สวัสดีครับ
พอดีเข้ามาอ่านเรื่องผีๆใน pantip แล้วมานึกขึ้นได้ถึงเรื่องราววันแห่งความสนุกคืนแห่งความหลอน เรื่องจริงๆจากประสบการณ์ตัวผมและภรรยาผมเลยครับ เรื่องนี้กิดขึ้นที่จังหวัดประจวบฯ ครับ เรื่องนี้ผ่านมา 5-6 ปี เห็นจะได้ ในวันหนึ่งที่หนีปัญหาส่วนตัวเพื่อไปพักผ่อนกันสองคน
ขับรถออกจากบ้านก็เป็นช่วงบ่ายๆ บนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงใต้สู่ตัวเมือง ของจังหวัดประจวบฯ ใช้เวลาเพียงไม่นานเพราะเราอยู่แค่ต่างอำเภอครับ พอถึงตัวเมือง ประมาณบ่าย 3-4 โมง ผมก็ขับบนถนนเลียบชายทะเล วิวสวยมากๆครับ ขับไปเรื่อยๆหาที่พักเหมาะๆ บรรยากาศเงียบสงบเพลินๆสบายมองเกลียวคลื่นกับหาดทรายขาวๆสลับกันไปกับต้นสนริมหาด บรรยากาศแบบว่า มันสบายมากๆอ่ะครับ
ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงแถวๆหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งผมจำได้ว่าเวลาน้ำลงบริเวณนั้น เคยลงไปขูดหาหอยเมื่อสมัยยังเด็กวัยรุ่นๆ ขับเลยหมู่บ้านชาวประมงไปนิดนึง เราก็เห็นพวกกลุ่มเด็กๆ ลูกเสือเนตรนารี ซึ่งกำลังมาเข้าค่าย (ตรงนั้นเป็นค่ายลูกเสิอ ริมทะเลครับ แหม่สุดยอดจริงๆ) เห็นวิวสวยๆ และเหลือบไปเห็นบ้านพักของอุทยานฯ ซึ่งติดภูเขา ต้องขับรถข้ามสะพานไป (เป็นสะพานปูนข้ามระหว่างน้ำทะเลกับน้ำกร่อยจากป่าชายเลน) ผมชวนภรรยาว่า "เราขับรถไปดูฝั่งน้นกันมั้ย บรรยากาศมันสวยดี เผื่อมีที่พักด้วย" หลังจากนั้นก็ตัดสินใจขับรถไปดูกัน ถึงจุดนั้นมีบ้านพักของเจ้าหน้าที่ และบ้านพักที่อยู่บนเชิงเขา อยู่ 1 หลัง
จอดรถ เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ที่ป้อม
ผม "ที่นี่มีห้องพักมั้ยครับ"
เจ้าหน้าที่ "มีค่ะ มีอยู่หนึ่งหลัง บนเชิงเขา ขับรถขึ้นไปจอดด้านบนได้ค่ะ"
ผม (คิดในใจ แพงแน่เลย เป็นบ้านพักทั้งหลัง) " ราคาเท่าไรครับ"
เจ้าหน้าที่ "ปกติดคืนละ 1,200 ค่ะ แต่ว่าวันนี้ลดให้ 400 ค่ะ พอดีวันนี้ไม่มีจอง"
ผม กับภรรยามองหน้ากัน ผม " ลดให้ 400 เหลือ 800 เหรอครับ"
เจ้าหน้าที่ "ไม่ใช่ค่ะ เหลือคืนละ 400 ค่ะ"
โอ้วแม่เจ้าาาา จาก 1,200 เหลือ 400 กับบ้านพักบนเนินเขา มองออกไปก็เป็นทะเล โคตรโรแมนติกครับ ควักตังค์จ่ายเล้ยยยยย
เจ้าหน้าที่ "นี่ค่ะกุญแจ"
ผม "ขอบคุณครับ " รับกุญแจพร้อมควบเจ้ารถ Vigo ขึ้นไปตามทางที่เป็นลูกลังแคบๆเลยครับ
บ้านหลังนี้อยู่บนเชิงเขา สูงจากพื้นข้างล่างประมาณ 40-50 เมตร เห็นจะได้นะครับ จอดรถห่างจากบ้านพักประมาณ 20 เมตร แล้วเดินขึ้นมาที่หน้าบ้าน มองไปด้านข้างๆบ้านเป็นห้องพักที่ติดๆกัน เหมือนบ้านพักคนงานอีกประมาณ 10 ห้อง คิดในใจ เออยังดี มีเพื่อนล่ะ ส่วนด้านล่างก็เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีอะไรก็ยังคงเรียกได้
