เวลานี้น่าจะพูดคุยเรื่องนี้กันได้นะครับ เพราะ บวรศักดิ์บอกว่า
.... ยังมั่นใจว่าความคิดเห็นที่ออกมาในช่วงนี้
จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกคนสามารถเสนอความเห็นได้
ที่มา
http://goo.gl/uTbLUf
แนวคิดของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช.
ที่มา
http://www.thairath.co.th/content/468140
'สมบัติ' โว เลือกตั้งตรงนายกฯ-ครม.นวัตกรรมใหม่ในโลก
- เริ่มตรงนี้ก็ไม่เข้าท่าแล้ว ประเทศชาติไม่ใช่แหล่งทดลองอวดอุตริ เพื่อสนองตัณหาของใครหรือกลุ่มใด
ถ้าไม่ได้ผลหรือแย่กว่าเดิม มีมั๊ย ยางอายกับความรับผิดชอบ
ช่วง รบ.รักษาการให้ปลัดกระทรวงเลือกกันเองเป็นนายกฯ
- ถ้าปลัดมีความสามารถจริง จะเลือกนายกฯ หรือฝ่ายบริหารขึ้นมาเพื่ออะไร งานบริหารไม่ได้มีแค่รอจัดการเลือกตั้งเพียงมิติเดียว
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาจากการเลือกตั้งตรง
และต้องได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
หากไม่ถึงเกณฑ์ ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
โดยให้พรรคที่ได้คะแนนนำที่หนึ่งและสอง มาเลือกใหม่อีกครั้งให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
- อาจจะเลือกตั้งมากกว่า 1 ครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไร? ตั้งเผื่อไว้ก่อน หรือตั้งให้เหมาะสมในครั้งเดียว
จะสามารถลดปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงได้
- .... ไม่มีหลักประกันอะไรเลย พูดลอยๆ ข้ออ้างว่า ส.ส.ส่วนใหญ่มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นเรื่องมโนล้วนๆ ถ้าจริง กกต.ก็ไม่ประโยชน์อะไร ตั้งมาผลาญงบประมาณเปล่าๆ ขัดกับอีกเรื่องที่เสนอคือ สว.สรรหา มีหลักประกันอะไรที่พอจะบอกได้ว่า "ไม่มีการจ่าย" เพื่อให้มีชื่อตัวเองอยู่ในกลุ่มสรรหา
โดยพรรคการเมืองต้องผู้เสนอรายชื่อของนายกฯ และ ครม.
เพื่อให้นายกฯ ได้รับการสนับสนุนในการทำงาน จากฝ่ายนิติบัญญัติในสภา
แต่หากเสียง ส.ส.ไม่พอ ก็สามารถชวน ส.ส.พรรคอื่น มาร่วมรัฐบาลได้
- ให้พรรคการเมืองต้องผู้เสนอรายชื่อของนายกฯ และ ครม. ถ้าเสียงไม่พอให้ชวนสส.พรรคอื่นมาร่วมรัฐบาล
แล้วคุณธรรม จริยธรรมบ้าๆ บอๆ ที่ตั้งขึ้นมาจะเอาไปไว้ตรงไหน? เพราะก่อนเลือกตั้งสนับสนุนคนหนึ่งกลุ่มหนึ่ง หลังเลือกตั้งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล กลับไปสนับสนุนอีกคนอีกกลุ่ม มันย้อนแย้งกันเอง
ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติให้มี 2 สภาเช่นเดิม โดย ส.ส. ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 350 คน
จากแบบแบ่งเขตทั้งหมด เขตละไม่เกิน 3 คน ประชาชน 1 คน เลือก ส.ส.ได้ 1 คนเท่านั้น
- ตลกดีครับ ประชาชน 1 คน มีสิทธิ์เลือกส.ส.ได้เพียง 1 ใน 3 ขัดกับเรื่องวันแมนวันโหวตเต็มๆ เริ่มด้วยการตัดสิทธิ์แล้วจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมตรงไหน
ไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันระบบอุปถัมภ์จากหัวหน้าพรรค
ส่วน ส.ว.ให้มีทั้งหมด 154 คน แบ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และ ส.ว.สรรหาจากกลุ่มอาชีพอีก 77 คน
ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่งตั้งองค์กรอิสระและการถอดถอน
- ประเด็นแรก ผู้ที่มาจากสรรหาลากตั้ง ไม่ควรมีสิทธิ์ถอดถอน ผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง และขัดกับเจตนาแรกที่ต้องการให้ทำหน้าที่ออก/กลั่นกรองกฎหมายอย่างเดียว
ประเด็นที่ 2 ใคร?เป็นผู้มีอำนาจสรรหาสว. เพราะอะไรถึงให้อำนาจ "คระบุคคล" เลือกสว.เท่ากับประชาชนทั้งประเทศ (77 คนเท่ากัน) มีหลักประกันอะไรว่า ว่าที่สว.สรรหา จะ"ไม่จ่าย"
ขอคัดค้าน แนวคิดปฏิรูปการเมืองของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ชุดนายสมบัติเป็นประธานฯ
.... ยังมั่นใจว่าความคิดเห็นที่ออกมาในช่วงนี้ จะไม่ทำให้เกิดความขัดแย้ง เพราะทุกคนสามารถเสนอความเห็นได้
ที่มา http://goo.gl/uTbLUf
แนวคิดของ กมธ.ปฏิรูปการเมือง สปช.
