นี่เป็นกระทู้แรกค่ะ อาจจะเขียนขัดเขินๆหน่อยนะคะ แต่ทนฟินคนเดียวไม่ไหวต้องเอามาเล่าต่อ
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เรามีรุ่นน้องคนนึงเป็นรุ่นน้องคนไทยที่เรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่ upstate New York ส่วนเราเรียนมหาลัยอยู่ที่ Mass ตอนแรกๆเรากับน้องผญคนนี้ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่หลังๆเราสังเกตุเห็นน้องเค้าเศร้าๆเฟลๆใน facebook บ่อยๆ สลับกับบางวันที่ดูฟินๆ เราเลยไปถามน้องเค้าว่าช่วงนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง แลดูเหมือนคนกำลังมีความรัก น้องเค้าก็เลยเล่าให้ฟังว่า ...
"เราเข้าคลับสควอชของผญที่มหาลัย ก็แบบไปเล่น ซ้อมเรื่อยๆ ปกติ จนวันที่ 5 ตุลาคม เป็นวันศุกร์ เราไปซ้อมห้าชม. ก็เล่นกับรุ่นน้อง
ที่นี่ก็ถึงเวลาที่พวก varsity (นักกีฬามหาลัย) มาซ้อม ละเขาก็ถามว่า ใช้คอร์ทต่อได้ไหม เราก็บอกได้ เราจะไปแล้ว ทีนี้ สักแปบ ก็มีผชเสื้อสีเหลืองตัวสูงๆผมเข้มๆเดินผ่านไป ฮีกำลังคุยกับคนในคอร์ทใกล้ๆ เราก็แบบ ใครวะ หน้าคล้าย มาโค รอยส์เลย เรากรี๊ดว่าเค้าหน้าตาน่ารักดี จากนั้นตอนเดินออกมา ก็ยังแอบส่องเขา เล่นสควอชอะ พอกลับมาบ้านก็มาเสิร์ชหาข้อมูลเขาหมด(น่ากลัวมาก) 555 จนรุ่นน้องที่ไปด้วยกันอึ้งในความกล้า
อาทิตย์ถัดมา เรามีซ้อมสควอชต่อจากพวกนักกีฬา แต่ว่าเราไปรอที่คอร์ทก่อนเวลาเค้าเลิกซ้อม เราเลยได้มานั่งดูเขาซ้อมกัน วันนั้นแหละเลยได้คุยกับเขา พอดีวันนั้นเราไปเล่นกับเพื่อนคนจีน แล้วเราได้ยินเขาคุยจีนกับเพื่อน เราก็เลยหันไปถามว่า 'คุณพูดจีนเป็นเหรอ?' เขาบอกว่า 'ไม่เป็น แต่กำลังเรียนอยู่' เราก็คุยต่อไปนิดนึง จากนั้นเขาก็ยื่นมือมา พูดว่า 'Hi I'm Micky, Michelangelo. What's your name?' เราก็ตอบไปว่าเราชื่ออะไร ตอนนั้นเราก็พยายามพูดจีนกับเค้านิดหน่อย เพราะเราก็เรียนจีนมาเป็นปีแล้ว เพื่อนคนจีนเราก็เยอะ เรากลัวเค้าจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นคนจีนเราบอกเขาว่า เราไม่ได้มาจากจีนนะ เขาตอบ 'I know that you're from Thailand' ตอนนั้นเราทั้งอึ้งทั้งดีใจว่า เค้ารู้ได้ไงอ่ะ เค้าเลยบอกว่า เรารูปหน้า โครงหน้าเหมือนคนไทย 55 เลยถึงบางอ้อ
จากนั้น เราก็จะเจอกันในคอร์ทบ้าง พอเห็นเราเขาก็จะทักมาแต่ไกลเลยว่า 'Hey, How are you?' แล้วเราก็จะคุยกันเป็นภาษาจีนเพื่อเป็นกันฝึกจีนไปในตัว อาทิตย์ถัดมา(มั้ง) ตอนนั้นเราไปรอเข้าคลาส Business เราดั้นเห็นเขายืนอยู่หน้าคลาสเหมือนกัน เรานี่ตกใจมากอยากรู้ว่านางมาทำอะไร เลยไปทักว่า
'มาทำไรแถวนี้?' เขาบอก 'ก็มารอเข้าคลาสนี้ไง' นี่ก็แบบ..ห๊ะ นายเรียนคลาสนี้ด้วยเหรอ 55 คือปกติเวลาเราเข้าเลคเชอร์เราไม่เคยสนใจใคร เราชอบนั่งฝั่งซ้าย เขาฝั่งขวา เลยไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่พอรู้แบบนี้แล้วจะปล่อยโอกาสไปก็ใช่ที่ บวกกับความแรดที่ไม่รู้มีตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเลยโพล่งถามเขาว่า
'นั่งข้างๆได้ไหม?' พอเขาบอกว่าได้ ตั้งแต่วันนั้นแหละ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความฟิน และน้ำตา...
