สวัสดีค่ะ
ทะเลาะกับแม่มาเมื่ออาทิตย์ก่อน ยังคาใจไม่หายค่ะ
เราทำงานอยู่กรุงเทพ --- สอนหนังสือโรงเรียนอาชีวะเอกชน ระดับปวช. ปวส. ตอนที่จบใหม่ ๆ ก็อยากสอนหนังสือเลยค่ะ แต่แม่เค้าอยากให้ทำงานบริษัทเดียวกับพี่สาว แต่อยู่คนละสาขา ทำงานบริษัทได้ 2 ปีเราถึงออกมาสอนหนังสือ ส่วนแม่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับพี่สาว
อาทิตย์ก่อนก็โทรคุยกับแม่ตามปกตินี่แหละ คุยกันไปซักพัก แม่ก็เริ่มเปิดประเด็น
แม่ : ทำไมไม่ไปหาสอบราชการละ ทหาร ตำรวจก็เปิดสอบอยู่ไม่ใช่เหรอ (เราเคยสมัครสอบทหารบกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผ่านถึงรอบสัมภาษณ์แต่ไม่ติด)
เรา : ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ไม่อยากไปสอบละ ทำข้อสอบได้ก็ไม่ใช่ว่าจะติด
แม่ : อย่างอื่นละ ไม่ไปหาสอบดู งานราชการมันมั่นคงนะ
เรา : หนูอยู่กรุงเทพใกล้ ๆ นี่ หนูอยากสอบหนูก็ไปสอบเองแหละ แต่หนูไม่อยากสอบ ไม่อยากเป็นราชการ
แม่ : มันมั่นคงนะ (ย้ำ) แก่ตัวไปมันสบายนะ พ่อแม่ ลูกอะไรก็เบิกได้ มีบำเหน็จบำนาญ
เรา : มันจะได้ซักเท่าไหร่กันบำเหน็จบำนาญน่ะ คนอื่นถ้าไม่ทำงานราชการเค้าก็ไม่มั่นคง เลี้ยงตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ ไม่เอาอ่ะ ไม่สอบ ไม่เป็น อยากสอนหนังสือ
แม่ : (เริ่มขึ้นเสียง) อยากเป็นครูทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องส่งให้เรียนอย่างอื่น เสียดายตังค์
เรา : (ก็เริ่มหงุดหงิดละ) ก็เคยบอกแล้ว เคยฟังมั้ยละ (ตอนจบม.3 เราเคยได้โควต้าศิลป์-ภาษาฝรั่งเศส แต่แม่ให้ไปสอบเทคนิค) ไม่ได้อยากเรียนซะหน่อยไอ้บัญชีเนี่ย ที่เรียนก็เพราะแม่อยากให้เรียนไม่ใช่เหรอ
แม่ : เออ อยากให้มันได้ดี แต่มันไม่รักดี
...จากนั้นก็วางสายไปค่ะ
เราน้อยใจแม่มากเลยนะกับคำว่า "ไม่รักดี" เนี่ย เราก็ไปคุยกับพี่สาวเรา ว่าถามจริง ๆ เถอะ ไอ้การที่เราเรียนบัญชีเพราะแม่อยากให้เรียน แล้วยังเรียนต่อโท ด้วยเงินของตัวเอง (จบแล้วด้วย) มีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ แค่ไม่ไปสอบราชการนี่มันเรียกว่าไม่รักดีเหรอ
เราไม่ได้อะไรกับอาชีพรับราชการหรอก เพียงแต่เราไม่อยากเป็น เราชอบสอนหนังสือ ชอบอยู่กับนักเรียน แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแก่เค้าถึงคิดว่างานราชการมันเป็นงานที่ดีที่สุด เรานี่หมดปัญญาจะอธิบายกับแม่เลย
