วันวาน ถึงวันนี้ สิ่งที่คนหลายสิบล้านต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติ ที่ยากจะหลีกเลี่ยง และต้องทำใจและจำใจอยู่ไปด้วยกันให้ได้
เพื่อนในอินโดนีเซีย ของ จขกท.ไลน์มาเล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุภูเขาไฟสินาบุง ประทุพ่นเถ้าถ่านอีก เกิดต่อเนื่องทุกวัน

เถ้าถ่านประทุขึ้นท้องฟ้าที่เห็นด้านหลัง
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มีประทุพ่นเถ้าถ่านฟุ้งสูงถึงเกือบ 3 กม. ครั้งนั้นยังแถมลาวาทะลักลงสู่เบื้องล่าง ไหลมุ่งลงสู่ชุมชนด้านล่าง ที่มีชุมชนหลายแห่งหลายศรัทธาความเชื่อแต่ละศาสนารวมกันอยู่ ภูเขาไฟสินาบุงลูกนี้ ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะสุมาตราเหนือ ใกล้แหล่งเมืองตากอากาศชื่อดังทางใต้ของ จ.เมดาน เมืองตากอากาศนี้ ชื่อ บราสตากี้ เป็นศูนย์รวมชุมชนทุกศาสนา อิสลาม คริสต์ พุทธ อยู่เหนือระดับน้ำทะเล ราว 1700 ม.
เมืองบราสตากี้ ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็คล้ายๆกับ เขาค้อ แต่ที่นั่นจะแออัดกว่ามากๆๆๆ ทั้งถนนหนทางซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนเมืองมหาศาล แต่ก็ยังถือว่าแคบมาก แต่เค้าก็อยู่กันได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้าเป็นเมืองไทยคงยิงกันตายวันละหลายคน เพราะการทำเวลาเพื่อไปให้ถึงจุดหมายสวนกับถนนที่คับแคบหวาดเสียว ซึ่งบางช่วงต้องไต่ไปบนเส้นทางเละไหล่เขา เลาะหน้าผา / ความใจเย็นมีส่วนมากในผู้ขับขี่ของรถทุกคัน

ที่เห็นเชิงเขาไกลๆในภาพคือ เถ้าลาวาที่ไหลลงมาประชิดเรือกสวนไร่นา ของชุมชนใกล้ภูเขาไฟแห่งนี้ ภาพนี้ จขกท.ไปยืนถ่ายมา เมื่อต้นเดือน พ.ย. นี้ จากจุดที่ยืน ยังมีกลิ่นกัมถันลอยมาแตะจมูกเบาๆ ย้อนไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม 57 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟสินาบุงลูกนี้เกิดการประทุขึ้น เถ้าถ่านฟุ้งกระจายไปทุกทิศทาง ตอนนั้นไม่มีแดดไปถึง 3 วัน เมืองหลายเมืองปกคลุมไปด้วยฝุ่นขาวแสบจมูกแสบคอมาก คนจำนวนหลายหมื่นในชุมชนโดยรอบต้องอพยพ เพราะผลกระทบทั้งลาวาที่มาพร้อมกับกลิ่นกัมถัน และ เถ้าถ่านที่ร้อนเกินบรรยาย ทุกหมู่บ้านในแนวภูเขาไฟถูกฝุ่นเถ้าปลิวไปเกาะขาวโพลน รวมถึงพืชผลทางการเกษตรนับแสนไร่

ภาพภูเขาไฟสินาบุง ก่อนประทุเมื่อเดือนตุลาคม ภาพนี้ถ่ายจากกุฎิพระ ที่ชาวจีนพุทธอินโดสร้างถวายให้พระเถระรูปหนึ่ง แห่งอีสานใต้ ของไทยแลนด์

ภาพแสดงที่ตั้งของสินาบุง (จุดแดง) กลางเกาะสุมาตราเหนือ จะสังเกตุเห็นทะเลสาบเลค โตบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ใกล้ๆกันด้วย