ไขประตูเข้าไป บ้านเป็นไม้ทั้งหลัง พื้นก็ไม้ สภาพคือบ้านพักชั้นเดียวค่อนข้างเก่า มีห้องนอน 2 ห้อง สภาพเหมือนไม่มีใครเข้าพักนานเป็นปีๆ แต่คงมีคนทำความสะอาดบ้างเพราะไม่ค่อยมีฝุ่น หอบหิ้วสัมภาระที่ติดตัวมาเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ริม ซึ่งมองเห็นรถที่จอด และเห็นทัศนียภาพทั้งหมด
บรรยากาศยามเย็นซึ่งเงียบสงบ เงียบถึงขนาดได้ยินเสียงคลื่นลม แล้วก็ฝูงเจ้าข้างแว่นที่กระโจนลงมาจากต้นไม้ ขึ้นมาบนหลังคาบ้าน (แอบตกใจนิดนึงน่ะ ว่าอะไรกระโดดใส่หลังคาวะ) ออกมายืนที่ระเบียง มองไปเห็นทะเล เขาช่องกระจก แล้วก็แนวเมือกเขาตะนาวศรี โอ้ยยยบรรยากาศชิวอ่ะ ทีนี้เริ่มเย็นแล้วสิ 5-6 โมงและ ท้องก็หิว เลยชวนกันออกไปหาของกินในเมืองครับ ปิดประตูจะล็อคหน้าบ้าน เอ้า!! @-@ ล็อคไม่ได้เฮ้ย!! เออไม่เป็นไร ล็อคห้องนอนแล้ว
และแล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่เวลาพลบค่ำ ท้องฟ้าแปรปรวณ เมฆสีส้มๆลอยอยู่เต็มทองฟ้า ฝนตกครับ.... แต่เราก็หาของกินกันเป็นที่อิ่มหนำสำราญแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลากลับห้องพักแล้วล่ะ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มเกือบจะ 4 ทุ่ม ล่ะ
ขับรถมาถึงทางเข้า ตรงที่เข้าค่ายลูกเสือ...อ้าวสงสัยโดนพายุฝนตกหนัก หรือเขาเข้าค่ายเลิกตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ก็ไม่แน่ใจ เพราะมองไปก็ไม่เห็นทั้งคนทั้งเต๊นที่กางอยู่ตรงนั้น ฝนก็ตกหนัก ลมก็แรง รีบขับรถข้ามสะพานไป พอจะขับขึ้นทางที่ขึ้นไปจอดรถเท่านั้นล่ะ เซอร์ไพรส์ครับ ทางลูกลังพอโดนน้ำก็ลื่นเลยครับ ขับรถขึ้นไปไม่ได้แล้ว ทีนี้เราก็เลยจอดรถกันด้านล่าง ข้างหน้าป้อมที่พนักงานนั่งอยู่เมื่อช่วงเย็น ตัดสินใจเดินขึ้นทางข้างๆภูเขาที่เป็นดินลื่นๆ+หิน พากันจูงมือเดินขึ้นไปทั้งมืดๆ
สุดท้ายพอถึงห้อง เปิดประตู เปิดไฟ เข้าไปอาบน้ำกัน เพื่อเตรียมตัวนอนครับ....คุณเอ้ย...บรรยากาศโรแมนติกเมื่อเย็น....แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วอ่ะครับ....ทั้งฝนทั้งลม...ทั้งฟ้าแล็บฟ้าร้อง....หลังคาก็เป็นแบบลอนคู่บางๆน่ะครับ เสียงเหมือนหลังคาจะถล่มลงมา เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานอนครับ ตอนนั้นก็คงจะ 5 ทุ่มกว่าๆ ผมให้ภรรยานอนด้านใน ติดกับหน้าต่าง ผมอีกด้าน ปิดไฟแล้ว เตรียมตัวจะนอน แล้วก็นอนๆคุยๆกันไปใกล้หลับ แต่เจ้ากรรมตาผมเหลือบไปเห็นตรงระเบียงด้านนอก
