ในขณะที่ยังทำงานอยู่ในระบบ ดิฉันคลุกคลีอยู่กับสายงานการผลิตมาตลอด
จึงได้อาศัยประสบการณ์นั้นออกมาจัดการการผลิตสินค้าของตัวเอง
สินค้าของดิฉันจะเป็นประเภทอาหารสดที่อายุสั้น ดิฉันจึงต้องดูแลและลงมือทำด้วยตัวเอง
ซึ่งดิฉันลืมคิดถึงการตลาดไปเลย
จนวันหนึ่ง ดิฉันได้สนทนากับผู้คนหลากหลายขึ้น และจับประเด็นได้ว่าหากดิฉันมัวแต่ให้ความสำคัญกับการผลิตอย่างเดียวเช่นนี้
ต่อให้ดิฉันมีของดีวิเศษเลิศเลอแค่ไหน สินค้าของดิฉันก็คงไปได้ไม่ไกล
จึงทำให้ดิฉันหันมาศึกษาการทำการตลาดอย่างจริงจัง โดยช่วงแรกดิฉันใช้กลยุทธ 4P คือ
- Place . (สถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย)
- Price. (การตั้งราคาที่เหมาะสม)
- Packaging (บรรจุภัณท์ที่สวยงามและแตกต่าง)
- Promotion (แถมสินค้าชนิดอื่นที่ขายในร้านให้ลูกค้าลองชิมหากซื้อปริมาณมากๆ)
เมื่อพอมีช่องทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น กลับพบอุปสรรคทางด้านการผลิตค่ะ
คือเมื่อมีออเดอร์เข้ามาเยอะ ก็ผลิตไม่ทัน
ปกติดิฉันทำเองโดยมีผู้ช่วยหนึ่ง-สองคนเท่านั้น (ขายน้อยๆ ทำทันค่ะ)
แต่พอดิฉันเปิดตลาดกว้างขึ้น ดิฉันจึงต้องหาพันธมิตรในการผลิตซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนก็สูงขึ้นกว่าที่ดิฉันทำเองแน่ๆ
ด้วยความที่คลุกคลีกับอาหารการกินมาตลอดทำให้ดิฉันดีดตัวเลขออกทันทีที่พูดถึงราคาส่งราคาขายและต้นทุนการผลิต
แต่ดิฉันก็ยินดีจ่ายแพงขึ้นค่ะ เพราะดิฉันไม่ต้องมาวุ่นวายกับการจัดการการผลิตที่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ(หากออเดอร์ล้นหลามแบบปลายปีเช่นนี้)
เพื่อต้องการรสชาติ สีสันและขนาดเดียวที่ดิฉันทำ ดิฉันจึงเลือกให้มืออาขีพผลิตให้ค่ะ
เพราะดิฉันมั่นใจได้ว่าเค้าจะผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่ดิฉันต้องการ
และที่สำคัญที่สุดผลิตทันตามวันที่ต้องการค่ะ
แล้วทำไมดิฉันจึงต้องหวั่นใจในการให้คนอื่นผลิตให้....มีเหตุผลค่ะ...
เนื่องด้วยสินค้าของดิฉันเป็นสินค้าเฉพาะกาล เช่นเทศกาลปีใหม่จะขายดีมาก
แต่ปัญหาคือผู้ผลิตเค้าก็ผลิต(อย่างอื่น) ขายเองด้วย
และเมื่อดิฉันไปรับของเค้ามาทำแบรนด์ เค้าก็ไม่แบ่งสินค้ามาให้ และขนมที่เคยผลิตให้ก็ถูกเบียดบังเวลาทำให้ส่งของให้ดิฉันไม่ทัน
ดิฉันในฐานะคนขายจึงต้องสู้หน้ารับลูกค้าแต่เพียงลำพัง ซึ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของดิฉันลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ.
จนมาระยะหลังดิฉันจึงไม่ค่อยกล้าที่จะเอาของไปเสนอเพื่อนๆเพื่อใช้ในเทศกาลเพราะดิฉันเกิดความไม่วางใจในsupplier ค่ะ
นี่ก็ถึงเวลาโกยเงินอีกแล้ว ปัญหาการผลิตไม่ทันยังตามมาหลอกหลอนอยู่จนไม่กล้าขยับทางการตลาด
ที่ดิฉันไม่เปิดโรงงานผลิตเอง เพราะเห็นว่าช่วง low season เหล่าsupplier วิ่งหาดิฉันกันหัวบันไดไม่แห้ง
จึงยังไม่อยากสร้างภาระตรงนั้น
ดิฉันไม่มีประสบการณ์การบริหารค่ะ จึงนั่งมึนมาหลายวันแล้วค่ะว่าจะเอายังไงกับอาชีพนี้ดี
บางปัญหาอาจจะเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาก็ได้นะคะ จึงขอคำแนะนำจากเพื่อนผู้บริหารช่วยชี้แนะหน่อยค่ะ
ดิฉันควรให้ความสำคัญกับการผลิตให้มากกว่านี้(จนไม่มีเวลาทำการตลาด) ผลิตได้มากขายได้น้อยก็เครียดอีก
หรือว่าดิฉันทำการตลาดแบบนี้ดีแล้ว แล้วจะแก้ปัญหารผลิตอย่างไรดีคะ
ขายได้แต่ไม่มีของก็เครียดไปอีกแบบ T_T
ขอบคุณค่ะ
ท่านผู้บริหารคะ.."การตลาดนำการผลิต หรือการผลิตนำการตลาด"ดีคะ??
