เมื่อความรักเราเริ่มต้นด้วยความเหงา ฉันเจอสามี เพราะเราทำงานร่วมกัน ฉันเป็นทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยเจ้าของกิจการหรือคนทั่วไปอาจมองเป็นเลขาฯหรือผู้จัดการก็ได้ เจ้านายไม่ชอบพบปะเจรจาเท่าไร ทั้งที่มีกิจการในมือหลายบริษัท ดังนั้น คนทั่วไปจึงจำเป็นต้องติดต่อผ่านฉันเสมอ และ ทุกอย่างจะผ่านปากฉันด้วย สามีเป็นวิศวกรขาย ทำให้เขาต้องมาพบเจอฉันและต้องติดต่องานผ่านฉันด้วย ทำให้เรารู้จักกัน แรกๆฉันต้องเลี้ยงรับรองเขา ในฐานะคนดูแลระบบบริษัท หลังต้องไปกินข้าวด้วยกัน หลังจากรู้จักกันได้สักพัก ทำให้คุ้นเคยกัน จนขั้นถามเรื่องส่วนตัว ซึ่งเขาถามฉันว่า แต่งงานนานหรือยังเห็นมีลูกชายน่ารักน่าชัง ฉันก็เลยบอกเขาว่า ยัง เด็กที่เห็นเป็นลูกชายเจ้านาย พอดีฉันเลี้ยงเขามาตั้งแต่คลอด (เจ้านายทำกิ๊ฟไม่มีสามี)ก็เลยติดฉัน ส่วนเขา เขาบอกว่า เขาเพิ่งเลิกกับแฟน เนื่องจากทำงานห่างกันทำให้แฟนเขามีคนอื่น สามีอายุมากกว่า หนึ่งปี นั้นเป็นจุดเล็กๆที่ทำให้เราเริ่มต้นคุยกัน เหมือนจะเป็นแฟน แต่ไม่ใช่ ด้วยงานของเขาต้องเดินทางบ่อย เป็นงานลักษณะเซอร์วิส โดยมีพื้นที่รับผิดชอบหลายจังหวัด ทำให้เราเว้นระยะพอสมควร และรู้ดีว่า งานและเงินเขาสูงพอสมควร คงมีผู้หญิงสนใจอยู่ใช่น้อย ฉันเองก็รู้สึกดีต่อเขาเช่นกัน
จนล่วงเลยผ่านมาสักหกเดือนที่ได้รู้จักกัน ช่วงเย็นเขาโทรหาบอกว่าไม่สบายอยู่บ้าน รบกวนซื้อยาให้หน่อย ฉันก็ซื่อเกินไป ไปหาเขาที่บ้านเช่า ในเวลาเย็นแล้ว ก็เห็นเขาไม่สบายจริง ก็อยู่ดูแล สักพักอารมณ์พาไป เนื่องจากร้างเรื่องนี้มานานมาก เป็นอันว่า ไม่ได้กลับที่พักตัวเอง ในระหว่างที่นอนอยู่ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหลายสายมาก แต่ตั้งเป็นระบบสั่น มันสั่นทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าก็ยังสั่นอยู่ ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เขามาดูและจดเบอร์ไว้ ฉันไม่ได้ถามอะไรเขา และคิดว่าแค่คืนนี้ คืนเดียว จบ หลังจากฉันขับรถกลับที่พัก และไปทำงาน ฉันก็เลี่ยงที่จะติดต่อเขา ไม่โทรหา แต่เป็นเขาที่โทรหา แต่ก็ไม่บ่อย ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเราง่ายเอง อย่าเรียกร้อง สุดท้ายเขาก็หาเรื่องงาน มาคุยด้วย และแวะมาหาที่ทำงานเป็นประจำโดยอ้างเรื่องงาน เขาแสดงให้เห็นว่าสนใจฉันอยู่ไม่น้อย แต่ฉันไม่แสดงออกว่าสนใจเขา แต่มีบ้างที่ไปกับเขาทุกครั้งที่เขามารับไปค้างที่บ้านเขา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มักจะมีโทรศัพท์เข้ามาตอนกลางคืนเสมอ แต่เขาไม่รับ และไม่ใช่ดังครั้งเดียวมันดังจนรำคาญ สุดท้ายฉันตัดสินใจถามเขาว่า ถ้าคุณมีครอบครัว เราเลิกกันเถอะคือ เลิกมีอะไรกันและเป็นเพื่อนร่วมงานเหมือนเดิม แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่มีใคร จนกระทั่งเดือนถัดมา เขามารับฉันและบอกว่า เราไปค้างที่โรงแรมดีกว่านะ แต่ฉันไม่ยอม ยืนยันว่าจะค้างที่บ้าน ฉันถึงได้รู้ว่า เขามีอีกคนอยู่
ผู้หญิงคนนี้มาหาเขาที่บ้าน มาถึงก็ตรงเข้ามาหาฉันและถามฉันว่า พี่ชื่ออะไรค่ะ ฉันงง และ คง งง อยู่จนถามเขากลับไปว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาไม่ตอบลากกันออกไปถนน ไปคุยกัน ฉันเดินตามไปยืนดูเขาคุยกัน สักพักผู้หญิงกลับไป แต่ยังโทรกลับมาตลอดเวลา เขาก็ไม่รับ ฉันบอกเขาให้รับและคุยกับน้องเขา แต่เขาก็เฉย ฉันก็ไม่ทำอะไร นอนต่อ จนถึงเช้าและบอกตัดสัมพันธ์เขาไป แต่เขาก็ตื้อฉัน จนฉันใจอ่อนกลับมาคบกับเขาอีกครั้ง
ฉันก็ไม่ได้ถามถึงผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ทุกครั้งที่ไปกินข้าว ไปไหนก็ตาม โทรศัพท์เขาก็จะสั่นต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน จนถึงเช้าเลยล่ะ จนวันหนึ่งเขาบอก เขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด คงมารับไปทานข้าวไม่ได้ ฉันก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไรก็งานคุณนิ ติดต่อได้จนถึง 2 ทุ่ม คุยกันเสร็จก็ไม่คิดอะไร ประมาณ 4 ทุ่มก็จะโทรหาปกติ ปรากฏว่า ไม่รับ เป็นสิบสาย ฉันตัดสินใจโทรหา น้องผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกไม่ยอมรับว่าอยู่ด้วยกัน ฉันเองยังไม่ปรักใจมาก เลยบอกน้องเขาว่า พี่ไม่ซีเรียสนะ ถ้าน้องขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ พี่ยกให้ แต่ในเมื่อเลิกกันแล้ว ก็ให้มันแล้ว แต่ถ้าขาดไม่ได้พี่ยินดียกให้ และฝากบอกเขาด้วยว่า พี่ให้เวลา 10 นาทีถ้าไม่โทรกลับถือว่า ระหว่างพี่กับเขาจบกัน หลังจากวางสายแล้ว เขาโทรกลับมาอย่างไว บอกว่าแค่มาปลอบใจน้องเขา น้องเขาเสียใจมากที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง กวนไหมล่ะ เราเลยบอกว่า ให้โอกาสคุยกัน 2 ชั่วโมง ตี2 ไม่ถึงที่พัก ฉันกับคุณเลิกกัน ปรากฏว่ากลับมาอย่างไว นั้นแหล่ะวีรกรรม สามีสุดที่รักครั้งแรก และยังมีครั้งต่อไปนับไม่ถ้วน ฉันไม่เคยถามเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นของเขาเลยสักคน ไม่อยากรับรู้