เฮ้ย!! อะไรแว็บๆวะ....รูปร่างเหมือนคนอ่ะ ค่อยๆเดิน(เดินเปล่าไม่รู้ เพราะติดกับระเบียงมันเป็นเหวเล็กๆ ซึ่งชันและลึงลงไป...แต่แสงสว่างของไฟจากเรือและความสว่างของท้องฟ้ามันทำให้เห็นได้ลางๆ) จากระเบียงไปยืนอยู่กลางสายฝน ใต้ต้นไม้ใหญ่...เฮ้ย...กูตาฝาด...(ก้มตัวลงกอดภรรยา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกที)....เฮ้ย!! แมร่ง...นั่นมันคนนี่หว่า...ผู้หญิงๆ...ใส่ชุดขาวๆ...มายืนตากฝนหัวเปียกทำไมวะ....(ใจคิดว่า...นี่ก็มืดแล้ว...ใช่คนเหรอวะ...ปิดปากเงียบไม่พูดไม่บอกกับภรรยาว่าเห็น).....ก้มลงกอดภรรยาอีกที เบียดซะภรรยาผมนี่ติดกับพนังห้องเลย...(เอาวะ...ดูอีกทีเอาชัดๆให้แน่ๆ... ณ บัดนี้ ผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากที่เดิม ดูเหมือนกำลังจะมั่งมาที่หน้าต่างห้องในระยะอีก 2-3 ก้าวถึงแน่ๆ...)....ที่รักๆ...ตัวเองๆ...(สะกิดภรรยาให้หันหน้ามา...นอนจ้องหน้ากันตาแป๋วเลย)...
ผม "ที่รัก เค้านอนไม่หลับอ่ะ...เรากลับกันดีมั้ย"
ภรรยา "เออ..ป่ะ"
เฮ้ย!! ทำไมชวนกลับง่ายจังวะ....เท่านั้นแหละ ไม่มองอะไรทั้งนั้นแล้ว....เก็บของสัมภาระทุกอย่างออกจากห้อง เดินลงทางลื่นๆทางเดิม....ผมเดินตรงไปที่ป้อมเพื่อเอากุญแจไปคืน...ปรากฎว่าไม่มีคนครับ...ก็เลยตัดสินใจวางกุญแจไว้ตรงนั้น....สตาร์ทรถได้กลับรถรีบขับออกมาเลย....
ระหว่างทาง...นั่งเงียบทั้งคู่จนมาถึงช่วงสะพาน...ผมเตรียมตัวเล่าให้ภรรยาผมฟังว่าผมเห็นอะไรเมื่อสักครู่
ผม "ที่รักรู้มั้ยเมื่อกี๊เค้าเห็นอะไร.."
ภรรยา "เฮ้ยย!!...(เสียงดังเลย)...อย่าเพิ่งเล่าตอนนี้ดี๋ยวก่อนๆ ผ่านสะพานไปก่อน"
พอผ่านสะพานปุ๊ป....
ผม "เล่าได้ยัง!!"
ภรรยา "เออ เล่าได้และ"
ผม "เมื่อกี้เค้าเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวๆ มายืนตรงต้นไม้อ่ะ...แล้วผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเดินมาเหมือนจะมาตรงหน้าต่างอ่ะ เหมือนจะมาอยู่ตรงหน้าต่าง..ไม่รู้คนหรือผี...แต่มองไม่เห็นหน้า" เล่าไปขนลุกไป กำลังตกใจกับสิ่งที่เห็นนะ
ภรรยา" เค้าก็เห็น...ตอนช่วงปิดไฟนอน...เห็นเป็นรูปร่างเหมือนอาแปะใส่เสื้อเหมือนชาวเล มายืนอยู่ตรงระเบียง...ไม่มีหัว" ถึงว่าล่ะ ปกติภรรยาผมเป้นคนหลับยาก แต่วันนี้คุณเธอนอนเงียบหันหน้าเข้าข้างพนังห้องเลย
ก็พูดคุยกันไปแล้วพลางนึก ไปว่าเมื่อช่วงกลางวันตอนเข้าห้องพัก เดินมองบ้านพัก ตรงข้างหน้าต่างห้องนอนที่ผมเห็นหญิงคนนั้นก็เป็นเหวลึกลงไป ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมีใครเดินตรงมาที่หน้าต่างได้
ถึงว่าละทำไมบ้านพักจาก 1,200 บาท / คืน ลดโหดเหลือ 400 บาท / คืน ของถูก+ความสยองแบบนี้ไม่เอานะ
เคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ก็รู้มาว่าบริเวณนั้น พวกลูกเสือที่มาเข้าค่ายค้างคืนต่างก็เคยเจอผู้หญิงชุดขาวมายืนอยู่ตรงต้นไม้ในลักษณะเดียวกันนี้ เพราะเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เคยมีคนพบศพผู้หญิงผูกคอตายแถวนั้น ** ตรงนี้ไม่แน่ใจนะครับว่าข่าวลือมั้ย...แต่ผมเห็นจริงๆ!!
