Deep : อาณาจักรจิตเสมือน
บทเริ่มต้นโลก
โลกสีฟ้าอันสวยสดใส ใครเป็นผู้สร้างรังสรรค์ขึ้นมา แล้วจักรวาลใครเป็นผู้สร้าง มนุษย์ใครเป็นผู้สร้าง หรือแท้ที่จริงแล้ว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเอง คำถามหรือข้อสันนิษฐานเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน นานเสียจนไม่รู้แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นและจุดจบของคำถามนั้น คล้ายกับว่า ปัญหาดังกล่าวจะอยู่ยืนนานไปจนชั่วนิจนิรันดร์ แม้เราจะเกิดดับไปอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็ยังคงควานหาคำตอบนั้นไม่ได้ แต่ในโลกอีกฟากหนึ่งคำถามนี้ยังคงไม่เกิดขึ้น สถานแห่งนี้คล้ายกับโลกมนุษย์ของเราอย่างไม่มีที่ติ ทั้งท้องฟ้าสีคราม ทะเล พื้นดิน ภูเขา ต้นไม้ ลำธาร หรือสัตว์น้อยใหญ่ที่ดำรงชีวิตอยู่ เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือ ทุกคนทราบดีว่า สถานที่แห่งนี้สร้างจากฝีมือของมนุษย์ ทุกคนต่างรู้คำตอบดีว่ามันสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ ใช้เพื่อทำอะไร และจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ดวงจิตของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 คน ที่ล่องลอยไปในโลกเสมือนแห่งนี้พวกเขาจะรู้หรือไม่ ว่าโลกแห่งนี้ใครเป็นผู้สร้าง และพวกเขาได้มาจุติในสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลอะไร
แสงสีทองส่องประกายวาววับบนท้องฟ้า เป็นแสงที่เฝ้าบินวนไปเวียนมา หากสถานที่แห่งนี้มีมนุษย์อาศัยอยู่ พวกเขาคงต้องพิศวงงงงวยกับลำแสงเหล่านั้น หรือไม่ก็คงยกย่องให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างเป็นแน่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นลำแสงแห่งจิตของเหล่าผู้เข้าแข่งขันนั่นเอง ลำแสงนั้นเฝ้าบินวนเวียนไปโดยอิสระไม่มีสิ่งใดควบคุม ถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ล่องลอยไปตามโชคชะตาเพื่อหาพื้นที่ในการจุติ นี่ก็นับเป็นวันที่ 30 ในโลกเสมือนแห่งนี้แล้ว (1 วัน โลกมนุษย์ เท่า 1 ปี โลกเสมือน) หลายดวงจิตได้จุติไปแล้ว แต่ดวงจิตของอนุสรณ์ยังคงล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
“นั่นกลิ่น อะไร ทำไมช่างหอมหวาน ปานนี้” มโนสำนึกในดวงจิตของอนุสรณ์เริ่มทำงาน เมื่อได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่พัดโชย มาจากผืนน้ำด้านล่าง กลิ่นนั้นกระตุ้นการตื่นรู้ของดวงจิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ แน่นอนดวงจิตสีทอง รีบพุ่งตรงดิ่งไปยังผืนน้ำแห่งนั้นทันที
“อา ช่างหอมอะไรเช่นนี้”