เรากับมิกกี้ มีคาบว่างตรงกันเยอะ คือหลังจากคลาส business ที่เรียนด้วยกันเราก็จะไปห้องสมุดที่เขาและคนในทีมชอบอยู่กัน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราเลยเริ่มรู้จักเพื่อนของนางด้วย พวกนั้นก็จำเราได้ เพราะเคยไปดูเค้าซ้อมสควอชมาก่อน ตอนนั้นจำได้ว่า ก่อนที่เราจะไปเรียน Com sci มิกกี้มาเรียกละขอให้ไปช่วยดูการบ้านภาษาจีนให้หน่อย เราด้วยความที่ปลื้มๆเขาอยู่ เราก็ช่วยเขาอ่านและแปล สอนให้อ่านตามเรา ไรงี้ เพื่อนเขาก็จะชอบมองแบบว่า พวกแกสองคนนี่คุยภาษาไรกันวะ เราช่วยเค้าเรื่องเรียนจีนอยู่เรื่อยๆ จริงๆเหมือนมีข้ออ้างมาใช้เพื่อเจอเขา ได้ใกล้ชิดมากขึ้น เราเคยไปเล่นสควอชกับเพื่อน แล้วเจอผู้ช่วยทีม คุยไปคุยมา เขาบอกว่า 'Oh it's you! Micky told me you were the only reason he passed Chinese' พอได้ยินแบบนี้เราก็แบบ หน้าบานแอบฟินว่าเค้าพูดถึงเรากับเพื่อนเเบบนั้นด้วย
พอถึงเวลาเราต้องไปเรียน เรากำลังจะเดินออกจากประตู เขาก็ถามว่า 'Hey, do you wanna go to the business event together tmr?' อีเว้นท์นี้เป็นของคลาสที่เรียนด้วยกัน (ที่หน้ามึนไปขอนั่งข้างเค้า ฮ่าๆๆ) แล้วคนที่เรียนต้องไปทุกคน เราทำหน้าปกติแล้วก็บอกว่า โอเค แต่เดินออกมานี่ โหยยยยยย ยิ้มไม่หุบไปทั้งวัน ตอนเย็นวันนั้นเราเดินกลับบ้านพร้อมรุ่นพี่ ยังฟินไม่เลิก เล่าให้พี่ๆฟังว่า เนี่ยเราจะจีบคนนี้ พี่เขายังถามว่า แน่ใจเหรอ? จะรอดไหมนั่น
ตอนนั้นบอกเลยว่า นี่อินเลิฟสุดๆ มิกกี้เป็นคนตลก เฮฮา บ้าๆบอๆ ชอบเล่นมุก และทำเสียงแปลกๆ ให้เราหัวเราะตลอด เวลาอยู่ด้วยเราก็จะแกล้งกัน
กวนตีนกัน เราไม่เกร็งเลยอยู่เวลาอยู่กับเขา หลังจากนั้น เราก็จะพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องสมุดนี้บ่อยๆ เขาก็จะแยกกับเพื่อนมานั่งกับเรา เพื่อนๆเขาก็จะแยกไปอยู่โต๊ะอื่น 55 เหมือนรู้ว่าเราต้องการความ(ฟิน)เป็นส่วนตัว
มันก็มีโมเม้นให้ฟิน(คนเดียว)เรื่อยๆนะ มีวันนึง ไปช่วยเขาทำการบ้านจีนตามปกติ พอทำเสร็จเขาก็ถามว่า 'Do you have your own racket?' เราก็บอกว่า
มีสิ ทำไมเหรอ? เขาก็โยน grip มาให้ เราถามว่า มันคือไรอะ?(ตอนนั้นไม่รู้) เขาก็ชี้ไปที่แรคเกตของเขาละบอกว่า เอาไว้พันด้ามถือแบบนี้ 555