ส่วนกรณีภรรยาผม ที่เห็นอาแปะที่แต่งตัวเหมือนพวกชาวประมง....ก็คิอว่า...น่าจะเป็นพวกสัมภเวสี คนที่ตายจากพายุลินดาถล่มอ่าวประจวบฯ เมื่อหลายปีก่อน ที่เรือล่มเป็นร้อย มีคนตายไม่รู้เท่าไร
นี่ล่ะครับบังกะโลเฮี้ยน...ใครจะไปพักที่ไหนเจอลดราคากระหน่ำขนาดนี้ก็ระวังหน่อยนะครับ...เดี๋ยวจะได้ดูของแถม.....
ไม่เชื่อไม่เป็นไรนะครับ....ใครอยากลองบรรยากาศแบบนั้นก็หลังไมค์มาได้ครับ ^__________^
บังกะโลพักเฮี้ยน
พอดีเข้ามาอ่านเรื่องผีๆใน pantip แล้วมานึกขึ้นได้ถึงเรื่องราววันแห่งความสนุกคืนแห่งความหลอน เรื่องจริงๆจากประสบการณ์ตัวผมและภรรยาผมเลยครับ เรื่องนี้กิดขึ้นที่จังหวัดประจวบฯ ครับ เรื่องนี้ผ่านมา 5-6 ปี เห็นจะได้ ในวันหนึ่งที่หนีปัญหาส่วนตัวเพื่อไปพักผ่อนกันสองคน
ขับรถออกจากบ้านก็เป็นช่วงบ่ายๆ บนถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าลงใต้สู่ตัวเมือง ของจังหวัดประจวบฯ ใช้เวลาเพียงไม่นานเพราะเราอยู่แค่ต่างอำเภอครับ พอถึงตัวเมือง ประมาณบ่าย 3-4 โมง ผมก็ขับบนถนนเลียบชายทะเล วิวสวยมากๆครับ ขับไปเรื่อยๆหาที่พักเหมาะๆ บรรยากาศเงียบสงบเพลินๆสบายมองเกลียวคลื่นกับหาดทรายขาวๆสลับกันไปกับต้นสนริมหาด บรรยากาศแบบว่า มันสบายมากๆอ่ะครับ
ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงแถวๆหมู่บ้านชาวประมง ซึ่งผมจำได้ว่าเวลาน้ำลงบริเวณนั้น เคยลงไปขูดหาหอยเมื่อสมัยยังเด็กวัยรุ่นๆ ขับเลยหมู่บ้านชาวประมงไปนิดนึง เราก็เห็นพวกกลุ่มเด็กๆ ลูกเสือเนตรนารี ซึ่งกำลังมาเข้าค่าย (ตรงนั้นเป็นค่ายลูกเสิอ ริมทะเลครับ แหม่สุดยอดจริงๆ) เห็นวิวสวยๆ และเหลือบไปเห็นบ้านพักของอุทยานฯ ซึ่งติดภูเขา ต้องขับรถข้ามสะพานไป (เป็นสะพานปูนข้ามระหว่างน้ำทะเลกับน้ำกร่อยจากป่าชายเลน) ผมชวนภรรยาว่า "เราขับรถไปดูฝั่งน้นกันมั้ย บรรยากาศมันสวยดี เผื่อมีที่พักด้วย" หลังจากนั้นก็ตัดสินใจขับรถไปดูกัน ถึงจุดนั้นมีบ้านพักของเจ้าหน้าที่ และบ้านพักที่อยู่บนเชิงเขา อยู่ 1 หลัง
จอดรถ เดินเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ ที่ป้อม
ผม "ที่นี่มีห้องพักมั้ยครับ"