ดวงจิตเมื่อพบกับต้นตอแห่งความหอมนั้น ก็พุ่งเข้าไปใกล้ๆ คล้ายดังแมลงที่ถูกเชื้อเชิญด้วยความหอมของหมู่มวลดอกไม้ เมื่อดวงจิตของอนุสรณ์ได้สัมผัสกับยอดดินเหล่านั้น ก็สัมผัสได้ทันทีว่า สิ่งนี้สามารถกินเข้าไปได้ จึงลงมือกินยอดดินสีน้ำเงินเข้าไป นอกจากความหอมที่เชื้อเชิญให้เข้าเข้ามาดอมดมแล้ว รสชาติยังแสนอร่อยเกินจะหาสิ่งใดเปรียบได้ ดวงจิตของอนุสรณ์เมื่อได้ลองลิ้มชิมรสยอดดินดังกล่าว ก็ไม่ไปไหนอีก เฝ้ากินยอดดินสีน้ำเงินอยู่อย่างนั้น จนเวลาล่วงเลยไปหลายวัน ร่างกายของเขาเริ่มหนัก เริ่มมีแขนขา ลำตัว หู ตา จมูก ปาก และใบหน้าที่เด่นชัดขึ้น เนื่องจากร่างกายที่เริ่มมีน้ำหนัก ทำให้ไม่สามารถบินหรือลอยไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอีกต่อไป จนในที่สุดอวัยวะที่บ่งบอกถึงเพศก็ปรากฏชัดออกมา แม้ตอนนี้เขาจะไม่รู้ว่า สิ่งนั้นใช้เอาไว้ทำอะไรก็ตาม จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนับเดือน ยอดดินที่เขากินเข้าไปนั้นก็เริ่มเลือนหายไปจนหมดสิ้น
“โอ๊ย!!!” นั่นคือคำแรกที่เขาเปล่งออกมาจากปากนับตั้งแต่มีร่างกายมนุษย์ ซึ่งเสียงดังกล่าวทำให้เขาดูประหลาดใจมาก รูที่อยู่บนใบหน้า นอกจากจะใช้กินยอดดินที่เอร็ดอร่อยได้แล้ว ยังสามารถเปล่งเสียงออกมาได้อีกด้วย
“อา โอ เอ อี อา” เขาลองเปล่งคำอื่นๆ ออกมาบ้าง และทดลองพูดคำต่างๆออกมาไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ผสมเสียงนู้นบ้าง เสียงนี้บ้าง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสนุกสนานอย่างบอกไม่ถูก จนลืมไปว่ายอดดินนั้นได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว จากนั้นจึงผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
..................................
นิยายแฟนตาซี - Deep อาณาจักรจิตเสมือน ตอนที่ 2 (เริ่มต้นโลก)
บทเริ่มต้นโลก
โลกสีฟ้าอันสวยสดใส ใครเป็นผู้สร้างรังสรรค์ขึ้นมา แล้วจักรวาลใครเป็นผู้สร้าง มนุษย์ใครเป็นผู้สร้าง หรือแท้ที่จริงแล้ว เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นมาเอง คำถามหรือข้อสันนิษฐานเหล่านี้ยังคงเป็นสิ่งที่ถกเถียงกันมาอย่างยาวนาน นานเสียจนไม่รู้แม้กระทั่งจุดเริ่มต้นและจุดจบของคำถามนั้น คล้ายกับว่า ปัญหาดังกล่าวจะอยู่ยืนนานไปจนชั่วนิจนิรันดร์ แม้เราจะเกิดดับไปอีกกี่ร้อยกี่พันครั้ง ก็ยังคงควานหาคำตอบนั้นไม่ได้ แต่ในโลกอีกฟากหนึ่งคำถามนี้ยังคงไม่เกิดขึ้น สถานแห่งนี้คล้ายกับโลกมนุษย์ของเราอย่างไม่มีที่ติ ทั้งท้องฟ้าสีคราม ทะเล พื้นดิน ภูเขา ต้นไม้ ลำธาร หรือสัตว์น้อยใหญ่ที่ดำรงชีวิตอยู่ เพียงแต่สิ่งที่แตกต่างออกไปนั่นก็คือ ทุกคนทราบดีว่า สถานที่แห่งนี้สร้างจากฝีมือของมนุษย์ ทุกคนต่างรู้คำตอบดีว่ามันสร้างขึ้นมาเมื่อไหร่ ใช้เพื่อทำอะไร และจะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่ดวงจิตของผู้เข้าแข่งขันทั้ง 12 คน ที่ล่องลอยไปในโลกเสมือนแห่งนี้พวกเขาจะรู้หรือไม่ ว่าโลกแห่งนี้ใครเป็นผู้สร้าง และพวกเขาได้มาจุติในสถานที่แห่งนี้ด้วยเหตุผลอะไร
