"เรา" อยู่ด้วยกันมา 10 กว่าปี มีสิ่งเดียวที่จะขอ .......?

เราคบกันมานาน ตั้งแต่เรียน จนกระทั่งทำงาน

สามีเป็นคนดีค่ะ ไม่กินเหล้า (นอกจากงานกินเลี้ยง) ไม่สูบบุหรี่  ไม่เจ้าชู้
แต่งงานกัน จนมีลูก ก่อนอื่นเรายอมรับเลยว่า เราเป็นใหญ่ในบ้าน (หมายถึงความคิด)
สามีจะให้สิทธิ์ในการตัดสินใจเราหมดทุกอย่าง เรื่องสากกะเบือยันเรือรบ

จนมาวันนี้ 14 ปีแล้วค่ะ ถามว่าเรารักเค้าไหม ? ตอบได้เต็มปากค่ะว่า "รักมาก...รักไม่เคยเปลี่ยนแปลง"

สามีเราจะเป็นคนชอบคิดที่อยากจะทำนู่นนี่ พอคิดแล้วเค้าต้องทำให้ได้
เคยอยากเลี้ยงปลา เราก็เออไม่เสียหาย เลี้ยงจนเต็มบ้านเต็มช่อง จนสุดท้ายก็เบื่อยกให้คนอื่นไป

ต่อมา...อยากเลี้ยงนก เราก็เออ อยากเลี้ยงก็เลี้ยงไป คลั่งขนาดทำกรงเอง
กลับมาจากทำงานเหนื่อย ๆ ก็ยังนั่งเลื่อยซี่กรงจนดึกดื่น เราได้แต่มองดูว่าต้องขนาดนั้นเลยเหรอ
แต่สุดท้าย นกโดนตัวอะไรไม่รู้มากัดตาย ก็เลยเลิกเลี้ยงไปโดยปริยาย

หลังจากนั้น........เค้าก็ไม่ค่อยได้เอ่ยหรือเกริ่นอะไรที่อยากจะทำออกมานะคะ
รู้แต่ว่าปกติเค้าชอบเล่นเกมส์ในมือถือ แต่หลัง ๆ มานี่ไม่ค่อยเล่น เน้นไปทางเข้าเฟสมากกว่า
ก็นานร่วมเดือนค่ะ ที่หลังจากทำงานกลับมาก็เอาแต่เล่นโทรศัพท์ ......

จนเรื่องเกิดเมื่อ 2 อาทิตย์ก่อน
เค้าเอาเฟสที่เค้าเล่นให้เราดู ปรากฏว่ามันคือเพจสักยันต์ค่ะ อาจารย์นู่นนี่นั่น
" สวยจัง อยากสักบ้าง " สามีเราพูดแบบนี้ค่ะ เราเริ่มตงิด ๆ เหมือนมีลางสังหรณ์
เราก็ดู ๆ ไป บางรูปก็นะ เต็มหลัง เยอะเกิน คือปกติเราจะไม่ชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้วค่ะ

จนเมื่ออาทิตย์ก่อน สามีไลน์มาหา ขอไปสักค่ะ
เราเลยถามว่าทำไมถึงต้องสัก รู้อยู่ว่าไม่ชอบ แม้กระทั่งญาติพี่น้องเราไปสักเรายังว่าเลย
เค้าก็อ้างสารพัดว่าตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาเค้าไม่เคยทำอะไรให้เราเสียใจเลย
" ขอเรื่องนี้เรื่องเดียวได้ไหม.........? " เค้าพิมพ์ไลน์มาแบบนี้
ใจเราไม่อยากจะทะเลาะค่ะ ช่วงนี้งานที่ทำงานก็หนักและเครียดพอแล้ว
เราเลยตัดบทไปว่า " อยากสักก็สักดิ...... " นี่แหละค่ะ มันทำให้เปลี่ยนชีวิตเราไปตลอดกาล

กลับมาจากทำงานวันหนึ่ง เรานั่งเล่นคอมอยู่ที่บ้าน
สามีเดินมาบอกว่า "ไปสักมาแล้วนะ" เราก็ยิ้ม นึกว่าล้อเล่น
พอเค้าหันหลังมาเท่านั้นแหละค่ะ เราช็อคซีนีม่าเลย บอกตรง ๆ ว่าหัวใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
มันคือรอยสักแบบเป็นยันต์ เราไม่ได้มองให้เต็มตาหรอกนะคะ อยากจะถลกหนังทิ้งซะด้วยซ้ำ
นับจากตอนนั้นเราไม่พูดกับเค้าเลย ไม่ได้โกรธ แต่รู้สึกว่าทุกอย่างสำหรับเรามันไม่เหมือนเดิม
สามีคนเดิมที่เคยสนิท เล่นด้วยได้ เหมือนคนที่เราแตะต้องไม่ได้ เราต้องเกรงใจ กลัวว่าจะทำอะไรผิด

เค้าหาข้ออ้างสารพัดมาบอกว่าการสักดีงู้นงี้ จะปกป้องลูกให้พ้นภัย
ใจเรามันบอกว่า "ชั้นไม่สน คนเราจะดีจะจน จะร่ำรวย มันไม่ได้ขึ้นอยู่ที่รอยน้ำหมึกบนหลังนะเว้ย "
เราไม่อยากจะพูดอะไรที่ไปลบหลู่ดูหมิ่น แต่คือจะใช้ความเชื่ออย่างเดียวกับชีวิตความเป็นจริงมันไม่ได้

ย้อนมาถึงความสัมพันธ์ของเรากับสามีนะคะ
เราสองคนสนิทกันมาก ถึงขั้นเล่นหัวกันได้ (แบบเอาเท้าเขี่ย ๆ ) คือไม่ถือกันค่ะ
เวลานอนเล่นกัน จั๊กจี๋กัน เตะหัวกันได้ เรารู้สึกว่าเราโดนแย่งความรักไปแล้วค่ะ
เราบอกตัวเองแค่ว่าเราไม่สามารถกอดเค้าให้อุ่นได้เหมือนวันเก่า ๆ
มองหน้าเค้ากี่ที เค้าก็เหมือนคนที่เราไม่รู้จัก สู้ให้เค้าไปเลี้ยงหมูหมากาไก่ซะยังดีกว่า
ทำแบบนี้เหมือนเค้าต้องการให้เราเว้นระยะห่างระหว่างเราสองคน ซึ่งเรายังทำใจยอมรับจุดนี้ไม่ได้

เราแอบคิดอยู่ในใจนะคะว่า เค้าเคยคิดบ้างไหม ว่าการที่เค้าทำแบบนี้มันจะมีผลอะไรตามมา
อย่าพูดว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม ตราบใดที่ชั้นถีบหัวเธอ เล่นตลกซกมก กับเธอไม่ได้เหมือนเก่า

ชั้นเคยขี่คอเธอเล่นได้ แต่วันนี้ชั้นไม่สามารถขี่หลังเธอได้อีกแล้ว

อย่าพูดว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม
อย่าพูดว่าทุกอย่างมันยังเหมือนเดิม....

แล้วต่อจากนี้ไป......อย่ามาคิดว่าชั้นปฏิบัติกับเธอไม่เหมือนเดิม
เพราะคนที่ไม่อยากให้อะไรมันเหมือนเดิม ก็คือ "รอยสักของเธอ"...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่