จึงได้อาศัยประสบการณ์นั้นออกมาจัดการการผลิตสินค้าของตัวเอง
สินค้าของดิฉันจะเป็นประเภทอาหารสดที่อายุสั้น ดิฉันจึงต้องดูแลและลงมือทำด้วยตัวเอง
ซึ่งดิฉันลืมคิดถึงการตลาดไปเลย
จนวันหนึ่ง ดิฉันได้สนทนากับผู้คนหลากหลายขึ้น และจับประเด็นได้ว่าหากดิฉันมัวแต่ให้ความสำคัญกับการผลิตอย่างเดียวเช่นนี้
ต่อให้ดิฉันมีของดีวิเศษเลิศเลอแค่ไหน สินค้าของดิฉันก็คงไปได้ไม่ไกล
จึงทำให้ดิฉันหันมาศึกษาการทำการตลาดอย่างจริงจัง โดยช่วงแรกดิฉันใช้กลยุทธ 4P คือ
- Place . (สถานที่หรือช่องทางจัดจำหน่าย)
- Price. (การตั้งราคาที่เหมาะสม)
- Packaging (บรรจุภัณท์ที่สวยงามและแตกต่าง)
- Promotion (แถมสินค้าชนิดอื่นที่ขายในร้านให้ลูกค้าลองชิมหากซื้อปริมาณมากๆ)
เมื่อพอมีช่องทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น กลับพบอุปสรรคทางด้านการผลิตค่ะ
คือเมื่อมีออเดอร์เข้ามาเยอะ ก็ผลิตไม่ทัน
ปกติดิฉันทำเองโดยมีผู้ช่วยหนึ่ง-สองคนเท่านั้น (ขายน้อยๆ ทำทันค่ะ)
แต่พอดิฉันเปิดตลาดกว้างขึ้น ดิฉันจึงต้องหาพันธมิตรในการผลิตซึ่งแน่นอนว่าต้นทุนก็สูงขึ้นกว่าที่ดิฉันทำเองแน่ๆ
ด้วยความที่คลุกคลีกับอาหารการกินมาตลอดทำให้ดิฉันดีดตัวเลขออกทันทีที่พูดถึงราคาส่งราคาขายและต้นทุนการผลิต
แต่ดิฉันก็ยินดีจ่ายแพงขึ้นค่ะ เพราะดิฉันไม่ต้องมาวุ่นวายกับการจัดการการผลิตที่ต้องทำหามรุ่งหามค่ำ(หากออเดอร์ล้นหลามแบบปลายปีเช่นนี้)
เพื่อต้องการรสชาติ สีสันและขนาดเดียวที่ดิฉันทำ ดิฉันจึงเลือกให้มืออาขีพผลิตให้ค่ะ
เพราะดิฉันมั่นใจได้ว่าเค้าจะผลิตให้ได้มาตรฐานตามที่ดิฉันต้องการ
และที่สำคัญที่สุดผลิตทันตามวันที่ต้องการค่ะ
แล้วทำไมดิฉันจึงต้องหวั่นใจในการให้คนอื่นผลิตให้....มีเหตุผลค่ะ...
เนื่องด้วยสินค้าของดิฉันเป็นสินค้าเฉพาะกาล เช่นเทศกาลปีใหม่จะขายดีมาก
แต่ปัญหาคือผู้ผลิตเค้าก็ผลิต(อย่างอื่น) ขายเองด้วย
และเมื่อดิฉันไปรับของเค้ามาทำแบรนด์ เค้าก็ไม่แบ่งสินค้ามาให้ และขนมที่เคยผลิตให้ก็ถูกเบียดบังเวลาทำให้ส่งของให้ดิฉันไม่ทัน
ดิฉันในฐานะคนขายจึงต้องสู้หน้ารับลูกค้าแต่เพียงลำพัง ซึ่งทำให้ความน่าเชื่อถือของดิฉันลดน้อยถอยลงไปเรื่อยๆ.
จนมาระยะหลังดิฉันจึงไม่ค่อยกล้าที่จะเอาของไปเสนอเพื่อนๆเพื่อใช้ในเทศกาลเพราะดิฉันเกิดความไม่วางใจในsupplier ค่ะ
นี่ก็ถึงเวลาโกยเงินอีกแล้ว ปัญหาการผลิตไม่ทันยังตามมาหลอกหลอนอยู่จนไม่กล้าขยับทางการตลาด
ที่ดิฉันไม่เปิดโรงงานผลิตเอง เพราะเห็นว่าช่วง low season เหล่าsupplier วิ่งหาดิฉันกันหัวบันไดไม่แห้ง
จึงยังไม่อยากสร้างภาระตรงนั้น
ดิฉันไม่มีประสบการณ์การบริหารค่ะ จึงนั่งมึนมาหลายวันแล้วค่ะว่าจะเอายังไงกับอาชีพนี้ดี
บางปัญหาอาจจะเป็นเพียงเส้นผมบังภูเขาก็ได้นะคะ จึงขอคำแนะนำจากเพื่อนผู้บริหารช่วยชี้แนะหน่อยค่ะ
ดิฉันควรให้ความสำคัญกับการผลิตให้มากกว่านี้(จนไม่มีเวลาทำการตลาด) ผลิตได้มากขายได้น้อยก็เครียดอีก
หรือว่าดิฉันทำการตลาดแบบนี้ดีแล้ว แล้วจะแก้ปัญหารผลิตอย่างไรดีคะ
ขายได้แต่ไม่มีของก็เครียดไปอีกแบบ T_T
ขอบคุณค่ะ