แสงสีทองส่องประกายวาววับบนท้องฟ้า เป็นแสงที่เฝ้าบินวนไปเวียนมา หากสถานที่แห่งนี้มีมนุษย์อาศัยอยู่ พวกเขาคงต้องพิศวงงงงวยกับลำแสงเหล่านั้น หรือไม่ก็คงยกย่องให้เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไรสักอย่างเป็นแน่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วเป็นลำแสงแห่งจิตของเหล่าผู้เข้าแข่งขันนั่นเอง ลำแสงนั้นเฝ้าบินวนเวียนไปโดยอิสระไม่มีสิ่งใดควบคุม ถ้าจะกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ล่องลอยไปตามโชคชะตาเพื่อหาพื้นที่ในการจุติ นี่ก็นับเป็นวันที่ 30 ในโลกเสมือนแห่งนี้แล้ว (1 วัน โลกมนุษย์ เท่า 1 ปี โลกเสมือน) หลายดวงจิตได้จุติไปแล้ว แต่ดวงจิตของอนุสรณ์ยังคงล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมาย
“นั่นกลิ่น อะไร ทำไมช่างหอมหวาน ปานนี้” มโนสำนึกในดวงจิตของอนุสรณ์เริ่มทำงาน เมื่อได้รับรู้ถึงกลิ่นหอมที่พัดโชย มาจากผืนน้ำด้านล่าง กลิ่นนั้นกระตุ้นการตื่นรู้ของดวงจิตได้อย่างน่าอัศจรรย์ แน่นอนดวงจิตสีทอง รีบพุ่งตรงดิ่งไปยังผืนน้ำแห่งนั้นทันที
“อา ช่างหอมอะไรเช่นนี้”
ดวงจิตเมื่อพบกับต้นตอแห่งความหอมนั้น ก็พุ่งเข้าไปใกล้ๆ คล้ายดังแมลงที่ถูกเชื้อเชิญด้วยความหอมของหมู่มวลดอกไม้ เมื่อดวงจิตของอนุสรณ์ได้สัมผัสกับยอดดินเหล่านั้น ก็สัมผัสได้ทันทีว่า สิ่งนี้สามารถกินเข้าไปได้ จึงลงมือกินยอดดินสีน้ำเงินเข้าไป นอกจากความหอมที่เชื้อเชิญให้เข้าเข้ามาดอมดมแล้ว รสชาติยังแสนอร่อยเกินจะหาสิ่งใดเปรียบได้ ดวงจิตของอนุสรณ์เมื่อได้ลองลิ้มชิมรสยอดดินดังกล่าว ก็ไม่ไปไหนอีก เฝ้ากินยอดดินสีน้ำเงินอยู่อย่างนั้น จนเวลาล่วงเลยไปหลายวัน ร่างกายของเขาเริ่มหนัก เริ่มมีแขนขา ลำตัว หู ตา จมูก ปาก และใบหน้าที่เด่นชัดขึ้น เนื่องจากร่างกายที่เริ่มมีน้ำหนัก ทำให้ไม่สามารถบินหรือลอยไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระอีกต่อไป จนในที่สุดอวัยวะที่บ่งบอกถึงเพศก็ปรากฏชัดออกมา แม้ตอนนี้เขาจะไม่รู้ว่า สิ่งนั้นใช้เอาไว้ทำอะไรก็ตาม จนเวลาล่วงเลยผ่านไปนับเดือน ยอดดินที่เขากินเข้าไปนั้นก็เริ่มเลือนหายไปจนหมดสิ้น
“โอ๊ย!!!” นั่นคือคำแรกที่เขาเปล่งออกมาจากปากนับตั้งแต่มีร่างกายมนุษย์ ซึ่งเสียงดังกล่าวทำให้เขาดูประหลาดใจมาก รูที่อยู่บนใบหน้า นอกจากจะใช้กินยอดดินที่เอร็ดอร่อยได้แล้ว ยังสามารถเปล่งเสียงออกมาได้อีกด้วย
“อา โอ เอ อี อา” เขาลองเปล่งคำอื่นๆ ออกมาบ้าง และทดลองพูดคำต่างๆออกมาไม่หยุดด้วยความตื่นเต้น ผสมเสียงนู้นบ้าง เสียงนี้บ้าง ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกสนุกสนานอย่างบอกไม่ถูก จนลืมไปว่ายอดดินนั้นได้มลายหายไปหมดสิ้นแล้ว จากนั้นจึงผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า
..................................