เจ้าหน้าที่ "มีค่ะ มีอยู่หนึ่งหลัง บนเชิงเขา ขับรถขึ้นไปจอดด้านบนได้ค่ะ"
ผม (คิดในใจ แพงแน่เลย เป็นบ้านพักทั้งหลัง) " ราคาเท่าไรครับ"
เจ้าหน้าที่ "ปกติดคืนละ 1,200 ค่ะ แต่ว่าวันนี้ลดให้ 400 ค่ะ พอดีวันนี้ไม่มีจอง"
ผม กับภรรยามองหน้ากัน ผม " ลดให้ 400 เหลือ 800 เหรอครับ"
เจ้าหน้าที่ "ไม่ใช่ค่ะ เหลือคืนละ 400 ค่ะ"
โอ้วแม่เจ้าาาา จาก 1,200 เหลือ 400 กับบ้านพักบนเนินเขา มองออกไปก็เป็นทะเล โคตรโรแมนติกครับ ควักตังค์จ่ายเล้ยยยยย
เจ้าหน้าที่ "นี่ค่ะกุญแจ"
ผม "ขอบคุณครับ " รับกุญแจพร้อมควบเจ้ารถ Vigo ขึ้นไปตามทางที่เป็นลูกลังแคบๆเลยครับ
บ้านหลังนี้อยู่บนเชิงเขา สูงจากพื้นข้างล่างประมาณ 40-50 เมตร เห็นจะได้นะครับ จอดรถห่างจากบ้านพักประมาณ 20 เมตร แล้วเดินขึ้นมาที่หน้าบ้าน มองไปด้านข้างๆบ้านเป็นห้องพักที่ติดๆกัน เหมือนบ้านพักคนงานอีกประมาณ 10 ห้อง คิดในใจ เออยังดี มีเพื่อนล่ะ ส่วนด้านล่างก็เป็นบ้านพักเจ้าหน้าที่ มีอะไรก็ยังคงเรียกได้
ไขประตูเข้าไป บ้านเป็นไม้ทั้งหลัง พื้นก็ไม้ สภาพคือบ้านพักชั้นเดียวค่อนข้างเก่า มีห้องนอน 2 ห้อง สภาพเหมือนไม่มีใครเข้าพักนานเป็นปีๆ แต่คงมีคนทำความสะอาดบ้างเพราะไม่ค่อยมีฝุ่น หอบหิ้วสัมภาระที่ติดตัวมาเดินเข้าห้องนอนที่อยู่ริม ซึ่งมองเห็นรถที่จอด และเห็นทัศนียภาพทั้งหมด
บรรยากาศยามเย็นซึ่งเงียบสงบ เงียบถึงขนาดได้ยินเสียงคลื่นลม แล้วก็ฝูงเจ้าข้างแว่นที่กระโจนลงมาจากต้นไม้ ขึ้นมาบนหลังคาบ้าน (แอบตกใจนิดนึงน่ะ ว่าอะไรกระโดดใส่หลังคาวะ) ออกมายืนที่ระเบียง มองไปเห็นทะเล เขาช่องกระจก แล้วก็แนวเมือกเขาตะนาวศรี โอ้ยยยบรรยากาศชิวอ่ะ ทีนี้เริ่มเย็นแล้วสิ 5-6 โมงและ ท้องก็หิว เลยชวนกันออกไปหาของกินในเมืองครับ ปิดประตูจะล็อคหน้าบ้าน เอ้า!! @-@ ล็อคไม่ได้เฮ้ย!! เออไม่เป็นไร ล็อคห้องนอนแล้ว
และแล้วบรรยากาศก็เปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่เวลาพลบค่ำ ท้องฟ้าแปรปรวณ เมฆสีส้มๆลอยอยู่เต็มทองฟ้า ฝนตกครับ.... แต่เราก็หาของกินกันเป็นที่อิ่มหนำสำราญแล้ว เลยคิดว่าถึงเวลากลับห้องพักแล้วล่ะ ซึ่งตอนนั้นเป็นเวลาประมาณ 3 ทุ่มเกือบจะ 4 ทุ่ม ล่ะ
