ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่า ไม่ได้จะเขียนเพื่อสปอยล์ แต่ต้องการเล่าถึงความรู้สึกต่อเนื้อหาของเรื่องเท่านั้น ดังนั้นแล้วถ้าท่านใดยังไม่ได้ชมแล้วจะอ่านกระทู้นี้ก่อน ผมก็จะซ่อนเนื้อความบางส่วนไว้เพื่อไม่ให้ท่านเสียอรรถรสตอนไปดู แต่เนื้อความหลักๆ ก็อาจจะทำให้พอเดาเรื่อง เดาฉากกันได้
นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปดูหนังโรง จนเมื่อวันที่ อังคารที่ 16 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา พอดีต้องไปซื้อของที่ร้านศึกษาภัณฑ์ใกล้ท้องฟ้าจำลอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Major Cineplex เอกมัย ก็เลยวางแผนก่อนออกจากบ้านว่าจะแวะไปดูหนังต่อ จะออกจากบ้านประมาณบ่ายๆ ก็เลยหาหนังรอบประมาณบ่ายโมง-บ่ายสอง ก็เจอเรื่อง Exodus Gods and Kings ระบบ 3 มิติดูโปสเตอร์หนังแล้วก็น่าสนใจดี แค่ชื่อหนังก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับโมเสสของชาวยิว แต่สิ่งที่ผมอยากไปดูคือการถ่ายทอดเรื่องราวมากกว่าก็จึงตกลง "เอาเรื่องนี้แหละ"
สำหรับตัวเรื่องตอนแรกคาดว่าจะเริ่มที่ตั้งแต่โมเสสเป็นเด็กอยู่ในตะกร้าลอยน้ำมาแต่ปรากฏว่าไม่...เริ่มมาที่ตอนโตแล้วเป็นแม่ทัพคู่บัลลังก์ฟาโรห์และเป็นสหายเคียงบ่าเคียงไหล่ในสนามรบร่วมกับราเมเสสโอรสของฟาโรห์ และทั้งสองก็ถูกเลี้ยงดูร่วมกันมาอย่างพี่น้อง
ตอนต้นเรื่อง ณ เมืองเมมฟิสมีสงครามมาประชิด ก่อนสองสหายศึกจะออกสงครามก็มีการทำพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อทำนายชัยชนะของกองทัพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ การทำนายคือผ่าเอาไส้นกออกมาดู คำทำนายไม่ปรากฏชัดว่าใครชนะ โมเสสกับราเมเสสก็แซวกันใหญ่ว่าไส้นกมันเขียนบอกไว้หรือไง แล้วก็หัวเราะมองเป็นเรื่องงมงาย แม่หมอบอกว่าแต่มีคำทำนายแฝงคือ แม่ทัพจะถูกช่วยและผู้ที่ช่วยจะกลายมาเป็นผู้นำ ทั้งโมเสสและราเมเสสเห็นเป็นเรื่องงมงาย เอาไปคุยกันต่อว่าไม่รู้ฟาโรห์จะเก็บหมอดูไว้ทำไม ถ้าราเมเสสครองราชย์เมื่อไรจะปลดออกก่อนเลย แต่สุดท้ายราเมเสสก็สั่งไว้ว่าในสนามรบห้ามโมเสสเข้ามาช่วยในยามขับขัน ตรงนี้ผมรู้สึกแปลกใจดี เพราะตามปกติสมัยนั้นโดยเฉพาะในอียิปต์เรื่องเทพเจ้า,คำทำนาย ย่อมเป็นที่เชื่อถือและศรัทธาโดยเฉพาะต่อราชวงศ์ ชนชั้นสูง แต่ในหนังสร้างให้โมเสสและราเมเสสเห็นเป็นเรื่องงมงายน่าขบขัน (หรือตามประวัติศาสตร์จะเป็นเช่นนั้นผมก็ไม่ทราบ) ซึ่งจะได้เห็นประเด็นที่ผมแปลกใจในอีกหลายๆ ตอน
