามว่างี้รัฐเค้าไม่มีนโยบายช่วยบ้างเลยหรอ
แกก็ไม่ได้ตอบ แกพูดเพียงแต่ว่า ก็ต้องช่วยตัวเองละครับ
และแล้วมะม่วงผมก็เสร็จ ผมกับแฟนก็บอกได้แค่ โชคดีนะ , สู้ๆ แค่นั้น
จริงๆก็คุยกับมากกว่านี้ ผมก็พิมพ์เท่าที่จำได้ ผมว่าแกน่ารักนะ ตลอดเวลาสนทนาแกไม่ได้ว่าใคร ด่าใครเลย ไม่ได้โกรธใคร ทำได้แค่เศร้า แกก็พยายามสู้ชีวิตต่อไป
ผมนึกสะท้อนใจถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าท่านอื่นที่ขายของมานาน ต้องถูกย้ายที่ทำมาหากินแบบนี้ คงจะรู้สึกเคว้งหน้าดู
ถึงแม้ว่าทาง กทม. จะให้เวลาแล้วก็เถอะ บางคนขายของมาตลอดชีวิต ขายอยู่ตรงนี้ที่เดียว เป็นเสมือนบ้าน ก็คงไม่รู้จะไปหาที่ไหน
ไม่ใช่แค่ พหลโยธิน 35 นะน่าจะรวมถึงที่อื่นๆด้วย
ผมก็หวังว่า ทาง กทม. น่าจะช่วยเหลือได้มากกว่านี้นะครับ
อ้อแล้วก็อยากบอกพ่อค้าว่า มะม่วงเปรี้ยวมากเลยฮะ
วันนี้ผมไปคุยกับพ่อค้าแผงลอยมาครับ
เมื่อก่อน(นานมากกว่า 5 ปีละ) ผมได้ย้ายมาอยู่แถวเมเจอร์รัชโยธิน
ซึ่งใครที่อยู่ย่านนี้น่าจะทราบดี บริเวณหน้าเมเจอร์รัชโยธิน จะมีพ่อค้าแม่ค้าตั้งแผงลอยตลอดเส้นทาง ไปจนถึง ซอย พหลโยธิน35
แต่ปัจจุบันตอนนี้ไม่มีแล้วนะครับ ตามนโยบายของกรุงเทพฯ
ผมก็ไม่ได้คัดค้านอะไรหรอก แถมยังสนับสนุนด้วย
แต่เผอิญวันนี้ผมได้ไปหาข้าวกินที่ปากซอย รัชดาภิเษก 48
เห็นพ่อค้าขายผลไม้คนนึงท่าทางเงอะงะ ดูก็รู้ว่ามือใหม่
แถมยังหน้าคุ้นๆ ผมพอจะจำได้ว่าแกขายปลาเผา และของทอดอยู่หน้าปั้ม ซอยพหลฯ 35
จริงๆแล้วผมก็ไม่ได้ซื้อของแกหรอก นานๆทีซื้อที แต่ทีจำได้เพราะแกชอบเปิดเพลงไป เผาปลาไปร้องเพลงไปด้วย
พูดง่ายๆเป็นพ่อค้าที่ยิ้ม อารมณ์ดี แลดูเป็นมิตรนั่นแหละ
แต่วันนี้แกมาขายผลไม้ ถ้าให้ผมเดาคงไม่น่ามาขายเกิน 3 วัน เพราะผมเข้าออกจากบ้านก็ซอยนี้ตลอด
หน้าแกก็ดูเหมือนพยายามยิ้มอยู่แหละ (พยายามนะ)
จู่ๆผมก็เลยอยากคุยกับแก จึงพาแฟนไปซื้อด้วยกัน
ผมก็ไม่รู้จะสั่งอะไรดี ก็ของโปรดเลยแล้วกัน มะม่วงมัน
พ่อค้าแกบอกมะม่วงมันหมดแล้วครับ ผมก็เลยเอาเป็นมะม่วงเปรี้ยวแทน แต่ผมก็ถามแล้วละว่าเปรี้ยวมั้ย แกบอกไม่เปรี้ยวเท่าไหร่ ผมก็ขอเอาลูกที่เปรี้ยวน้อยสุดแล้วกัน
พอสั่งออเดอร์เรียบร้อยผมก็ถามแกเลยว่าใช่พ่อค้าที่ขายปลาเผาอยู่หน้าปั้มหรือเปล่า
แกก็ยิ้มเจื่อนๆ ตอบว่าใช่
แฟนผม: แย่เลยเนอะ ไม่มีของขายเลย แถวนี้หาข้าวกินก็ยาก
พอแฟนผมพูดเท่านั้นแหละ เห็นสีหน้าเศร้าของพ่อค้าชัดเจนเลย
พ่อค้าแกก็เล่าว่า : เขาไม่ให้ขายแล้ว
แฟนผมเลยถามต่อว่า แล้วพ่อค้าแม่ค้าคนอื่นเค้าไปขายที่ไหนกัน (สงสัยอยากจะรู้ว่าส้มตำเจ้าโปรดย้ายไปไหน ผมคิดในใจนะ ฮ่าๆ)
แกบอกแกไม่รู้ จะมีที่ให้เช่าใกล้ๆก็แพง เดือนละ 6,000 บาท แถมต้องจ่ายล่วงหน้าอีก 1 เดือน ไอเราก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ไหวหรือเปล่า ก็เลยต้องหาอย่างอื่นทำ
ผมก็เลยถามว่างี้รัฐเค้าไม่มีนโยบายช่วยบ้างเลยหรอ
แกก็ไม่ได้ตอบ แกพูดเพียงแต่ว่า ก็ต้องช่วยตัวเองละครับ
และแล้วมะม่วงผมก็เสร็จ ผมกับแฟนก็บอกได้แค่ โชคดีนะ , สู้ๆ แค่นั้น
จริงๆก็คุยกับมากกว่านี้ ผมก็พิมพ์เท่าที่จำได้ ผมว่าแกน่ารักนะ ตลอดเวลาสนทนาแกไม่ได้ว่าใคร ด่าใครเลย ไม่ได้โกรธใคร ทำได้แค่เศร้า แกก็พยายามสู้ชีวิตต่อไป
ผมนึกสะท้อนใจถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าท่านอื่นที่ขายของมานาน ต้องถูกย้ายที่ทำมาหากินแบบนี้ คงจะรู้สึกเคว้งหน้าดู
ถึงแม้ว่าทาง กทม. จะให้เวลาแล้วก็เถอะ บางคนขายของมาตลอดชีวิต ขายอยู่ตรงนี้ที่เดียว เป็นเสมือนบ้าน ก็คงไม่รู้จะไปหาที่ไหน
ไม่ใช่แค่ พหลโยธิน 35 นะน่าจะรวมถึงที่อื่นๆด้วย
ผมก็หวังว่า ทาง กทม. น่าจะช่วยเหลือได้มากกว่านี้นะครับ
อ้อแล้วก็อยากบอกพ่อค้าว่า มะม่วงเปรี้ยวมากเลยฮะ