เครดิตภาพจาก เว็บข่าวของอินโด แสดงถึงเถ้าลาวาที่โกรธาพิโรธ ลงสู่ชุมชนเบื้องล่าง

ภาพจากกูเกิลแมพ แสดงถึงธารลาวาหยุดก่อนถึงชุมชน

ภาพดวงอาทิตย์ ถ่ายและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลากลางวัน จุดที่ถ่ายคือ จ.เมดาน ในช่วงต้นตุลาคม 57
เหตุการณ์ภัยใหญ่แบบนี้ เกิดเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ในทุกประเทศทั่วโลกแม้เกิดพิบัติภัย คนในประเทศแม้จะต่างศาสนาจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี ในครั้งนี้เช่นกัน ประธานสงฆ์ของสมาคมชาวพุทธ เกาะสุมาตราเหนือ ได้ปรารภให้มีการช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบต้องอพยพย้ายออกมาจำนวนมาก สิ่งหนึ่งที่ขาดแคลนคือ ข้าวปลาอาหาร จึงใช้โอกาสอันควร นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ทุกนิกาย ทั้งในอินโดนีเซีย ไทย พม่า ศรีลังกา เชคโกสโลวาเกีย จีน เพื่อบิณฑบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง ซึ่งประสบผลสำเร็จ มีชาวจีนพุทธในพื้นที่หลั่งไหลมามากกว่า 4000 คน เพื่อใส่บาตร

ภาพข้าวสาร เป็นบางส่วนที่ได้รับจากงานในครั้งนี้ ซึ่งมีข้าวสาร อาหารแห้ง ขนม นม ถึง 4 คันรถสิบล้อ เดินทางไปช่วยยังที่อพยพชั่วคราวของ ชุมชน มุสลิม คริสต์ และ พุทธ