สำหรับการดูแบบ 3 มิติ ฉากสงครามก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจดี ฝุ่นคลุ้ง ห่าฝนธนู รถม้ากระเด็น ทำให้รู้สึกได้อารมณ์เหมือนนั่งดูอยู่กลางสนามรบจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ซึ่งตามคาดก็คือ ราเมเสสเกือบตายเพราะข้าศึกควบรถม้าเข้าหา แต่โมเสสก็ช่วยไว้ได้ และหลังจากช่วยแล้วนั้นเอง ราเมเสสก็มีท่าทีแปลกๆ เหมือนจะเล็งหอกใส่โมเสส แต่สุดท้ายก็เหมือนจะไม่ใช่ สรุปคือพากันเอาชัยชนะกลับมาฝากฟาโรห์ ฟาโรห์ก็รู้ว่าโมเสสช่วยราเมเสสและเปรยๆ กับโมเสสตามลำพังว่าโมเสสมีความสามารถที่จะปกครองมากกว่า เรื่องในช่วงสงครามนี้ทำให้เห็นความยืนหยัดต่อสู้กับธรรมชาติของผู้ที่อาศัยในแถบทะเลทราย สนามรบก็คือพื้นที่โล่งกว้างแห้งแล้ง ไม่มีต้นไม้ ที่ว่ากว้างคือกว้างมากจริงๆ แดดส่องเปรี้ยงๆ

การที่คนในดินแดนแถบนั้นสามารถสร้างบ้านสร้างเมือง อาศัยอยู่ได้นับว่าเป็นความสู้จริงๆ ของมนุษย์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ

สภาพพระราชวังฟาโรห์ทำให้เราเห็นการสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ พระราชวังใหญ่โตโอ่อ่าและช่องว่างทางเปิดโล่งต่างๆ ก็ใหญ่ตามไปด้วย คาดว่าเพื่อให้ลมพัดผ่านได้ทั่วระบายความร้อนได้ดี
การแต่งกายของตัวละครในเรื่องทำให้เข้าใจภาพวาดของชาวอียิปต์ที่เคยเห็นมามากขึ้น เครื่องแต่งกายที่ประดับให้ดูมียศ ดูน่าเกรงขามก็วัสดุธรรมชาติย้อมสีพับๆ จับๆ เข้ารูปดีๆ นี่เอง
โดยรวมแล้วกล่าวคือถ้าคนสนใจประวัติศาสตร์ไปดูก็จะได้เห็นวิถีชีวิต การแต่งกาย วัฒนธรรม ความเชื่อได้ค่อนข้างถูกต้องได้กลิ่นอายอียิปต์ท่ามกลางทะเลทรายจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เรื่องดำเนินมาต่อที่ฟาโรห์ให้ราเมเสสไปตรวจเมืองที่กำลังก่อสร้างพีระมิด ผมจำชื่อเมืองไม่ได้แล้ว ซึ่งดูแล้วระดับโอรสฟาโรห์งานดูดูท่าจะไม่สมพระเกียรติ โมเสสเลยมาขอราเมเสสว่าจะไปแทน และเราก็ได้เห็นฉากราเมเสสเลี้ยงงูเอามาอุ้ม กอดแนบกายแบบรักมากๆ เหมือนอุ้มแมวมากอดยังไงยังงั้น เขาเลี้ยงงูไว้ในโถ(เอ้ะ หรืออ่าง) ใบใหญ่ๆ กว้างๆ มีจุดกองไฟเล็กๆ ให้ความอบอุ่นแก่งูด้วย ท้ายสุดคือโมเสสไป แต่เราก็ได้เห็นฉากราเมเสสรีดพิษงูออกมาใส่แก้ว บอกว่าต้องเอามากินไว้ จะได้มีภูมิคุ้มกันพิษงู รวมทั้งพิษพ่อตัวเองด้วย ฟังดูยังไง ชอบกลๆ