แต่อย่างว่านะ ทุกครั้งที่มีเรื่องผู้หญิงคนใหม่เข้า มา ฉันไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ไม่ถามว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ไม่เล่าให้ใครฟังถึงวีรกรรมเขา บอกเขาว่า คุณป้องกันด้วย ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณจะไปทำอะไรทีไหน ฉันไม่สามารถตามคุณไปทุกที ถ้าคุณคิดว่ามีผู้หญิงคนไหนที่รักและดีต่อคุณ คุณก็ไป ฉันพูดจากใจจริงๆ เพราะตอนนั้น เราอาจมีอะไรกัน แต่ยังไม่แต่งงานกัน ฉันให้อิสระเขาในการเลือก ผ่านไป 3 ปีไวเหมือนโกหก ในเมื่อมันเจ็บจนชินแล้ว กับการนอกกายนอกใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จักพอ เราก็พอเอง หลังจากฉันถามเขาว่า คุณจะเอายังไงกับอนาคตเรา เขาบอกว่า เขาไม่สามารถแต่งงานกับฉันได้ เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านเขาได้ทาบทามผู้หญิงอีกคนที่เขาคบอยู่เกือบสิบปีแต่งแล้ว เงิบค่ะ หน้าชา ชามาก นิกูทำไรอยู่นิ อายุตอนนั้น 32 แล้วนะ ทำไมไม่ปล่อยฉันสักที ฉันเลยบอกเขาอย่างจริงจังว่า เราเลิกกันจริงๆเถอะน่ะ เลิกจริงๆนะ ไม่ใช่กลับมาหากันอีก ถึงฉันจะแก่แล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นน้อยใคร พอแล้วกับทุกอย่าง เขาเหมือนยอมถอยทุกครั้งที่มีปัญหาผู้หญิงคนอื่น แค่อาทิตย์เดียวก็มาง้อแล้ว แต่ครั้งนี้นานเป็นเดือน เขายังแวะเวียนมาหาทีทำงาน เพราะสัญญางานยังคงอยู่ แต่คุยกันเฉพาะเรื่องงาน ไม่ได้แสดงอาการอาลัยอาวรณ์เขาอยู่ เวลาผ่านไปได้สักเดือน เขามาหาที่ทำงานอีก ก็เรื่องงานอีกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้หลังคุยงานจบ เขาบอกว่า ผมเคลียร์ตัวผมแล้วนะ ผมเลิกเกเรแล้ว เรากลับมาเหมือนเดิมไหม ฉันทำหูทวนลมไม่ได้ยิน ทั้งที่จริงๆฉันรักเขานะ อยากจะบอกว่าฉันหายโกรธแล้ว แต่เล่นตัวไง ทำฉันเจ็บหนัก ต้องรับบทเรียนบ้าง หลังเลิกงาน เขาตามฉันไปที่บ้านพัก ยืนเกาะรั้วหน้าบ้าน ตะโกนให้ฉันออกมาคุย ฉันอายเพื่อนบ้านจนต้องออกมาคุยกับเขา เขาคุกเข่ากอดขาฉัน บอกว่า ขอโทษ ผมจะไม่เกเรอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะ ผมรักคุณ นั้นแหล่ะค่ะ คือการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวฉัน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ เขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี นอกจากงานประจำแล้ว เรายังทำธุรกิจส่วนตัวด้วย ฉันยอมรับว่า เขาเป็นคนมีความสามารถด้านการเจรจาเป็นอย่างมาก มีเพื่อนฝูงมากมายหลากหลายอาชีพ ไม่น่าเชื่อว่าเราแต่งงานแค่ สามปีกว่าๆ ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดีขึ้นจากก่อนแต่งมาก มีบ้าน มีรถเพิ่ม มีที่ทาง มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ทำงานหนัก