ขับรถมาถึงทางเข้า ตรงที่เข้าค่ายลูกเสือ...อ้าวสงสัยโดนพายุฝนตกหนัก หรือเขาเข้าค่ายเลิกตั้งแต่ช่วงเย็นๆ ก็ไม่แน่ใจ เพราะมองไปก็ไม่เห็นทั้งคนทั้งเต๊นที่กางอยู่ตรงนั้น ฝนก็ตกหนัก ลมก็แรง รีบขับรถข้ามสะพานไป พอจะขับขึ้นทางที่ขึ้นไปจอดรถเท่านั้นล่ะ เซอร์ไพรส์ครับ ทางลูกลังพอโดนน้ำก็ลื่นเลยครับ ขับรถขึ้นไปไม่ได้แล้ว ทีนี้เราก็เลยจอดรถกันด้านล่าง ข้างหน้าป้อมที่พนักงานนั่งอยู่เมื่อช่วงเย็น ตัดสินใจเดินขึ้นทางข้างๆภูเขาที่เป็นดินลื่นๆ+หิน พากันจูงมือเดินขึ้นไปทั้งมืดๆ
สุดท้ายพอถึงห้อง เปิดประตู เปิดไฟ เข้าไปอาบน้ำกัน เพื่อเตรียมตัวนอนครับ....คุณเอ้ย...บรรยากาศโรแมนติกเมื่อเย็น....แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วอ่ะครับ....ทั้งฝนทั้งลม...ทั้งฟ้าแล็บฟ้าร้อง....หลังคาก็เป็นแบบลอนคู่บางๆน่ะครับ เสียงเหมือนหลังคาจะถล่มลงมา เปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จก็มานอนครับ ตอนนั้นก็คงจะ 5 ทุ่มกว่าๆ ผมให้ภรรยานอนด้านใน ติดกับหน้าต่าง ผมอีกด้าน ปิดไฟแล้ว เตรียมตัวจะนอน แล้วก็นอนๆคุยๆกันไปใกล้หลับ แต่เจ้ากรรมตาผมเหลือบไปเห็นตรงระเบียงด้านนอก
เฮ้ย!! อะไรแว็บๆวะ....รูปร่างเหมือนคนอ่ะ ค่อยๆเดิน(เดินเปล่าไม่รู้ เพราะติดกับระเบียงมันเป็นเหวเล็กๆ ซึ่งชันและลึงลงไป...แต่แสงสว่างของไฟจากเรือและความสว่างของท้องฟ้ามันทำให้เห็นได้ลางๆ) จากระเบียงไปยืนอยู่กลางสายฝน ใต้ต้นไม้ใหญ่...เฮ้ย...กูตาฝาด...(ก้มตัวลงกอดภรรยา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นอีกที)....เฮ้ย!! แมร่ง...นั่นมันคนนี่หว่า...ผู้หญิงๆ...ใส่ชุดขาวๆ...มายืนตากฝนหัวเปียกทำไมวะ....(ใจคิดว่า...นี่ก็มืดแล้ว...ใช่คนเหรอวะ...ปิดปากเงียบไม่พูดไม่บอกกับภรรยาว่าเห็น).....ก้มลงกอดภรรยาอีกที เบียดซะภรรยาผมนี่ติดกับพนังห้องเลย...(เอาวะ...ดูอีกทีเอาชัดๆให้แน่ๆ... ณ บัดนี้ ผู้หญิงคนนั้นเดินออกจากที่เดิม ดูเหมือนกำลังจะมั่งมาที่หน้าต่างห้องในระยะอีก 2-3 ก้าวถึงแน่ๆ...)....ที่รักๆ...ตัวเองๆ...(สะกิดภรรยาให้หันหน้ามา...นอนจ้องหน้ากันตาแป๋วเลย)...