โมเสสได้ไปตรวจเมืองที่ทาสถูกเร่งใช้งานหนักเพื่อการก่อสร้างพีระมิด โมเสสแสดงความห่วงใยต่อทาสตั้งแต่ไปถึง ทาสคนนึงถูกรัวเฆี่ยนตีไม่หยุด เขาเข้าไปถามนายทหารทีเฆี่ยนว่าจะตีไปทำไมนักหนา นายทหารบอกว่ามันไม่เคยเจ็บ โมเสสก็ว่าแล้วจะตีไปทำไม โมเสสพบอุปราชซึ่งเป็นเจ้าเมืองคุยเรื่องานการบริหารเมืองและเรื่องที่มีแนวโน้มว่าพวกทาสจะรวมตัวกันต่อต้าน ก่อจลาจล ว่าง่ายๆ คือโมเสสต้องเข้ามาช่วยดู+เคลียร์สถานการณ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ในเรื่องโมเสสตำหนิอุปราชว่าอยู่กินแบบหรูหราเกินไป ทำตัวเหนือคนอื่นอย่างเกินพอดี ทำตัวเหมือนราชาทั้งที่ไม่ใช่ และจะรายงานไปยังฟาโรห์ โมเสสเรียกพบผู้เฒ่าของชาวฮิบรู คุยไปคุยมาผู้เฒ่าคนนึงก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่านี่คือคนที่พระเจ้าส่งมาช่วย
จุดที่พีค(จุดนึง)สำหรับผมคือการสะท้อนสภาพความลำบากของทาสที่เป็นชาวฮิบรู ซึ่งตัวหนังทำให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ละชีวิตของทาสเพื่อเร้าอารมณ์เราให้เข้าใจเหตุผลของการที่โมเสสพาชาวฮิบรูหนีมาจากอียิปต์ ยิ่งถ้าคนอารมณ์อ่อนไหวดูแล้วคงเข้าใจความรู้สึกได้มากทีเดียว ถ้าวัดด้วยบรรทัดฐานความเท่าเทียมกันของมนุษย์แล้วละก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายมากจริงๆ และโมเสสก็ใช้บรรทัดฐานนั้นกับความคิดของเขา

หาภาพประกอบได้เท่านี้ ดูหนังเองแล้วจะเห็นเองครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชีวิตทาสและการทำงานที่มีแส้ฟาดกับบาดแผลตามตัวทุกวัน
ก่อนกลับเมืองผู้เฒ่านัดพบโมเสสและเล่าที่มาของโมเสสให้ฟัง ให้รู้ว่าจริงๆ แล้วโมเสสเป็นชนชาติใด โมเสสก็ไม่เชื่อหรอกครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แต่ตอนกลับออกมาแกดันใส่ผ้าคลุมกากๆ ออกมาเหมือนคนธรรมดา มีทหาร 2 คนมาเห็นเข้าคิดว่าทาสก็ตะโดนเรียก เห้ย! เจ้าทาส โมเสสกก็ของขึ้นสิครับ ฆ่าทิ้งไปเลยทั้ง 2 คน แล้วกลับเมืองหลวง กลับมาก็เจอว่าฟาโรห์ป่วย และด้วยความไวของการเดินเรื่องตัดฉากปุ้บ ราเมเสสขึ้นครองราชย์แล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ยิ่งทำให้ผมมั่นใจนะเนี่ยว่าราเมเสสวางยาพ่อตัวเองแน่เลย)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พอมีฟาโรห์องค์ใหม่อีตาอุปราชก็เข้ามาหาทันที (มีความผิดติดตัวอยู่นะนั่น ตอนนั้นโมเสสเอามาฟ้องฟาโรห์แล้ว) แล้วก็มาบอกว่าได้ยินเรื่องเกี่ยวกับชาติกำเนิดของโมเสส (นี่มายุให้รำตำให้รั่วชัดๆ) และแน่นอนว่าฟาโรห์ราเมเสสก็ต้องระแคะระคายรู้สึกอะไรขึ้นมา