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนเราขึ้นรถกลับบ้านนี่ ถือgripไว้ละนั่งมองนั่งยิ้มคนเดียวอ่ะ คือมันฟิน มันดีใจจนพูดไม่ถูก คิดว่าเออนี่เค้าก็คิดถึงเราเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงไม่เอามาให้แบบนี้หรอก ตอนที่เราประทับใจเขามากคือ ก่อนสอบ business เขาอยู่ช่วยติวให้เรา แล้วแบบว่าเขาใจเย็นกับเรามาก ต่อให้ต้องอธิบายให้เราฟังเป็นชม.ก็ตาม เรายิ่งชอบเข้าไปใหญ่ มันมีเรื่องให้เราเพ้อไปเรื่อยๆเช่น เราเคยตกรถพร้อมกัน แต่ต้องขึ้นคนละสาย
กว่าสายของเขาจะมาอีกทีก็ปาเข้าไปห้าทุ่มห้าสิบ แต่ของเราแค่ห้าทุ่ม แต่เราก็บอกเขาว่า เรากลับเที่ยงคืนก็ได้นะ(คืออยากอยู่ด้วยอะ แรดจริงๆ ฮ่าๆๆ) เราก็อยู่รอเป็นเพือน(จริงๆอยากอยู่รอเป็นแฟน ฮิ้วววววว) แถมยังช่วยเขาทำการบ้านจีนต่ออีก กับคนนี้เราแสดงออกเต็มที่แค่ไม่ได้บอกเขาตรงๆเท่านั้นเอง เพื่อนๆเขาเวลาเห็นเราก็จะยิ้มๆ เหมือนจะรู้ ฮ่าๆๆ เราไม่เกร็งเลย แถมบางทีเรายังแอบหน้ามึนตอดต่อหน้า เยี่ยงนี้ 'Are you tired?' เขาตอบมาว่า 'Yeah Why?' เรารีบใส่มุขที่เตรียมมาอย่างดี 'Because you've been running in my mind all day' กรี้ดดดดด กล้ามั้ยล่ะคุณผู้โชมมมมมมมมม
กับคนนี้พอเรายอมรับว่าชอบเขา เราก็เริ่มทำอะไรๆให้นิดๆหน่อยๆ ต่างจากคนที่เราเคยชอบสมัยก่อนๆ ตอนก่อนหน้านี้เรามาดแมนมาก มีแต่กวนตีน เฮฮาปาจิงโกะ แต่กับคนนี้นี่เราทั้งทำ flashcard, เขียนสรุปแกรมม่าจีน, เอาของกินหรือผลไม้ไปให้เขาหลังซ้อมสควอช เวลาเขาไม่สบายใจหรือเครียดอะไร เราก็จะเขียนโน๊ตไปให้กำลังใจ มีอยู่วันนึงที่เขา เอาดินสอวางทิ้งไว้ เพราะเขาจะไปซ้อมแปปเดียวเดี๋ยวกลับมา ตอนนั้นเรากลับบ้านไปแล้วเพราะว่าเย็นมากละ
พอถึงหน้าบ้าน เราก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่รอรถเพื่อกลับไปเหลาดินสอให้เขา แล้วก็วางผลไม้ โน๊ตอวยพรเรื่องสอบให้ (เอิ่ม ทั้งค่ำทั้งไกล ไม่ค่อยจะลงทุนเล้ยยยยยน้องเรา) เราก็ไม่ได้ขออะไรมาก ขอแค่ได้เป็นเพื่อนที่เค้ามองเห็นบ้างก็พอ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เราก็รู้สึกดีใจอ่ะ แบบเห้ยเรามาถึงจุดนี้นะ ได้เป็นคนรู้จักเขา จากที่แบบแค่ปลื้มๆอยู่ไกลๆ จนวันนึง เราก็เพิ่งมารู้ตัวว่า เขาไม่ได้คิดว่าเป็นเราเป็นเพื่อนที่สำคัญในระดับที่เราคิด คือเราไม่ได้หวังจะได้คบอะไรหรอก แต่วันนั้นเราก็ตระหนักได้ว่าเราไม่ได้สำคัญอะไรเลย เขาไม่ได้แคร์ความรู้สึกอะไรมากกว่าคนรู้จักธรรมดาที่คอยช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง เหมือนเราจริงใจแค่คนเดียว มันเสียความรู้สึก ตอนแรกเราก็เตรียมใจไว้แล้วนะ พอวันนั้นมาถึงจริงๆก็ยังอดเสียใจไม่ได้ แต่ก็ไม่หนักมากเพราะเราเรียนรู้จากเรื่องรักเฟลๆตั้งแต่อดีตละ ตอนนั้นแบบต่อไปนี้จะไม่จริงจัง ไม่ทุ่มเท ไม่ทำอะไรให้เขาอีกแล้ว