เพื่อให้เรามีทัดเทียมคนอื่นเขา ฉันยอมรับก่อนแต่งงานกัน การเงินเขาด้อยกว่าฉัน บางเดือนต้องหยิบยืมเงินฉันใช้ แต่หลังแต่งงาน ฉันถึงรู้ว่า เขาสามารถหาเงินได้รอบตัวเลย ขยันมาก จนฉันทึ่ง และยอมรับกับตัวเองเสมอว่า โชคดีมากเลยที่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต เรื่องราวของฉันแค่อยากบอกว่า บางครั้งผู้ชายก็เจ้าชู้ตามประสา ถ้าเรารักผู้ชายเจ้าชู้แล้ว ก็จงเรียนรู้จะอยู่กับเขาอย่างไร ไม่ให้เสียใจมาก คนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะผิดซ้ำผิดซาก การอภัย บางครั้งอาจทำให้เราเจอสิ่งที่ดีก็ได้ ส่วนอนาคตเป็นเรื่องของอนาคต อย่าคาดหวังจนเกินไป เห็นหลายกระทู้แชร์เรื่อง แฟนเจ้าชู้ ฉันคิดว่า คนเจ้าชู้เขาก็มีหัวใจ เขาก็รักใครเป็นสักคนเหมือนกัน หากวันข้างหน้าเขาจะเปลี่ยนไปรักใครคนอื่นเราก็ต้องทำใจเป็นกำลังใจให้คนมีแฟนเจ้าชู้ทุกคนนะค่ะ
ฉันมีแฟนเจ้าชู้ ที่พัฒนามาเป็นสามีที่ดี
จนล่วงเลยผ่านมาสักหกเดือนที่ได้รู้จักกัน ช่วงเย็นเขาโทรหาบอกว่าไม่สบายอยู่บ้าน รบกวนซื้อยาให้หน่อย ฉันก็ซื่อเกินไป ไปหาเขาที่บ้านเช่า ในเวลาเย็นแล้ว ก็เห็นเขาไม่สบายจริง ก็อยู่ดูแล สักพักอารมณ์พาไป เนื่องจากร้างเรื่องนี้มานานมาก เป็นอันว่า ไม่ได้กลับที่พักตัวเอง ในระหว่างที่นอนอยู่ได้มีโทรศัพท์เข้ามาหลายสายมาก แต่ตั้งเป็นระบบสั่น มันสั่นทั้งคืน ตื่นมาตอนเช้าก็ยังสั่นอยู่ ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์เขามาดูและจดเบอร์ไว้ ฉันไม่ได้ถามอะไรเขา และคิดว่าแค่คืนนี้ คืนเดียว จบ หลังจากฉันขับรถกลับที่พัก และไปทำงาน ฉันก็เลี่ยงที่จะติดต่อเขา ไม่โทรหา แต่เป็นเขาที่โทรหา แต่ก็ไม่บ่อย ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะคิดว่าเราง่ายเอง อย่าเรียกร้อง สุดท้ายเขาก็หาเรื่องงาน มาคุยด้วย และแวะมาหาที่ทำงานเป็นประจำโดยอ้างเรื่องงาน เขาแสดงให้เห็นว่าสนใจฉันอยู่ไม่น้อย แต่ฉันไม่แสดงออกว่าสนใจเขา แต่มีบ้างที่ไปกับเขาทุกครั้งที่เขามารับไปค้างที่บ้านเขา ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน มักจะมีโทรศัพท์เข้ามาตอนกลางคืนเสมอ แต่เขาไม่รับ และไม่ใช่ดังครั้งเดียวมันดังจนรำคาญ สุดท้ายฉันตัดสินใจถามเขาว่า ถ้าคุณมีครอบครัว เราเลิกกันเถอะคือ เลิกมีอะไรกันและเป็นเพื่อนร่วมงานเหมือนเดิม แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่มีใคร จนกระทั่งเดือนถัดมา เขามารับฉันและบอกว่า เราไปค้างที่โรงแรมดีกว่านะ แต่ฉันไม่ยอม ยืนยันว่าจะค้างที่บ้าน ฉันถึงได้รู้ว่า เขามีอีกคนอยู่