ราเมเสสเริ่มระแคะคายเรื่องชาติกำเนิดของโมเสสเลยอยากรู้ความจริงๆ เรียกธิดาฟาโรห์องค์ก่อนที่เลี้ยงโมเสสมา พร้อมนางกำนัลมีเรียน (พี่สาวโมเสสที่พาโมเสสมาพบพระธิดาเมื่อตอนกระโน้น) เอามาเค้นนั้นเองว่ายังไงกันแน่ทุกคนปฏิเสธ ไม่จริ๊งไม่จริง จนกระทั่งราเมเสสให้มีเรียนวางแขนบนโต้ะ ชักดาบออกมา ขออภัยอย่างสุภาพบุรษก่อน เป็นนัยๆ ว่าชั้นตัดแขนแกแน่ถ้าไม่พูดความจริง มีเรียนก็ปฏิเสธอยู่แล้ว ราเมเสสก็จะฟันแขนและแล้วโมเสสก็ชักดาบออกมารับไว้ทัน แล้วบอกว่าจริง เลยโดนเนรเทศกันหมดเลยทีนี้
เนื้อเรื่องระหว่างนั้นเป็นต้นมาผมไม่พูดถึงดีกว่า จะมาเริ่มตรงทีโมเสสเริ่มจะช่วยทาสแล้ว เพราะหนังให้เวลากับช่วงนี้เยอะมาก ยาวมาก ยืดมาก เอาให้คนดูแบบนั่งลุ้นตาม จะปล่อยทาสหรือยังๆ ปล่อยทาสไปเหอะๆ อียิปต์โดนเยอะแล้ว
โมเสสมามีครอบครัวแฮปปี้ดี ผมชอบมากฉากที่โมเสสแต่งงาน ก่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะมีอะไรกัน ก็มีการพูดแบบขอด้วยนะ เจ้าสาวจะถามว่า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับท่าน ใครที่ท่านรักมากที่สุด ท่านจะทิ้งข้าเมื่อไร เจ้าบ่าวก็จะตอบว่าเจ้าไง เจ้าไง ไม่มีวัน แล้วเจ้าสาวก็จะบอว่า งั้นเชิญท่าน มันดูเป็นอะไรที่น่าประทับใจนะผมว่าสองคนมีสิทธิ์จะอะไรๆ กันได้ตามความต้องการเต็มที่ แต่การโต้ตอบกันลักษณะนี้มันทำให้เราเห็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน การแสดงความรักของเจ้าบ่าว เจ้าสาว และฉากอย่างว่าก็ไม่มี พอบอกเชิญท่านก็จูบกันแล้วตัดฉากไปวันรุ่งขึ้นทันที
เวลาผ่านไปจนมีลูก และวันหนึ่งโมเสสเล่นโยนหินลงขันน้ำกะลูกชาย แล้วคุยกันถึงเขาลูกหนึ่งที่ภรรยาโมเสสบอกลูกว่าห้ามขึ้นเพราะเป็นเขาของพระเจ้า โมเสสก็พูดกับลูกประมาณว่า พระเจ้ามีสิทธิ์มากำหนดมาห้ามมนุษย์ไม่ให้ขึ้นเข้าอย่างนั้นเหรอ งั้นมนุษย์ก็ขึ้นเขาไม่ได้เลยละสิ ภรรยาก็รู้มาบอกกับโมเสสประมาณว่าทำให้ศรัทธาที่ลูกมีต่อพระเจ้าสั่นคลอนจะไม่ให้ลูกโตมาแบบศรัทธา ยึดมั่นในพระเจ้าหรือ
โมเสสก็บอกว่า ก็ศรัทธาในตัวเอง เชื่อในตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ตอนนั้นผมก็ยิ้มเลย นี่หนังอิงเรื่องทางศาสนา โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระเจ้าแต่ในตัวหนังเองกับทำให้ตัวเอกที่พระเจ้าเลือกเป็นคนที่เชื่อในการกระทำ การเลือก และการดำเนินชีวิตของมนุษย์เองซะอย่างนั้น หนังเรื่องนี้ชักมีอะไรน่าสนใจขึ้นมากแล้วล่ะสิ