เราก็ไม่ไปที่ห้องสมุดนั้นอีก ไม่ไปกินข้าวด้วย พยายามจะหักดิบไม่ไปเจอหน้าเขา แต่ว่าโชคก็ไม่เข้าข้าง ขนาดเราย้ายที่ ไปสิงที่ห้องสมุดอื่นอยู่คนละตึก แต่พอเปิดประตูออกมา ก็ยังเจอหน้าเขา ไปที่ไหนก็เจอแต่เขา คือแบบอยากจะลืมแล้วแต่ดั้นเจอกันอีก เราก็พยายามทำใจ แล้วก็ทำตัวยุ่งๆกับเตรียมสอบไฟนอล เรามีสอบไฟนอลสามตัวในวันเดียว มีงานส่งอีก ก็เครียดมาก ทั้งเรื่องเรียน และหัวใจ ตอนนั้นเคว้งมาก ไปที่ไหนก็เจอ ตัดไม่ขาด ฟังแต่เพลงเศร้าๆจนเราตัดสินใจ จองตั๋วไปหาพี่และเพื่อนที่ MA เพราะเราสอบเสร็จสามตัววันพฤหัส และมีอีกทีวันศุกร์หน้า ตอนนั้นอยากจะไปพักใจ พาตัวเองออกไปจากบรรยากาศเดิมๆเพื่อที่จะลืม แต่ก็ไม่นึกว่าพอเวลานั้นมาถึง เราจะมาเจอคนที่มากวนใจเราอีก..."
์NY - MA ภารกิจลืมเธอ ดันมาเจอคนใหม่ (เรื่องช่วยกันฟินเฉพาะกิจ)
ขอเริ่มเรื่องเลยแล้วกันนะคะ เรื่องมีอยู่ว่า เรามีรุ่นน้องคนนึงเป็นรุ่นน้องคนไทยที่เรียนที่มหาลัยแห่งหนึ่งที่ upstate New York ส่วนเราเรียนมหาลัยอยู่ที่ Mass ตอนแรกๆเรากับน้องผญคนนี้ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก แต่หลังๆเราสังเกตุเห็นน้องเค้าเศร้าๆเฟลๆใน facebook บ่อยๆ สลับกับบางวันที่ดูฟินๆ เราเลยไปถามน้องเค้าว่าช่วงนี้ชีวิตเป็นยังไงบ้าง แลดูเหมือนคนกำลังมีความรัก น้องเค้าก็เลยเล่าให้ฟังว่า ...
"เราเข้าคลับสควอชของผญที่มหาลัย ก็แบบไปเล่น ซ้อมเรื่อยๆ ปกติ จนวันที่ 5 ตุลาคม เป็นวันศุกร์ เราไปซ้อมห้าชม. ก็เล่นกับรุ่นน้อง
ที่นี่ก็ถึงเวลาที่พวก varsity (นักกีฬามหาลัย) มาซ้อม ละเขาก็ถามว่า ใช้คอร์ทต่อได้ไหม เราก็บอกได้ เราจะไปแล้ว ทีนี้ สักแปบ ก็มีผชเสื้อสีเหลืองตัวสูงๆผมเข้มๆเดินผ่านไป ฮีกำลังคุยกับคนในคอร์ทใกล้ๆ เราก็แบบ ใครวะ หน้าคล้าย มาโค รอยส์เลย เรากรี๊ดว่าเค้าหน้าตาน่ารักดี จากนั้นตอนเดินออกมา ก็ยังแอบส่องเขา เล่นสควอชอะ พอกลับมาบ้านก็มาเสิร์ชหาข้อมูลเขาหมด(น่ากลัวมาก) 555 จนรุ่นน้องที่ไปด้วยกันอึ้งในความกล้า
