จากที่ได้สนทนาสอบถาม กับท่านคันโตนา ซึ่งท่านได้กรุณาให้ลิ้งค์คำอธิบายจากอรรถกถา สำหรับการศึกษาเพิ่มเติมด้วย ซึ่งผมก็พยายามอ่านอย่างรอบคอบ เพื่อพิจารณาดูว่า นอกจากองค์สี่ ที่อรรถกถาจารย์แสดงไว้ว่าเป็นองค์ประกอบของมุสาวาท ยังจำเป็นต้องเพิ่ม เจตนาเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นเข้าไปอีกหรือไม่ ?
ผมเห็นว่า มีความเป็นไปได้อยู่พอสมควรนะครับท่าน คือเมื่อหากเราพิจารณาเปรียบเทียบกับกรณี ผรุสวาท ท่านอรรถกถา อธิบายว่า
เรื่องวาจาหยาบ แต่ใจไม่หยาบ
ได้ยินว่า เด็กคนหนึ่งไม่เอื้อเฟื้อถ้อยคำของมารดาไปป่า มารดาไม่สามารถให้เด็กนั้นกลับได้ จึงได้ด่าว่า ขอให้แม่กระบือดุจงไล่ ทันใดนั้น แม่กระบือป่าได้ปรากฏแก่เด็กนั้นเหมือนอย่างมารดาว่าทีเดียว เด็กนั้นได้กระทำสัจจกิริยาว่า สิ่งที่มารดาของเราพูดด้วยปากจงอย่ามี สิ่งที่มารดาคิดด้วยใจจงมีเถิด แม่กระบือได้ยืนอยู่เหมือนถูกผูกไว้ในป่านั้นเอง.
ประโยคแม้ตัดความรักอย่างนี้ ก็ไม่เป็นผรุสวาจา เพราะมีจิตอ่อนโยน.
จริงอยู่ บางครั้งมารดาบิดาย่อมกล่าวกะลูกน้อยๆ ถึงอย่างนี้ว่า พวกโจรจงห้ำหั่นพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ ดังนี้ แต่ก็ไม่ปรารถนาแม้ให้กลีบบัวตกเบื้องบนของลูกน้อยๆ เหล่านั้น.
อนึ่ง อาจารย์และอุปัชฌาย์ บางคราวก็กล่าวกะพวกศิษย์อย่างนี้ว่า พวกนี้ไม่มียางอาย ไม่เกรงกลัว คุยอะไรกัน จงไล่มันไปเสีย ก็แต่ว่า ย่อมปรารถนาให้ศิษย์เหล่านั้นสำเร็จการศึกษา และบรรลุมรรคผล.
เหมือนอย่างว่า วาจาไม่เป็นผรุสวาจา เพราะคำอ่อนหวานก็หาไม่. ด้วยว่าผู้ต้องการจะฆ่า พูดว่า จงให้ผู้นี้นอนให้สบายดังนี้ จะไม่เป็นผรุสวาจาก็หาไม่. ก็วาจานี้เป็นผรุสวาจาทีเดียว เพราะมีจิตหยาบ.
ผรุสวาจานั้นมีโทษน้อย เพราะผู้ที่ตนพูดหมายถึงนั้นมีคุณน้อย มีโทษมากเพราะผู้นั้นมีคุณมาก.
ในกรณีนี้ ท่านอธิบายไว้แต่ต้นเลยว่า แม้เป็นคำหยาบ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็น ผรุสวาท เพราะถือเอาว่ามุ่งประโยชน์ต่อผู้อื่น ไม่ได้มุ่งทำลายประโยชน์ใคร
เมื่อเทียบกับกรณี มุสาวาท เป็นไปได้ไหมครับว่า แม้เป็นคำเท็จ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท เพราะถือเอาว่ามุ่งประโยชน์ต่อผู้อื่นเช่นกัน
กรณี ผรุสวาท ก็มีองค์สาม แบบเดียวกับที่ มุสาวาทมีองค์สี่
ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่า คำเท็จ อาจไม่เป็น มุสาวาทเสมอไป เช่นเดียวกับ คำหยาบ ก็ไม่ได้เป็น ผรุสวาท เสมอไป
เมื่อไม่เป็น มุสาวาท หรือ ผรุสวาท จึงไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาเรื่ององค์สาม องค์สี่อีก
ข้อพิจารณาของผมนี้ พอมีความเป็นไปได้ไหมครับท่าน ?
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย มีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าอย่างไรครับ ?
ขอขอบคุณท่านคันโตนา สำหรับลิ้งค์อรรถกถา ที่มีประโยชน์ต่อผมมากๆ นะครับท่าน
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=4
มุสาวาทนั้นมีองค์ ๔ คือ
๑. อตถํ วตถุ ํ เรื่องไม่แท้
๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน
๓. ตชฺโช วายาโม ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น
๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ คนอื่นรู้เรื่องนั้น.