ต่อมาวันหนึ่งฝนตกหนักโมเสสไปตามแกะที่วิ่งหนีขึ้นเขา ตามไปตามมาโคลน ดิน หินถล่มใส่โมเสสครับฟื้นมาอีกทีนอนจมในกองโคลนท่วมตัว ขาหักขยับไม่ได้ และตอนนี้เองที่โมเสสได้พบพระเจ้า ผมชอบที่เรื่องนี้พระเจ้าปรากฏในรูปของเด็กชายไม่ใช่เป็นแสง หรือเป็นชายวัยกลางคน-ชราที่มาพร้อมกับเคราและผมยาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เด็กชายเดินมา โมเสสขอให้ช่วย เด็กชายถามว่าเป็นใคร โมเสสตอบว่าคนเลี้ยงแกะ เด็กชายย้อนกลับว่าไม่ใช่แม่ทัพหรอ คุยไปคุยมาก็เริ่มใบ้ๆ แหละครับว่านี่พระเจ้านะเห้ย เด็กชายบอกประมาณว่าโมเสสรู้ดี และ I want a general ฉันอยากได้แม้ทัพ โมเสสถามว่าเอาไปทำไม เด็กชายตอบว่าเอาไปช่วยคนของเขา และบอกว่าโมเสสรู้ดีและในใจโมเสสลึกๆ ก็อยากช่วยคนเหล่านั้นเหมือนกัน เมื่อโมเสสถามอีกทีว่าเป็นใครกันแน่ก็ได้คำตอบว่า I am แบบฉันเองแหละ แล้วก็หายไป โมเสสฟื้นอีกทีเจอภรรยาก็พูดถึงแต่เจอเด็กชายๆ เจอพระเจ้าภรรยากลับไม่เชื่อคิดว่าโมเสสหัวกระแทกเลยเห็นภาพไปเอง แต่ ณ ตอนนั้นโมเสสตั้งใจแล้วว่าจะต้องไปช่วยทาสชาวฮิบรู พอหายดีก็เริ่มเตรียมของเตรียมอาวุธจะไป ภรรยาก็ไม่อยากให้ไปตำหนิประมาณว่าพระเจ้าแบบไหนกันให้ทิ้งลูกทิ้งเมีย สุดท้ายโมเสสก็ตัดใจไป ตอนลาลูกไปนี่แบบได้อารมณ์มากพอลาลูก บอกว่าไปแล้วจะกลับ ตัวลูกก็กลัวพ่อไม่กลับอาการเด็กแบบรู้ว่าพ่อจะไปนานไปไกลแล้วพยายามสะกดอารมณ์ไว้เห็นได้จากลูกโมเสสเลย ไม่มองหน้าพ่อ แต่แววตาจะร้องไห้อยู่แล้ว ได้มุมของหนังชีวิตไปอีกแบบ ตัวเอกที่พระเจ้าเลือกนี่ต้องมีปัญหากับครอบครัวจริงๆ เหมือนเรื่อง Noah เลย
เดี๋ยวมีต่อครับ ยาว 5555
[CR] Exodus Gods and Kings : มิติใหม่ของหนังอิงศาสนา
นานแล้วที่ผมไม่ได้ไปดูหนังโรง จนเมื่อวันที่ อังคารที่ 16 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา พอดีต้องไปซื้อของที่ร้านศึกษาภัณฑ์ใกล้ท้องฟ้าจำลอง ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับ Major Cineplex เอกมัย ก็เลยวางแผนก่อนออกจากบ้านว่าจะแวะไปดูหนังต่อ จะออกจากบ้านประมาณบ่ายๆ ก็เลยหาหนังรอบประมาณบ่ายโมง-บ่ายสอง ก็เจอเรื่อง Exodus Gods and Kings ระบบ 3 มิติดูโปสเตอร์หนังแล้วก็น่าสนใจดี แค่ชื่อหนังก็รู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับโมเสสของชาวยิว แต่สิ่งที่ผมอยากไปดูคือการถ่ายทอดเรื่องราวมากกว่าก็จึงตกลง "เอาเรื่องนี้แหละ"