อาทิตย์ถัดมา เรามีซ้อมสควอชต่อจากพวกนักกีฬา แต่ว่าเราไปรอที่คอร์ทก่อนเวลาเค้าเลิกซ้อม เราเลยได้มานั่งดูเขาซ้อมกัน วันนั้นแหละเลยได้คุยกับเขา พอดีวันนั้นเราไปเล่นกับเพื่อนคนจีน แล้วเราได้ยินเขาคุยจีนกับเพื่อน เราก็เลยหันไปถามว่า 'คุณพูดจีนเป็นเหรอ?' เขาบอกว่า 'ไม่เป็น แต่กำลังเรียนอยู่' เราก็คุยต่อไปนิดนึง จากนั้นเขาก็ยื่นมือมา พูดว่า 'Hi I'm Micky, Michelangelo. What's your name?' เราก็ตอบไปว่าเราชื่ออะไร ตอนนั้นเราก็พยายามพูดจีนกับเค้านิดหน่อย เพราะเราก็เรียนจีนมาเป็นปีแล้ว เพื่อนคนจีนเราก็เยอะ เรากลัวเค้าจะเข้าใจผิดว่าเราเป็นคนจีนเราบอกเขาว่า เราไม่ได้มาจากจีนนะ เขาตอบ 'I know that you're from Thailand' ตอนนั้นเราทั้งอึ้งทั้งดีใจว่า เค้ารู้ได้ไงอ่ะ เค้าเลยบอกว่า เรารูปหน้า โครงหน้าเหมือนคนไทย 55 เลยถึงบางอ้อ
จากนั้น เราก็จะเจอกันในคอร์ทบ้าง พอเห็นเราเขาก็จะทักมาแต่ไกลเลยว่า 'Hey, How are you?' แล้วเราก็จะคุยกันเป็นภาษาจีนเพื่อเป็นกันฝึกจีนไปในตัว อาทิตย์ถัดมา(มั้ง) ตอนนั้นเราไปรอเข้าคลาส Business เราดั้นเห็นเขายืนอยู่หน้าคลาสเหมือนกัน เรานี่ตกใจมากอยากรู้ว่านางมาทำอะไร เลยไปทักว่า
'มาทำไรแถวนี้?' เขาบอก 'ก็มารอเข้าคลาสนี้ไง' นี่ก็แบบ..ห๊ะ นายเรียนคลาสนี้ด้วยเหรอ 55 คือปกติเวลาเราเข้าเลคเชอร์เราไม่เคยสนใจใคร เราชอบนั่งฝั่งซ้าย เขาฝั่งขวา เลยไม่เคยเห็นหน้ากัน แต่พอรู้แบบนี้แล้วจะปล่อยโอกาสไปก็ใช่ที่ บวกกับความแรดที่ไม่รู้มีตั้งแต่เมื่อไหร่ เราเลยโพล่งถามเขาว่า
'นั่งข้างๆได้ไหม?' พอเขาบอกว่าได้ ตั้งแต่วันนั้นแหละ ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความฟิน และน้ำตา...
เรากับมิกกี้ มีคาบว่างตรงกันเยอะ คือหลังจากคลาส business ที่เรียนด้วยกันเราก็จะไปห้องสมุดที่เขาและคนในทีมชอบอยู่กัน[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราเลยเริ่มรู้จักเพื่อนของนางด้วย พวกนั้นก็จำเราได้ เพราะเคยไปดูเค้าซ้อมสควอชมาก่อน ตอนนั้นจำได้ว่า ก่อนที่เราจะไปเรียน Com sci มิกกี้มาเรียกละขอให้ไปช่วยดูการบ้านภาษาจีนให้หน่อย เราด้วยความที่ปลื้มๆเขาอยู่ เราก็ช่วยเขาอ่านและแปล สอนให้อ่านตามเรา ไรงี้ เพื่อนเขาก็จะชอบมองแบบว่า พวกแกสองคนนี่คุยภาษาไรกันวะ เราช่วยเค้าเรื่องเรียนจีนอยู่เรื่อยๆ จริงๆเหมือนมีข้ออ้างมาใช้เพื่อเจอเขา ได้ใกล้ชิดมากขึ้น เราเคยไปเล่นสควอชกับเพื่อน แล้วเจอผู้ช่วยทีม คุยไปคุยมา เขาบอกว่า 'Oh it's you! Micky told me you were the only reason he passed Chinese' พอได้ยินแบบนี้เราก็แบบ หน้าบานแอบฟินว่าเค้าพูดถึงเรากับเพื่อนเเบบนั้นด้วย