คำเท็จ คำไม่จริง ที่ไม่ใช่ มุสาวาท จะเป็นไปได้ไหมครับท่าน ?
ผมเห็นว่า มีความเป็นไปได้อยู่พอสมควรนะครับท่าน คือเมื่อหากเราพิจารณาเปรียบเทียบกับกรณี ผรุสวาท ท่านอรรถกถา อธิบายว่า
เรื่องวาจาหยาบ แต่ใจไม่หยาบ
ได้ยินว่า เด็กคนหนึ่งไม่เอื้อเฟื้อถ้อยคำของมารดาไปป่า มารดาไม่สามารถให้เด็กนั้นกลับได้ จึงได้ด่าว่า ขอให้แม่กระบือดุจงไล่ ทันใดนั้น แม่กระบือป่าได้ปรากฏแก่เด็กนั้นเหมือนอย่างมารดาว่าทีเดียว เด็กนั้นได้กระทำสัจจกิริยาว่า สิ่งที่มารดาของเราพูดด้วยปากจงอย่ามี สิ่งที่มารดาคิดด้วยใจจงมีเถิด แม่กระบือได้ยืนอยู่เหมือนถูกผูกไว้ในป่านั้นเอง.
ประโยคแม้ตัดความรักอย่างนี้ ก็ไม่เป็นผรุสวาจา เพราะมีจิตอ่อนโยน.
จริงอยู่ บางครั้งมารดาบิดาย่อมกล่าวกะลูกน้อยๆ ถึงอย่างนี้ว่า พวกโจรจงห้ำหั่นพวกเจ้าเป็นชิ้นๆ ดังนี้ แต่ก็ไม่ปรารถนาแม้ให้กลีบบัวตกเบื้องบนของลูกน้อยๆ เหล่านั้น.
อนึ่ง อาจารย์และอุปัชฌาย์ บางคราวก็กล่าวกะพวกศิษย์อย่างนี้ว่า พวกนี้ไม่มียางอาย ไม่เกรงกลัว คุยอะไรกัน จงไล่มันไปเสีย ก็แต่ว่า ย่อมปรารถนาให้ศิษย์เหล่านั้นสำเร็จการศึกษา และบรรลุมรรคผล.
เหมือนอย่างว่า วาจาไม่เป็นผรุสวาจา เพราะคำอ่อนหวานก็หาไม่. ด้วยว่าผู้ต้องการจะฆ่า พูดว่า จงให้ผู้นี้นอนให้สบายดังนี้ จะไม่เป็นผรุสวาจาก็หาไม่. ก็วาจานี้เป็นผรุสวาจาทีเดียว เพราะมีจิตหยาบ.
ผรุสวาจานั้นมีโทษน้อย เพราะผู้ที่ตนพูดหมายถึงนั้นมีคุณน้อย มีโทษมากเพราะผู้นั้นมีคุณมาก.
ในกรณีนี้ ท่านอธิบายไว้แต่ต้นเลยว่า แม้เป็นคำหยาบ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็น ผรุสวาท เพราะถือเอาว่ามุ่งประโยชน์ต่อผู้อื่น ไม่ได้มุ่งทำลายประโยชน์ใคร
เมื่อเทียบกับกรณี มุสาวาท เป็นไปได้ไหมครับว่า แม้เป็นคำเท็จ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นมุสาวาท เพราะถือเอาว่ามุ่งประโยชน์ต่อผู้อื่นเช่นกัน
กรณี ผรุสวาท ก็มีองค์สาม แบบเดียวกับที่ มุสาวาทมีองค์สี่
ดังนั้นผมจึงเข้าใจว่า คำเท็จ อาจไม่เป็น มุสาวาทเสมอไป เช่นเดียวกับ คำหยาบ ก็ไม่ได้เป็น ผรุสวาท เสมอไป
เมื่อไม่เป็น มุสาวาท หรือ ผรุสวาท จึงไม่จำเป็นต้องไปพิจารณาเรื่ององค์สาม องค์สี่อีก
ข้อพิจารณาของผมนี้ พอมีความเป็นไปได้ไหมครับท่าน ?
ท่านผู้รู้ทั้งหลาย มีความเห็นเกี่ยวกับประเด็นนี้ว่าอย่างไรครับ ?
ขอขอบคุณท่านคันโตนา สำหรับลิ้งค์อรรถกถา ที่มีประโยชน์ต่อผมมากๆ นะครับท่าน
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=9&i=1&p=4
มุสาวาทนั้นมีองค์ ๔ คือ
๑. อตถํ วตถุ ํ เรื่องไม่แท้
๒. วิสํวาทนจิตฺตํ จิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อน
๓. ตชฺโช วายาโม ความพยายามเกิดจากจิตคิดจะพูดให้คลาดเคลื่อนนั้น
๔. ปรสฺส ตทตฺถวิชานนํ คนอื่นรู้เรื่องนั้น.