สำหรับตัวเรื่องตอนแรกคาดว่าจะเริ่มที่ตั้งแต่โมเสสเป็นเด็กอยู่ในตะกร้าลอยน้ำมาแต่ปรากฏว่าไม่...เริ่มมาที่ตอนโตแล้วเป็นแม่ทัพคู่บัลลังก์ฟาโรห์และเป็นสหายเคียงบ่าเคียงไหล่ในสนามรบร่วมกับราเมเสสโอรสของฟาโรห์ และทั้งสองก็ถูกเลี้ยงดูร่วมกันมาอย่างพี่น้อง
ตอนต้นเรื่อง ณ เมืองเมมฟิสมีสงครามมาประชิด ก่อนสองสหายศึกจะออกสงครามก็มีการทำพิธีทางไสยศาสตร์เพื่อทำนายชัยชนะของกองทัพ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ ตรงนี้ผมรู้สึกแปลกใจดี เพราะตามปกติสมัยนั้นโดยเฉพาะในอียิปต์เรื่องเทพเจ้า,คำทำนาย ย่อมเป็นที่เชื่อถือและศรัทธาโดยเฉพาะต่อราชวงศ์ ชนชั้นสูง แต่ในหนังสร้างให้โมเสสและราเมเสสเห็นเป็นเรื่องงมงายน่าขบขัน (หรือตามประวัติศาสตร์จะเป็นเช่นนั้นผมก็ไม่ทราบ) ซึ่งจะได้เห็นประเด็นที่ผมแปลกใจในอีกหลายๆ ตอน
สำหรับการดูแบบ 3 มิติ ฉากสงครามก็ทำให้ผมรู้สึกประทับใจดี ฝุ่นคลุ้ง ห่าฝนธนู รถม้ากระเด็น ทำให้รู้สึกได้อารมณ์เหมือนนั่งดูอยู่กลางสนามรบจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เรื่องในช่วงสงครามนี้ทำให้เห็นความยืนหยัดต่อสู้กับธรรมชาติของผู้ที่อาศัยในแถบทะเลทราย สนามรบก็คือพื้นที่โล่งกว้างแห้งแล้ง ไม่มีต้นไม้ ที่ว่ากว้างคือกว้างมากจริงๆ แดดส่องเปรี้ยงๆ
การที่คนในดินแดนแถบนั้นสามารถสร้างบ้านสร้างเมือง อาศัยอยู่ได้นับว่าเป็นความสู้จริงๆ ของมนุษย์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อสภาพภูมิประเทศและภูมิอากาศ
สภาพพระราชวังฟาโรห์ทำให้เราเห็นการสร้างที่อยู่อาศัยของมนุษย์ให้สอดคล้องกับธรรมชาติ พระราชวังใหญ่โตโอ่อ่าและช่องว่างทางเปิดโล่งต่างๆ ก็ใหญ่ตามไปด้วย คาดว่าเพื่อให้ลมพัดผ่านได้ทั่วระบายความร้อนได้ดี
การแต่งกายของตัวละครในเรื่องทำให้เข้าใจภาพวาดของชาวอียิปต์ที่เคยเห็นมามากขึ้น เครื่องแต่งกายที่ประดับให้ดูมียศ ดูน่าเกรงขามก็วัสดุธรรมชาติย้อมสีพับๆ จับๆ เข้ารูปดีๆ นี่เอง
โดยรวมแล้วกล่าวคือถ้าคนสนใจประวัติศาสตร์ไปดูก็จะได้เห็นวิถีชีวิต การแต่งกาย วัฒนธรรม ความเชื่อได้ค่อนข้างถูกต้องได้กลิ่นอายอียิปต์ท่ามกลางทะเลทรายจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