ผู้หญิงคนนี้มาหาเขาที่บ้าน มาถึงก็ตรงเข้ามาหาฉันและถามฉันว่า พี่ชื่ออะไรค่ะ ฉันงง และ คง งง อยู่จนถามเขากลับไปว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร เขาไม่ตอบลากกันออกไปถนน ไปคุยกัน ฉันเดินตามไปยืนดูเขาคุยกัน สักพักผู้หญิงกลับไป แต่ยังโทรกลับมาตลอดเวลา เขาก็ไม่รับ ฉันบอกเขาให้รับและคุยกับน้องเขา แต่เขาก็เฉย ฉันก็ไม่ทำอะไร นอนต่อ จนถึงเช้าและบอกตัดสัมพันธ์เขาไป แต่เขาก็ตื้อฉัน จนฉันใจอ่อนกลับมาคบกับเขาอีกครั้ง
ฉันก็ไม่ได้ถามถึงผู้หญิงคนนั้นเลย แต่ทุกครั้งที่ไปกินข้าว ไปไหนก็ตาม โทรศัพท์เขาก็จะสั่นต่อเนื่องเป็นเวลายาวนาน จนถึงเช้าเลยล่ะ จนวันหนึ่งเขาบอก เขาต้องไปทำงานต่างจังหวัด คงมารับไปทานข้าวไม่ได้ ฉันก็โอเค ไม่ได้ว่าอะไรก็งานคุณนิ ติดต่อได้จนถึง 2 ทุ่ม คุยกันเสร็จก็ไม่คิดอะไร ประมาณ 4 ทุ่มก็จะโทรหาปกติ ปรากฏว่า ไม่รับ เป็นสิบสาย ฉันตัดสินใจโทรหา น้องผู้หญิงคนนั้น ตอนแรกไม่ยอมรับว่าอยู่ด้วยกัน ฉันเองยังไม่ปรักใจมาก เลยบอกน้องเขาว่า พี่ไม่ซีเรียสนะ ถ้าน้องขาดผู้ชายคนนี้ไม่ได้ พี่ยกให้ แต่ในเมื่อเลิกกันแล้ว ก็ให้มันแล้ว แต่ถ้าขาดไม่ได้พี่ยินดียกให้ และฝากบอกเขาด้วยว่า พี่ให้เวลา 10 นาทีถ้าไม่โทรกลับถือว่า ระหว่างพี่กับเขาจบกัน หลังจากวางสายแล้ว เขาโทรกลับมาอย่างไว บอกว่าแค่มาปลอบใจน้องเขา น้องเขาเสียใจมากที่เป็นฝ่ายถูกทิ้ง กวนไหมล่ะ เราเลยบอกว่า ให้โอกาสคุยกัน 2 ชั่วโมง ตี2 ไม่ถึงที่พัก ฉันกับคุณเลิกกัน ปรากฏว่ากลับมาอย่างไว นั้นแหล่ะวีรกรรม สามีสุดที่รักครั้งแรก และยังมีครั้งต่อไปนับไม่ถ้วน ฉันไม่เคยถามเรื่องเกี่ยวกับผู้หญิงคนอื่นของเขาเลยสักคน ไม่อยากรับรู้
แต่อย่างว่านะ ทุกครั้งที่มีเรื่องผู้หญิงคนใหม่เข้า มา ฉันไม่ร้องไห้ ไม่โวยวาย ไม่ถามว่าเธอคนนั้นเป็นใคร ไม่เล่าให้ใครฟังถึงวีรกรรมเขา บอกเขาว่า คุณป้องกันด้วย ฉันไม่รู้หรอกว่าคุณจะไปทำอะไรทีไหน ฉันไม่สามารถตามคุณไปทุกที ถ้าคุณคิดว่ามีผู้หญิงคนไหนที่รักและดีต่อคุณ คุณก็ไป ฉันพูดจากใจจริงๆ เพราะตอนนั้น เราอาจมีอะไรกัน แต่ยังไม่แต่งงานกัน ฉันให้อิสระเขาในการเลือก ผ่านไป 3 ปีไวเหมือนโกหก ในเมื่อมันเจ็บจนชินแล้ว กับการนอกกายนอกใจครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่รู้จักพอ เราก็พอเอง หลังจากฉันถามเขาว่า คุณจะเอายังไงกับอนาคตเรา เขาบอกว่า เขาไม่สามารถแต่งงานกับฉันได้ เพราะผู้ใหญ่ที่บ้านเขาได้ทาบทามผู้หญิงอีกคนที่เขาคบอยู่เกือบสิบปีแต่งแล้ว เงิบค่ะ หน้าชา ชามาก นิกูทำไรอยู่นิ อายุตอนนั้น 32 แล้วนะ ทำไมไม่ปล่อยฉันสักที ฉันเลยบอกเขาอย่างจริงจังว่า เราเลิกกันจริงๆเถอะน่ะ เลิกจริงๆนะ ไม่ใช่กลับมาหากันอีก ถึงฉันจะแก่แล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากเป็นน้อยใคร พอแล้วกับทุกอย่าง เขาเหมือนยอมถอยทุกครั้งที่มีปัญหาผู้หญิงคนอื่น แค่อาทิตย์เดียวก็มาง้อแล้ว แต่ครั้งนี้นานเป็นเดือน เขายังแวะเวียนมาหาทีทำงาน เพราะสัญญางานยังคงอยู่ แต่คุยกันเฉพาะเรื่องงาน ไม่ได้แสดงอาการอาลัยอาวรณ์เขาอยู่ เวลาผ่านไปได้สักเดือน เขามาหาที่ทำงานอีก ก็เรื่องงานอีกเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้หลังคุยงานจบ เขาบอกว่า ผมเคลียร์ตัวผมแล้วนะ ผมเลิกเกเรแล้ว เรากลับมาเหมือนเดิมไหม ฉันทำหูทวนลมไม่ได้ยิน ทั้งที่จริงๆฉันรักเขานะ อยากจะบอกว่าฉันหายโกรธแล้ว แต่เล่นตัวไง ทำฉันเจ็บหนัก ต้องรับบทเรียนบ้าง หลังเลิกงาน เขาตามฉันไปที่บ้านพัก ยืนเกาะรั้วหน้าบ้าน ตะโกนให้ฉันออกมาคุย ฉันอายเพื่อนบ้านจนต้องออกมาคุยกับเขา เขาคุกเข่ากอดขาฉัน บอกว่า ขอโทษ ผมจะไม่เกเรอีกแล้ว แต่งงานกับผมนะ ผมรักคุณ นั้นแหล่ะค่ะ คือการเริ่มต้นชีวิตครอบครัวฉัน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ เขาเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี นอกจากงานประจำแล้ว เรายังทำธุรกิจส่วนตัวด้วย ฉันยอมรับว่า เขาเป็นคนมีความสามารถด้านการเจรจาเป็นอย่างมาก มีเพื่อนฝูงมากมายหลากหลายอาชีพ ไม่น่าเชื่อว่าเราแต่งงานแค่ สามปีกว่าๆ ชีวิตฉันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ดีขึ้นจากก่อนแต่งมาก มีบ้าน มีรถเพิ่ม มีที่ทาง มีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวที่ดี ทำงานหนัก เพื่อให้เรามีทัดเทียมคนอื่นเขา ฉันยอมรับก่อนแต่งงานกัน การเงินเขาด้อยกว่าฉัน บางเดือนต้องหยิบยืมเงินฉันใช้ แต่หลังแต่งงาน ฉันถึงรู้ว่า เขาสามารถหาเงินได้รอบตัวเลย ขยันมาก จนฉันทึ่ง และยอมรับกับตัวเองเสมอว่า โชคดีมากเลยที่เลือกเขาเป็นคู่ชีวิต เรื่องราวของฉันแค่อยากบอกว่า บางครั้งผู้ชายก็เจ้าชู้ตามประสา ถ้าเรารักผู้ชายเจ้าชู้แล้ว ก็จงเรียนรู้จะอยู่กับเขาอย่างไร ไม่ให้เสียใจมาก คนเราเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ว่าจะผิดซ้ำผิดซาก การอภัย บางครั้งอาจทำให้เราเจอสิ่งที่ดีก็ได้ ส่วนอนาคตเป็นเรื่องของอนาคต อย่าคาดหวังจนเกินไป เห็นหลายกระทู้แชร์เรื่อง แฟนเจ้าชู้ ฉันคิดว่า คนเจ้าชู้เขาก็มีหัวใจ เขาก็รักใครเป็นสักคนเหมือนกัน หากวันข้างหน้าเขาจะเปลี่ยนไปรักใครคนอื่นเราก็ต้องทำใจเป็นกำลังใจให้คนมีแฟนเจ้าชู้ทุกคนนะค่ะ