ภาพถ่ายหมู่ ของพระภิกษุจากนานาประเทศ ที่ได้รับนิมนต์ ไปบิณฑบาตร
จขกท. เชื่อว่า ทุกสังคมของชุมชนต่างศรัทธา อยู่กันได้ ถ้าใช้และมีเมตตาธรรม ซึ่งกันและกัน
ความเมตตาค้ำจุนโลก
เพื่อนในอินโดนีเซีย ของ จขกท.ไลน์มาเล่าให้ฟังว่า ขณะนี้ได้เกิดเหตุภูเขาไฟสินาบุง ประทุพ่นเถ้าถ่านอีก เกิดต่อเนื่องทุกวัน
เถ้าถ่านประทุขึ้นท้องฟ้าที่เห็นด้านหลัง
เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็มีประทุพ่นเถ้าถ่านฟุ้งสูงถึงเกือบ 3 กม. ครั้งนั้นยังแถมลาวาทะลักลงสู่เบื้องล่าง ไหลมุ่งลงสู่ชุมชนด้านล่าง ที่มีชุมชนหลายแห่งหลายศรัทธาความเชื่อแต่ละศาสนารวมกันอยู่ ภูเขาไฟสินาบุงลูกนี้ ตั้งอยู่ตอนกลางของเกาะสุมาตราเหนือ ใกล้แหล่งเมืองตากอากาศชื่อดังทางใต้ของ จ.เมดาน เมืองตากอากาศนี้ ชื่อ บราสตากี้ เป็นศูนย์รวมชุมชนทุกศาสนา อิสลาม คริสต์ พุทธ อยู่เหนือระดับน้ำทะเล ราว 1700 ม.
เมืองบราสตากี้ ถ้าเปรียบกับบ้านเราก็คล้ายๆกับ เขาค้อ แต่ที่นั่นจะแออัดกว่ามากๆๆๆ ทั้งถนนหนทางซึ่งแม้จะเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สร้างรายได้ให้กับชุมชนเมืองมหาศาล แต่ก็ยังถือว่าแคบมาก แต่เค้าก็อยู่กันได้ ถ้อยทีถ้อยอาศัย ถ้าเป็นเมืองไทยคงยิงกันตายวันละหลายคน เพราะการทำเวลาเพื่อไปให้ถึงจุดหมายสวนกับถนนที่คับแคบหวาดเสียว ซึ่งบางช่วงต้องไต่ไปบนเส้นทางเละไหล่เขา เลาะหน้าผา / ความใจเย็นมีส่วนมากในผู้ขับขี่ของรถทุกคัน
ที่เห็นเชิงเขาไกลๆในภาพคือ เถ้าลาวาที่ไหลลงมาประชิดเรือกสวนไร่นา ของชุมชนใกล้ภูเขาไฟแห่งนี้ ภาพนี้ จขกท.ไปยืนถ่ายมา เมื่อต้นเดือน พ.ย. นี้ จากจุดที่ยืน ยังมีกลิ่นกัมถันลอยมาแตะจมูกเบาๆ ย้อนไปเมื่อต้นเดือนตุลาคม 57 ที่ผ่านมา ภูเขาไฟสินาบุงลูกนี้เกิดการประทุขึ้น เถ้าถ่านฟุ้งกระจายไปทุกทิศทาง ตอนนั้นไม่มีแดดไปถึง 3 วัน เมืองหลายเมืองปกคลุมไปด้วยฝุ่นขาวแสบจมูกแสบคอมาก คนจำนวนหลายหมื่นในชุมชนโดยรอบต้องอพยพ เพราะผลกระทบทั้งลาวาที่มาพร้อมกับกลิ่นกัมถัน และ เถ้าถ่านที่ร้อนเกินบรรยาย ทุกหมู่บ้านในแนวภูเขาไฟถูกฝุ่นเถ้าปลิวไปเกาะขาวโพลน รวมถึงพืชผลทางการเกษตรนับแสนไร่
ภาพภูเขาไฟสินาบุง ก่อนประทุเมื่อเดือนตุลาคม ภาพนี้ถ่ายจากกุฎิพระ ที่ชาวจีนพุทธอินโดสร้างถวายให้พระเถระรูปหนึ่ง แห่งอีสานใต้ ของไทยแลนด์
ภาพแสดงที่ตั้งของสินาบุง (จุดแดง) กลางเกาะสุมาตราเหนือ จะสังเกตุเห็นทะเลสาบเลค โตบา เป็นแหล่งท่องเที่ยวอยู่ใกล้ๆกันด้วย
เครดิตภาพจาก เว็บข่าวของอินโด แสดงถึงเถ้าลาวาที่โกรธาพิโรธ ลงสู่ชุมชนเบื้องล่าง
ภาพจากกูเกิลแมพ แสดงถึงธารลาวาหยุดก่อนถึงชุมชน
ภาพดวงอาทิตย์ ถ่ายและมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในเวลากลางวัน จุดที่ถ่ายคือ จ.เมดาน ในช่วงต้นตุลาคม 57
เหตุการณ์ภัยใหญ่แบบนี้ เกิดเป็นเรื่องปกติของที่นี่ ในทุกประเทศทั่วโลกแม้เกิดพิบัติภัย คนในประเทศแม้จะต่างศาสนาจะช่วยเหลือเกื้อกูลกันเป็นอย่างดี ในครั้งนี้เช่นกัน ประธานสงฆ์ของสมาคมชาวพุทธ เกาะสุมาตราเหนือ ได้ปรารภให้มีการช่วยเหลือชุมชนต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบต้องอพยพย้ายออกมาจำนวนมาก สิ่งหนึ่งที่ขาดแคลนคือ ข้าวปลาอาหาร จึงใช้โอกาสอันควร นิมนต์พระภิกษุสงฆ์ทุกนิกาย ทั้งในอินโดนีเซีย ไทย พม่า ศรีลังกา เชคโกสโลวาเกีย จีน เพื่อบิณฑบาตร ข้าวสาร อาหารแห้ง ซึ่งประสบผลสำเร็จ มีชาวจีนพุทธในพื้นที่หลั่งไหลมามากกว่า 4000 คน เพื่อใส่บาตร
ภาพข้าวสาร เป็นบางส่วนที่ได้รับจากงานในครั้งนี้ ซึ่งมีข้าวสาร อาหารแห้ง ขนม นม ถึง 4 คันรถสิบล้อ เดินทางไปช่วยยังที่อพยพชั่วคราวของ ชุมชน มุสลิม คริสต์ และ พุทธ
ภาพถ่ายหมู่ ของพระภิกษุจากนานาประเทศ ที่ได้รับนิมนต์ ไปบิณฑบาตร
จขกท. เชื่อว่า ทุกสังคมของชุมชนต่างศรัทธา อยู่กันได้ ถ้าใช้และมีเมตตาธรรม ซึ่งกันและกัน