โมเสสได้ไปตรวจเมืองที่ทาสถูกเร่งใช้งานหนักเพื่อการก่อสร้างพีระมิด โมเสสแสดงความห่วงใยต่อทาสตั้งแต่ไปถึง ทาสคนนึงถูกรัวเฆี่ยนตีไม่หยุด เขาเข้าไปถามนายทหารทีเฆี่ยนว่าจะตีไปทำไมนักหนา นายทหารบอกว่ามันไม่เคยเจ็บ โมเสสก็ว่าแล้วจะตีไปทำไม โมเสสพบอุปราชซึ่งเป็นเจ้าเมืองคุยเรื่องานการบริหารเมืองและเรื่องที่มีแนวโน้มว่าพวกทาสจะรวมตัวกันต่อต้าน ก่อจลาจล ว่าง่ายๆ คือโมเสสต้องเข้ามาช่วยดู+เคลียร์สถานการณ์
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โมเสสเรียกพบผู้เฒ่าของชาวฮิบรู คุยไปคุยมาผู้เฒ่าคนนึงก็ดูเหมือนจะรู้แล้วว่านี่คือคนที่พระเจ้าส่งมาช่วย
จุดที่พีค(จุดนึง)สำหรับผมคือการสะท้อนสภาพความลำบากของทาสที่เป็นชาวฮิบรู ซึ่งตัวหนังทำให้เห็นสภาพความเป็นอยู่ละชีวิตของทาสเพื่อเร้าอารมณ์เราให้เข้าใจเหตุผลของการที่โมเสสพาชาวฮิบรูหนีมาจากอียิปต์ ยิ่งถ้าคนอารมณ์อ่อนไหวดูแล้วคงเข้าใจความรู้สึกได้มากทีเดียว ถ้าวัดด้วยบรรทัดฐานความเท่าเทียมกันของมนุษย์แล้วละก็เป็นเรื่องที่โหดร้ายมากจริงๆ และโมเสสก็ใช้บรรทัดฐานนั้นกับความคิดของเขา
หาภาพประกอบได้เท่านี้ ดูหนังเองแล้วจะเห็นเองครับว่าเป็นอย่างไรบ้าง ชีวิตทาสและการทำงานที่มีแส้ฟาดกับบาดแผลตามตัวทุกวัน
ก่อนกลับเมืองผู้เฒ่านัดพบโมเสสและเล่าที่มาของโมเสสให้ฟัง ให้รู้ว่าจริงๆ แล้วโมเสสเป็นชนชาติใด โมเสสก็ไม่เชื่อหรอกครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ แล้วกลับเมืองหลวง กลับมาก็เจอว่าฟาโรห์ป่วย และด้วยความไวของการเดินเรื่องตัดฉากปุ้บ ราเมเสสขึ้นครองราชย์แล้ว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ราเมเสสเริ่มระแคะคายเรื่องชาติกำเนิดของโมเสสเลยอยากรู้ความจริงๆ เรียกธิดาฟาโรห์องค์ก่อนที่เลี้ยงโมเสสมา พร้อมนางกำนัลมีเรียน (พี่สาวโมเสสที่พาโมเสสมาพบพระธิดาเมื่อตอนกระโน้น) เอามาเค้นนั้นเองว่ายังไงกันแน่ทุกคนปฏิเสธ ไม่จริ๊งไม่จริง จนกระทั่งราเมเสสให้มีเรียนวางแขนบนโต้ะ ชักดาบออกมา ขออภัยอย่างสุภาพบุรษก่อน เป็นนัยๆ ว่าชั้นตัดแขนแกแน่ถ้าไม่พูดความจริง มีเรียนก็ปฏิเสธอยู่แล้ว ราเมเสสก็จะฟันแขนและแล้วโมเสสก็ชักดาบออกมารับไว้ทัน แล้วบอกว่าจริง เลยโดนเนรเทศกันหมดเลยทีนี้
เนื้อเรื่องระหว่างนั้นเป็นต้นมาผมไม่พูดถึงดีกว่า จะมาเริ่มตรงทีโมเสสเริ่มจะช่วยทาสแล้ว เพราะหนังให้เวลากับช่วงนี้เยอะมาก ยาวมาก ยืดมาก เอาให้คนดูแบบนั่งลุ้นตาม จะปล่อยทาสหรือยังๆ ปล่อยทาสไปเหอะๆ อียิปต์โดนเยอะแล้ว
