ประสบการณ์ 1 สัปดาห์บนท้องถนนจากรถยนต์สู่มอเตอร์ไซค์

กระทู้สนทนา
ผมเลิกขับมอเตอร์ไซค์ในชีวิตประจำวันตั้งแต่ยังโสดตอนปลายปี 2543 ด้วยเพราะผ่อนรถยนต์เก่าๆ มาขับได้แล้วหลังจากทำงานได้พักนึง ทำให้ประสบการณ์ “ลมโต้หน้า ท้าลมหนาว” มันหายไปและหายไปนานมาก นานจนเมื่อมีเหตุจำเป็นต้องมาขับอีกครั้งในปลายปี ๒๕๕๗ ตอนที่มีครอบครัวแล้ว เนื่องจากต้องส่งรถไปทำสีหลายวันเพราะถูกชนท้าย รู้สึกได้ว่าหลายอย่างได้เปลี่ยนไปอย่างมากแต่บางอย่างก็ยังคงเหมือนเดิม เรามาดูกัน

สิ่งที่เปลี่ยนไป
1. ถนนกว้างขึ้นกว่าเมื่อก่อนเดิมถนนเป็นทางราดยางสามช่องจราจร ไม่มีช่องคู่ขนานเป็นถนนคอนกรีตห้าหรือหกช่องจราจรแบ่งเป็นช่องทางด่วน ๓ ช่องและทางคู่ขนานสองหรือสามช่อง  แต่จิตใจคนขับคับแคบลงกว่าเดิม โดยเฉพาะรถที่มีขนาดใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์จะแคบมากขึ้นตามขนาดของรถ จะเข้าจะออกจากซอย จะจอดจะออกจากการจอดริมถนนไม่ได้ให้สัญญาณ หรือให้สัญญาณแต่ไม่ดูว่าปลอดภัยหรือไม่สำหรับเพื่อนร่วมทางก่อนจะเปลี่ยนช่องจราจร ไม่ค่อยได้สนใจว่ามอเตอร์ไซค์จะเบรกกันตัวโก่ง จะชน หรือจะกลิ้งโค่โล่หรือไม่ รถเมล์จะเข้าป้ายแต่อยู่เลนกลางหรือขวาจะวิ่งมาปาดหน้ารับส่งคนตรงป้ายให้ได้ หรือจอดรถบนฟุตบาทแต่ท้ายยื่นยาวมากกินเลนซ้ายไปครึ่งนึง ลุ้นได้ตลอดการเดินทาง

๒. ถนนกว้างขึ้นกว่าแต่ก่อน แต่ช่องจราจรซ้ายสุดมีสภาพแย่สุด เนื่องจากตอนที่เขาขยายถนนเขาไม่ได้ย้ายท่อระบายน้ำไปไว้ข้างถนนด้วย แต่ใช้วิธีสร้างฝาตระแกรงเหล็ก หรือฝาเหล็กปิดไว้แทนทีนี้พอใช้งานไปนานถนนมันเริ่มทรุดหรือแตกหักทำให้มีความสูงไม่พอดีขอบท่อระบายน้ำก่อตัวเป็นอุปสรรคในการขับหรือขี่ของยานพาหนะที่สัญจรไปมา อ้อ ยังมีอีกแบบครับคือมีการปะผุถนนทำให้ผิวถนนสูงขึ้นแต่ฝาท่อระบายน้ำไม่ได้สูงตามตรงนั้นก็จะเป็นหลุมให้ยานพาหนะตกเล่น เจอวันแรกเล่นเอาปวดเมื่อยไปพอควรเลยครับ

๓. รถวิ่งสวนเลนกันอย่างเป็นล่ำเป็นสันทั้งรถจักรยาน รถมอเตอร์ไซต์ รถเล็ก รถใหญ่ถึงรถใหญ่มากๆอย่างสิบล้อพ่วงก็วิ่งสวนเลนกันหน้าตาเฉย แถมไม่สนใจว่าเราจะขับมาถูกทางเขาหรือเธอไม่หลบครับให้เราเสี่ยงเปลี่ยนเลนหลบไปเลนกลางเองทั้งที่ควรจะหยุดหรือหลบให้ก่อนเพราะตนเอาเปรียบเขามามากแล้วจากการขับสวนเลน

สิ่งที่เหมือนเดิม
๑. ปริมาณฝุ่นบนถนนรวมถึงตามริมฟุตบาทก็ยังมีมาก ถึงแม้ว่าถนนจะเป็นคอนกรีตหรือราดยางไปหมดแล้วก็ตาม เวลารถใหญ่จำพวกรถเมล์หรือรถบรรทุกวิ่งผ่านหรือแซงเราไปแต่ละทีนอกจากต้องระวังไม่ให้รถล้มจากแรงลมแล้วยังต้องผจญกับพายุทรายที่ท่านเหล่านั้นหอบจากถนนขึ้นมาด้วย

๒. มอเตอร์ไซค์ส่วนใหญ่ยังมีสองล้อ ถึงแม้จะมีบางรุ่นมีล้อมากกว่าสองก็ยังมีน้อย แถมไม่มีระบบไฮเทคเอาไว้เตือนรถที่อยู่ใน Blind Spot ด้วยทำให้อันตรายยังคงมีสูงเหมือนเดิมจากการใช้งานมอเตอร์ไซค์ การขยับเพียงน้อยนิดของผู้ขับหรือผู้โดยสารมอเตอร์ไซค์ที่ปวดเมื่อยจากการนั่งนานหรือไม่ถูกท่าทางอาจทำให้รถแกว่งตัวอย่างน่ากลัวหรือเซไปหารถคันอื่นได้ง่าย

๓. มอเตอร์ไซค์ยังคงนิยมแซงซ้ายทั้งในทางเลี้ยวหรือทางตรง เข้าใจว่าเกิดจากที่รถยนต์ส่วนใหญ่ที่กลัวว่าล้อรถหรือตัวถังรถจะเกี่ยวหรือครูดกับเสาป้ายบอกทางหรือขอบฟุตบาทจึงมักจะเว้นระยะที่ดูจากตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับรถยนต์เหมือนไม่ห่างมากนัก แต่เมื่อดูจากตำแหน่งของผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์แล้วช่องนั้นมันกว้างใหญ่อย่างกับวังที่เชิญให้เข้าไปใช้เหลือเกิน

แล้วผมและครอบครัวได้เรียนรู้อะไรบ้างจากสิ่งเหล่านี้
1.    ถึงแม้มอเตอร์ไซค์จะเป็นพาหนะที่ค่อนข้างอันตรายแต่ก็สะดวกในการใช้งาน หาที่จอดก็ง่าย กินน้ำมันก็ไม่เปลือง จึงทำให้เราสามารถเข้าๆออกๆจากบ้านไปตลาด ไปเซเว่น ไปกินส้มตำ ไปตลาดนัดได้บ่อยกว่าเดิมที่ใช้รถยนต์ที่จะไปไหนแต่ละที คิดแล้วคิดอีกเรื่องรถติดและที่จอดรถ  เรามีกิจกรรมทำร่วมกันได้ทั้งวัน @^_^@
2.    ลูกชายวัยสองขวบที่ตั้งแต่เกิดมานั่งอยู่ในคาร์ซีท สัมผัสอากาศเย็นจากเครื่องปรับอากาศในรถพ่อเย็นตลอดทางได้สัมผัสประสบการณ์เหมือนครั้งหนึ่งพ่อได้ประสบมาตอนอายุเท่ากัน ถึงแม้จะยาวนานเพียงแค่สัปดาห์เดียว แต่ลูกก็น่าจะได้เรียนรู้ว่ารสชาติของชีวิตที่ไม่เหมือนที่พ่อแม่เตรียมไว้ให้เป็นอย่างไร กลิ่นควันไอเสียเวลาที่รถเมล์วิ่งอยู่ข้างหน้าเรามันเหม็นอย่างไร หลุมหรือทางที่มันขรุขระกระเด้งกระดอนทำให้เราสนุกสนานเพียงใด พายุทรายจากรถบรรทุกมันเจ็บๆ คันๆ อย่างไร และที่สำคัญ “ลมโต้หน้า ท้าลมหนาว” มันเป็นอย่างนี้นี่เอง
3.    ที่สำคัญที่สุดครอบครัวเราได้กอดกันตลอดการเดินทาง เป็นการกอดที่แสดงออกถึงความรักและความห่วงใยต่อกัน จอดติดไฟแดงเราได้กอดได้จับแก้มลูก ถามลูก “หนาวไหมลูก” “เมื่อยไหมลูก” “อีกนิดเดียวจะถึงที่ทำงานพ่อแล้ว” “อีกนิดเดียวจะถึงบ้านแล้วทนหน่อยนะ” ฯลฯ ซึ่งในขณะที่ขับรถยนต์สิ่งเหล่านั้นมันไม่เคยเกิดเลย

ขอขอบคุณน้องคนที่ขับรถมาชนท้ายที่ทำให้ครอบครัวเราได้มีโอกาสดีๆ อย่างนี้อีกครั้ง แล้วท่านที่ขับรถยนต์อยู่ท่านเคยได้มาสัมผัสบรรยากาศเหล่านี้บ้างหรือยัง หากยังขอเชิญชวนเลยครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่