พอถึงเวลาเราต้องไปเรียน เรากำลังจะเดินออกจากประตู เขาก็ถามว่า 'Hey, do you wanna go to the business event together tmr?' อีเว้นท์นี้เป็นของคลาสที่เรียนด้วยกัน (ที่หน้ามึนไปขอนั่งข้างเค้า ฮ่าๆๆ) แล้วคนที่เรียนต้องไปทุกคน เราทำหน้าปกติแล้วก็บอกว่า โอเค แต่เดินออกมานี่ โหยยยยยย ยิ้มไม่หุบไปทั้งวัน ตอนเย็นวันนั้นเราเดินกลับบ้านพร้อมรุ่นพี่ ยังฟินไม่เลิก เล่าให้พี่ๆฟังว่า เนี่ยเราจะจีบคนนี้ พี่เขายังถามว่า แน่ใจเหรอ? จะรอดไหมนั่น
ตอนนั้นบอกเลยว่า นี่อินเลิฟสุดๆ มิกกี้เป็นคนตลก เฮฮา บ้าๆบอๆ ชอบเล่นมุก และทำเสียงแปลกๆ ให้เราหัวเราะตลอด เวลาอยู่ด้วยเราก็จะแกล้งกัน
กวนตีนกัน เราไม่เกร็งเลยอยู่เวลาอยู่กับเขา หลังจากนั้น เราก็จะพาตัวเองมาอยู่ที่ห้องสมุดนี้บ่อยๆ เขาก็จะแยกกับเพื่อนมานั่งกับเรา เพื่อนๆเขาก็จะแยกไปอยู่โต๊ะอื่น 55 เหมือนรู้ว่าเราต้องการความ(ฟิน)เป็นส่วนตัว
มันก็มีโมเม้นให้ฟิน(คนเดียว)เรื่อยๆนะ มีวันนึง ไปช่วยเขาทำการบ้านจีนตามปกติ พอทำเสร็จเขาก็ถามว่า 'Do you have your own racket?' เราก็บอกว่า
มีสิ ทำไมเหรอ? เขาก็โยน grip มาให้ เราถามว่า มันคือไรอะ?(ตอนนั้นไม่รู้) เขาก็ชี้ไปที่แรคเกตของเขาละบอกว่า เอาไว้พันด้ามถือแบบนี้ 555 [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตอนเราขึ้นรถกลับบ้านนี่ ถือgripไว้ละนั่งมองนั่งยิ้มคนเดียวอ่ะ คือมันฟิน มันดีใจจนพูดไม่ถูก คิดว่าเออนี่เค้าก็คิดถึงเราเหมือนกันนะ ไม่งั้นคงไม่เอามาให้แบบนี้หรอก ตอนที่เราประทับใจเขามากคือ ก่อนสอบ business เขาอยู่ช่วยติวให้เรา แล้วแบบว่าเขาใจเย็นกับเรามาก ต่อให้ต้องอธิบายให้เราฟังเป็นชม.ก็ตาม เรายิ่งชอบเข้าไปใหญ่ มันมีเรื่องให้เราเพ้อไปเรื่อยๆเช่น เราเคยตกรถพร้อมกัน แต่ต้องขึ้นคนละสาย
กว่าสายของเขาจะมาอีกทีก็ปาเข้าไปห้าทุ่มห้าสิบ แต่ของเราแค่ห้าทุ่ม แต่เราก็บอกเขาว่า เรากลับเที่ยงคืนก็ได้นะ(คืออยากอยู่ด้วยอะ แรดจริงๆ ฮ่าๆๆ) เราก็อยู่รอเป็นเพือน(จริงๆอยากอยู่รอเป็นแฟน ฮิ้วววววว) แถมยังช่วยเขาทำการบ้านจีนต่ออีก กับคนนี้เราแสดงออกเต็มที่แค่ไม่ได้บอกเขาตรงๆเท่านั้นเอง เพื่อนๆเขาเวลาเห็นเราก็จะยิ้มๆ เหมือนจะรู้ ฮ่าๆๆ เราไม่เกร็งเลย แถมบางทีเรายังแอบหน้ามึนตอดต่อหน้า เยี่ยงนี้ 'Are you tired?' เขาตอบมาว่า 'Yeah Why?' เรารีบใส่มุขที่เตรียมมาอย่างดี 'Because you've been running in my mind all day' กรี้ดดดดด กล้ามั้ยล่ะคุณผู้โชมมมมมมมมม