โมเสสมามีครอบครัวแฮปปี้ดี ผมชอบมากฉากที่โมเสสแต่งงาน ก่อนเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะมีอะไรกัน ก็มีการพูดแบบขอด้วยนะ เจ้าสาวจะถามว่า อะไรสำคัญที่สุดสำหรับท่าน ใครที่ท่านรักมากที่สุด ท่านจะทิ้งข้าเมื่อไร เจ้าบ่าวก็จะตอบว่าเจ้าไง เจ้าไง ไม่มีวัน แล้วเจ้าสาวก็จะบอว่า งั้นเชิญท่าน มันดูเป็นอะไรที่น่าประทับใจนะผมว่าสองคนมีสิทธิ์จะอะไรๆ กันได้ตามความต้องการเต็มที่ แต่การโต้ตอบกันลักษณะนี้มันทำให้เราเห็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน การแสดงความรักของเจ้าบ่าว เจ้าสาว และฉากอย่างว่าก็ไม่มี พอบอกเชิญท่านก็จูบกันแล้วตัดฉากไปวันรุ่งขึ้นทันที
เวลาผ่านไปจนมีลูก และวันหนึ่งโมเสสเล่นโยนหินลงขันน้ำกะลูกชาย แล้วคุยกันถึงเขาลูกหนึ่งที่ภรรยาโมเสสบอกลูกว่าห้ามขึ้นเพราะเป็นเขาของพระเจ้า โมเสสก็พูดกับลูกประมาณว่า พระเจ้ามีสิทธิ์มากำหนดมาห้ามมนุษย์ไม่ให้ขึ้นเข้าอย่างนั้นเหรอ งั้นมนุษย์ก็ขึ้นเขาไม่ได้เลยละสิ ภรรยาก็รู้มาบอกกับโมเสสประมาณว่าทำให้ศรัทธาที่ลูกมีต่อพระเจ้าสั่นคลอนจะไม่ให้ลูกโตมาแบบศรัทธา ยึดมั่นในพระเจ้าหรือ
โมเสสก็บอกว่า ก็ศรัทธาในตัวเอง เชื่อในตัวเองไม่ดีกว่าหรือ ตอนนั้นผมก็ยิ้มเลย นี่หนังอิงเรื่องทางศาสนา โดยเฉพาะเกี่ยวกับพระเจ้าแต่ในตัวหนังเองกับทำให้ตัวเอกที่พระเจ้าเลือกเป็นคนที่เชื่อในการกระทำ การเลือก และการดำเนินชีวิตของมนุษย์เองซะอย่างนั้น หนังเรื่องนี้ชักมีอะไรน่าสนใจขึ้นมากแล้วล่ะสิ
ต่อมาวันหนึ่งฝนตกหนักโมเสสไปตามแกะที่วิ่งหนีขึ้นเขา ตามไปตามมาโคลน ดิน หินถล่มใส่โมเสสครับฟื้นมาอีกทีนอนจมในกองโคลนท่วมตัว ขาหักขยับไม่ได้ และตอนนี้เองที่โมเสสได้พบพระเจ้า ผมชอบที่เรื่องนี้พระเจ้าปรากฏในรูปของเด็กชายไม่ใช่เป็นแสง หรือเป็นชายวัยกลางคน-ชราที่มาพร้อมกับเคราและผมยาว [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ โมเสสฟื้นอีกทีเจอภรรยาก็พูดถึงแต่เจอเด็กชายๆ เจอพระเจ้าภรรยากลับไม่เชื่อคิดว่าโมเสสหัวกระแทกเลยเห็นภาพไปเอง แต่ ณ ตอนนั้นโมเสสตั้งใจแล้วว่าจะต้องไปช่วยทาสชาวฮิบรู พอหายดีก็เริ่มเตรียมของเตรียมอาวุธจะไป ภรรยาก็ไม่อยากให้ไปตำหนิประมาณว่าพระเจ้าแบบไหนกันให้ทิ้งลูกทิ้งเมีย สุดท้ายโมเสสก็ตัดใจไป ตอนลาลูกไปนี่แบบได้อารมณ์มากพอลาลูก บอกว่าไปแล้วจะกลับ ตัวลูกก็กลัวพ่อไม่กลับอาการเด็กแบบรู้ว่าพ่อจะไปนานไปไกลแล้วพยายามสะกดอารมณ์ไว้เห็นได้จากลูกโมเสสเลย ไม่มองหน้าพ่อ แต่แววตาจะร้องไห้อยู่แล้ว ได้มุมของหนังชีวิตไปอีกแบบ ตัวเอกที่พระเจ้าเลือกนี่ต้องมีปัญหากับครอบครัวจริงๆ เหมือนเรื่อง Noah เลย
เดี๋ยวมีต่อครับ ยาว 5555