ทำไมคนสมัยก่อนถึงคิดว่างานราชการเป็นงานที่ดีที่สุด
ทะเลาะกับแม่มาเมื่ออาทิตย์ก่อน ยังคาใจไม่หายค่ะ
เราทำงานอยู่กรุงเทพ --- สอนหนังสือโรงเรียนอาชีวะเอกชน ระดับปวช. ปวส. ตอนที่จบใหม่ ๆ ก็อยากสอนหนังสือเลยค่ะ แต่แม่เค้าอยากให้ทำงานบริษัทเดียวกับพี่สาว แต่อยู่คนละสาขา ทำงานบริษัทได้ 2 ปีเราถึงออกมาสอนหนังสือ ส่วนแม่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับพี่สาว
อาทิตย์ก่อนก็โทรคุยกับแม่ตามปกตินี่แหละ คุยกันไปซักพัก แม่ก็เริ่มเปิดประเด็น
แม่ : ทำไมไม่ไปหาสอบราชการละ ทหาร ตำรวจก็เปิดสอบอยู่ไม่ใช่เหรอ (เราเคยสมัครสอบทหารบกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผ่านถึงรอบสัมภาษณ์แต่ไม่ติด)
เรา : ไม่เอาอ่ะ ขี้เกียจอ่านหนังสือ ไม่อยากไปสอบละ ทำข้อสอบได้ก็ไม่ใช่ว่าจะติด
แม่ : อย่างอื่นละ ไม่ไปหาสอบดู งานราชการมันมั่นคงนะ
เรา : หนูอยู่กรุงเทพใกล้ ๆ นี่ หนูอยากสอบหนูก็ไปสอบเองแหละ แต่หนูไม่อยากสอบ ไม่อยากเป็นราชการ
แม่ : มันมั่นคงนะ (ย้ำ) แก่ตัวไปมันสบายนะ พ่อแม่ ลูกอะไรก็เบิกได้ มีบำเหน็จบำนาญ
เรา : มันจะได้ซักเท่าไหร่กันบำเหน็จบำนาญน่ะ คนอื่นถ้าไม่ทำงานราชการเค้าก็ไม่มั่นคง เลี้ยงตัวเองไม่ได้งั้นเหรอ ไม่เอาอ่ะ ไม่สอบ ไม่เป็น อยากสอนหนังสือ
แม่ : (เริ่มขึ้นเสียง) อยากเป็นครูทำไมไม่บอกตั้งแต่แรก จะได้ไม่ต้องส่งให้เรียนอย่างอื่น เสียดายตังค์
เรา : (ก็เริ่มหงุดหงิดละ) ก็เคยบอกแล้ว เคยฟังมั้ยละ (ตอนจบม.3 เราเคยได้โควต้าศิลป์-ภาษาฝรั่งเศส แต่แม่ให้ไปสอบเทคนิค) ไม่ได้อยากเรียนซะหน่อยไอ้บัญชีเนี่ย ที่เรียนก็เพราะแม่อยากให้เรียนไม่ใช่เหรอ
แม่ : เออ อยากให้มันได้ดี แต่มันไม่รักดี
...จากนั้นก็วางสายไปค่ะ
เราน้อยใจแม่มากเลยนะกับคำว่า "ไม่รักดี" เนี่ย เราก็ไปคุยกับพี่สาวเรา ว่าถามจริง ๆ เถอะ ไอ้การที่เราเรียนบัญชีเพราะแม่อยากให้เรียน แล้วยังเรียนต่อโท ด้วยเงินของตัวเอง (จบแล้วด้วย) มีงานทำเลี้ยงตัวเองได้ แค่ไม่ไปสอบราชการนี่มันเรียกว่าไม่รักดีเหรอ
เราไม่ได้อะไรกับอาชีพรับราชการหรอก เพียงแต่เราไม่อยากเป็น เราชอบสอนหนังสือ ชอบอยู่กับนักเรียน แค่ไม่เข้าใจว่าทำไมคนแก่เค้าถึงคิดว่างานราชการมันเป็นงานที่ดีที่สุด เรานี่หมดปัญญาจะอธิบายกับแม่เลย