กับคนนี้พอเรายอมรับว่าชอบเขา เราก็เริ่มทำอะไรๆให้นิดๆหน่อยๆ ต่างจากคนที่เราเคยชอบสมัยก่อนๆ ตอนก่อนหน้านี้เรามาดแมนมาก มีแต่กวนตีน เฮฮาปาจิงโกะ แต่กับคนนี้นี่เราทั้งทำ flashcard, เขียนสรุปแกรมม่าจีน, เอาของกินหรือผลไม้ไปให้เขาหลังซ้อมสควอช เวลาเขาไม่สบายใจหรือเครียดอะไร เราก็จะเขียนโน๊ตไปให้กำลังใจ มีอยู่วันนึงที่เขา เอาดินสอวางทิ้งไว้ เพราะเขาจะไปซ้อมแปปเดียวเดี๋ยวกลับมา ตอนนั้นเรากลับบ้านไปแล้วเพราะว่าเย็นมากละ
พอถึงหน้าบ้าน เราก็ตัดสินใจเดินกลับไปที่รอรถเพื่อกลับไปเหลาดินสอให้เขา แล้วก็วางผลไม้ โน๊ตอวยพรเรื่องสอบให้ (เอิ่ม ทั้งค่ำทั้งไกล ไม่ค่อยจะลงทุนเล้ยยยยยน้องเรา) เราก็ไม่ได้ขออะไรมาก ขอแค่ได้เป็นเพื่อนที่เค้ามองเห็นบ้างก็พอ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เราก็รู้สึกดีใจอ่ะ แบบเห้ยเรามาถึงจุดนี้นะ ได้เป็นคนรู้จักเขา จากที่แบบแค่ปลื้มๆอยู่ไกลๆ จนวันนึง เราก็เพิ่งมารู้ตัวว่า เขาไม่ได้คิดว่าเป็นเราเป็นเพื่อนที่สำคัญในระดับที่เราคิด คือเราไม่ได้หวังจะได้คบอะไรหรอก แต่วันนั้นเราก็ตระหนักได้ว่าเราไม่ได้สำคัญอะไรเลย เขาไม่ได้แคร์ความรู้สึกอะไรมากกว่าคนรู้จักธรรมดาที่คอยช่วยเหลือกันเท่านั้นเอง เหมือนเราจริงใจแค่คนเดียว มันเสียความรู้สึก ตอนแรกเราก็เตรียมใจไว้แล้วนะ พอวันนั้นมาถึงจริงๆก็ยังอดเสียใจไม่ได้ แต่ก็ไม่หนักมากเพราะเราเรียนรู้จากเรื่องรักเฟลๆตั้งแต่อดีตละ ตอนนั้นแบบต่อไปนี้จะไม่จริงจัง ไม่ทุ่มเท ไม่ทำอะไรให้เขาอีกแล้ว
เราก็ไม่ไปที่ห้องสมุดนั้นอีก ไม่ไปกินข้าวด้วย พยายามจะหักดิบไม่ไปเจอหน้าเขา แต่ว่าโชคก็ไม่เข้าข้าง ขนาดเราย้ายที่ ไปสิงที่ห้องสมุดอื่นอยู่คนละตึก แต่พอเปิดประตูออกมา ก็ยังเจอหน้าเขา ไปที่ไหนก็เจอแต่เขา คือแบบอยากจะลืมแล้วแต่ดั้นเจอกันอีก เราก็พยายามทำใจ แล้วก็ทำตัวยุ่งๆกับเตรียมสอบไฟนอล เรามีสอบไฟนอลสามตัวในวันเดียว มีงานส่งอีก ก็เครียดมาก ทั้งเรื่องเรียน และหัวใจ ตอนนั้นเคว้งมาก ไปที่ไหนก็เจอ ตัดไม่ขาด ฟังแต่เพลงเศร้าๆจนเราตัดสินใจ จองตั๋วไปหาพี่และเพื่อนที่ MA เพราะเราสอบเสร็จสามตัววันพฤหัส และมีอีกทีวันศุกร์หน้า ตอนนั้นอยากจะไปพักใจ พาตัวเองออกไปจากบรรยากาศเดิมๆเพื่อที่จะลืม แต่ก็ไม่นึกว่าพอเวลานั้นมาถึง เราจะมาเจอคนที่มากวนใจเราอีก..."