ผม "ที่รัก เค้านอนไม่หลับอ่ะ...เรากลับกันดีมั้ย"
ภรรยา "เออ..ป่ะ"
เฮ้ย!! ทำไมชวนกลับง่ายจังวะ....เท่านั้นแหละ ไม่มองอะไรทั้งนั้นแล้ว....เก็บของสัมภาระทุกอย่างออกจากห้อง เดินลงทางลื่นๆทางเดิม....ผมเดินตรงไปที่ป้อมเพื่อเอากุญแจไปคืน...ปรากฎว่าไม่มีคนครับ...ก็เลยตัดสินใจวางกุญแจไว้ตรงนั้น....สตาร์ทรถได้กลับรถรีบขับออกมาเลย....
ระหว่างทาง...นั่งเงียบทั้งคู่จนมาถึงช่วงสะพาน...ผมเตรียมตัวเล่าให้ภรรยาผมฟังว่าผมเห็นอะไรเมื่อสักครู่
ผม "ที่รักรู้มั้ยเมื่อกี๊เค้าเห็นอะไร.."
ภรรยา "เฮ้ยย!!...(เสียงดังเลย)...อย่าเพิ่งเล่าตอนนี้ดี๋ยวก่อนๆ ผ่านสะพานไปก่อน"
พอผ่านสะพานปุ๊ป....
ผม "เล่าได้ยัง!!"
ภรรยา "เออ เล่าได้และ"
ผม "เมื่อกี้เค้าเห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาวๆ มายืนตรงต้นไม้อ่ะ...แล้วผู้หญิงคนนั้นค่อยๆเดินมาเหมือนจะมาตรงหน้าต่างอ่ะ เหมือนจะมาอยู่ตรงหน้าต่าง..ไม่รู้คนหรือผี...แต่มองไม่เห็นหน้า" เล่าไปขนลุกไป กำลังตกใจกับสิ่งที่เห็นนะ
ภรรยา" เค้าก็เห็น...ตอนช่วงปิดไฟนอน...เห็นเป็นรูปร่างเหมือนอาแปะใส่เสื้อเหมือนชาวเล มายืนอยู่ตรงระเบียง...ไม่มีหัว" ถึงว่าล่ะ ปกติภรรยาผมเป้นคนหลับยาก แต่วันนี้คุณเธอนอนเงียบหันหน้าเข้าข้างพนังห้องเลย
ก็พูดคุยกันไปแล้วพลางนึก ไปว่าเมื่อช่วงกลางวันตอนเข้าห้องพัก เดินมองบ้านพัก ตรงข้างหน้าต่างห้องนอนที่ผมเห็นหญิงคนนั้นก็เป็นเหวลึกลงไป ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้เลยที่จะมีใครเดินตรงมาที่หน้าต่างได้
ถึงว่าละทำไมบ้านพักจาก 1,200 บาท / คืน ลดโหดเหลือ 400 บาท / คืน ของถูก+ความสยองแบบนี้ไม่เอานะ
เคยเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้คนอื่นฟัง ก็รู้มาว่าบริเวณนั้น พวกลูกเสือที่มาเข้าค่ายค้างคืนต่างก็เคยเจอผู้หญิงชุดขาวมายืนอยู่ตรงต้นไม้ในลักษณะเดียวกันนี้ เพราะเมื่อหลายปีที่ผ่านมา เคยมีคนพบศพผู้หญิงผูกคอตายแถวนั้น ** ตรงนี้ไม่แน่ใจนะครับว่าข่าวลือมั้ย...แต่ผมเห็นจริงๆ!!
ส่วนกรณีภรรยาผม ที่เห็นอาแปะที่แต่งตัวเหมือนพวกชาวประมง....ก็คิอว่า...น่าจะเป็นพวกสัมภเวสี คนที่ตายจากพายุลินดาถล่มอ่าวประจวบฯ เมื่อหลายปีก่อน ที่เรือล่มเป็นร้อย มีคนตายไม่รู้เท่าไร
นี่ล่ะครับบังกะโลเฮี้ยน...ใครจะไปพักที่ไหนเจอลดราคากระหน่ำขนาดนี้ก็ระวังหน่อยนะครับ...เดี๋ยวจะได้ดูของแถม.....
ไม่เชื่อไม่เป็นไรนะครับ....ใครอยากลองบรรยากาศแบบนั้นก็หลังไมค์มาได้ครับ ^__________^