ที่มา http://www.thairath.co.th/content/468140
'สมบัติ' โว เลือกตั้งตรงนายกฯ-ครม.นวัตกรรมใหม่ในโลก
- เริ่มตรงนี้ก็ไม่เข้าท่าแล้ว ประเทศชาติไม่ใช่แหล่งทดลองอวดอุตริ เพื่อสนองตัณหาของใครหรือกลุ่มใด
ถ้าไม่ได้ผลหรือแย่กว่าเดิม มีมั๊ย ยางอายกับความรับผิดชอบ
ช่วง รบ.รักษาการให้ปลัดกระทรวงเลือกกันเองเป็นนายกฯ
- ถ้าปลัดมีความสามารถจริง จะเลือกนายกฯ หรือฝ่ายบริหารขึ้นมาเพื่ออะไร งานบริหารไม่ได้มีแค่รอจัดการเลือกตั้งเพียงมิติเดียว
นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) มาจากการเลือกตั้งตรง
และต้องได้คะแนนเสียงเกินครึ่งหนึ่งของผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง
หากไม่ถึงเกณฑ์ ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่
โดยให้พรรคที่ได้คะแนนนำที่หนึ่งและสอง มาเลือกใหม่อีกครั้งให้ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง
- อาจจะเลือกตั้งมากกว่า 1 ครั้ง ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจะทำอย่างไร? ตั้งเผื่อไว้ก่อน หรือตั้งให้เหมาะสมในครั้งเดียว
จะสามารถลดปัญหาการซื้อสิทธิขายเสียงได้
- .... ไม่มีหลักประกันอะไรเลย พูดลอยๆ ข้ออ้างว่า ส.ส.ส่วนใหญ่มาจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง เป็นเรื่องมโนล้วนๆ ถ้าจริง กกต.ก็ไม่ประโยชน์อะไร ตั้งมาผลาญงบประมาณเปล่าๆ ขัดกับอีกเรื่องที่เสนอคือ สว.สรรหา มีหลักประกันอะไรที่พอจะบอกได้ว่า "ไม่มีการจ่าย" เพื่อให้มีชื่อตัวเองอยู่ในกลุ่มสรรหา
โดยพรรคการเมืองต้องผู้เสนอรายชื่อของนายกฯ และ ครม.
เพื่อให้นายกฯ ได้รับการสนับสนุนในการทำงาน จากฝ่ายนิติบัญญัติในสภา
แต่หากเสียง ส.ส.ไม่พอ ก็สามารถชวน ส.ส.พรรคอื่น มาร่วมรัฐบาลได้
- ให้พรรคการเมืองต้องผู้เสนอรายชื่อของนายกฯ และ ครม. ถ้าเสียงไม่พอให้ชวนสส.พรรคอื่นมาร่วมรัฐบาล
แล้วคุณธรรม จริยธรรมบ้าๆ บอๆ ที่ตั้งขึ้นมาจะเอาไปไว้ตรงไหน? เพราะก่อนเลือกตั้งสนับสนุนคนหนึ่งกลุ่มหนึ่ง หลังเลือกตั้งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล กลับไปสนับสนุนอีกคนอีกกลุ่ม มันย้อนแย้งกันเอง
ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติให้มี 2 สภาเช่นเดิม โดย ส.ส. ให้มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด 350 คน
จากแบบแบ่งเขตทั้งหมด เขตละไม่เกิน 3 คน ประชาชน 1 คน เลือก ส.ส.ได้ 1 คนเท่านั้น
- ตลกดีครับ ประชาชน 1 คน มีสิทธิ์เลือกส.ส.ได้เพียง 1 ใน 3 ขัดกับเรื่องวันแมนวันโหวตเต็มๆ เริ่มด้วยการตัดสิทธิ์แล้วจะส่งเสริมการมีส่วนร่วมตรงไหน
ไม่มี ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อป้องกันระบบอุปถัมภ์จากหัวหน้าพรรค
ส่วน ส.ว.ให้มีทั้งหมด 154 คน แบ่งเป็น ส.ว.เลือกตั้ง 77 จังหวัด จังหวัดละ 1 คน และ ส.ว.สรรหาจากกลุ่มอาชีพอีก 77 คน
ทำหน้าที่กลั่นกรองกฎหมาย แต่งตั้งองค์กรอิสระและการถอดถอน
- ประเด็นแรก ผู้ที่มาจากสรรหาลากตั้ง ไม่ควรมีสิทธิ์ถอดถอน ผู้ที่มาจากการเลือกตั้ง และขัดกับเจตนาแรกที่ต้องการให้ทำหน้าที่ออก/กลั่นกรองกฎหมายอย่างเดียว
ประเด็นที่ 2 ใคร?เป็นผู้มีอำนาจสรรหาสว. เพราะอะไรถึงให้อำนาจ "คระบุคคล" เลือกสว.เท่ากับประชาชนทั้งประเทศ (77 คนเท่ากัน) มีหลักประกันอะไรว่า ว่าที่สว.สรรหา จะ"ไม่จ่าย"