สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาวพันทิพย์ ( ถ้าเราพิมพ์ไรผิดไปขอโทษด้วยนะ เพิ่งมาตั้งกระทู้ครั้งแรกค่ะ)
เราชอบอ่านกระทู้พันทิพย์นะค่ะ แต่ไม่เคยตั้งกระทู้สักที เรามองว่าปัญหาเราน้อยกว่าคู่อื่นๆ เยอะเลย แต่เราก็อยากได้คำปรึกษา หรือคำอะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้อ่าน ไม่ฟุ้งซ่าน การจมอยู่กับตัวเอง นั่งคุยคนเดียวมันทรมานมากนะค่ะ บอกเลย เราต้องคอยหลอกตัวเองว่าเราไหว แต่ไม่เลยพอเก็บตัวเงียบเข้าห้องนอนนี้ ปล่อยโฮตลอด แล้วถามคำถามตัวเองเสมอว่า จะทำยังไง?

เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ.............เรากับแฟน (ชื่อว่า น. น่ะ)คบกันมาก็เกือบจะ 4 ปีแล้วล่ะ เราคบกันได้เพราะเจอกันตอนเข้าค่ายมหาลัย แต่เราอยู่คนล่ะมหาลัยกันนะ ตอนแรกที่เห็นหน้าคือไม่ชอบเลย ขี้เก๊ก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลารุ่นพี่เรียกรวมนิ จะมาเป็นคนสุดท้ายเลย ไม่หล่อหรอกในสายตาเราเพราะไม่ใช่สเป็ค เราชอบคนผิว 2 สี แต่แฟนขาว เราชอบคนคมเข้ม แต่แฟนเราหน้าตี๋มาเลย เราก็ไม่ได้คุยไม่ได้สนใจ จนจบทริปเข้าค่าย เราก็คุยก่ะเพื่อนว่าจะเรียกเพื่อนๆเข้าค่ายไปกินหมูกะทะกัน เราก็ไล่โทรศัพท์หาเพื่อนๆไปเรื่อย เพราะเขาจะมีใบเบอร์โทรเพื่อนๆที่เข้าค่ายแจกทุกคนไง โทรไปก็มีว่างยุ 2-3 คน พอมาถึงเบอร์โทรแฟนเราก็คิดกับเพื่อนยุนานว่าจะโทรไหม ไม่มีคนกล้าโทรเพราะไม่เคยมีใครเคยคุยด้วย เราก็อาสาโทรเอง ( เราเป็นคนที่กวนๆน่ะ ยิ่งคนที่เงียบๆนิ เราจะชอบศึกษาเลยล่ะ ว่านิสัยใจคอเป็นไง) เราก็โทรไป คำแรกคือ น.หรอ ทำไรยุ ว่างป่าว คือเพื่อนๆจะชวนกินหมูทะอะ น. ก็ตอบตกลง โอเคบอกสถานที่เสร็จนัดเจอกัน ต่างคนต่างก็กิน คุยนั้นนี้ แต่ น. ไม่ค่อยคุย เราเลยเป็นคนชวนคุยซ่ะส่วนใหญ่เพราะเป็นคนโทรไปชวนนิ ก็กินเสร็จกลับหอ เราก็ชอบเล่น MSN ไงตอนนั้น ก็มีเมลเพื่อนที่ค่ายรวมทั้ง น. ด้วย ก็อืมทักไปเพราะ น. จะเล่นเกมส์ถึงเช้า ก็คุย MSN กันอย่างงี้แระถามเรื่องนั้นนี้ บางครั้งเราก็ระบายเรื่องแฟนเก่าให้ฟังบ้าง จนเริ่มสนิทก็โทรคุยกัน มีครั้งนึงโทรคุยกันถึงเช้า เล่าเรื่องแฟนเก่าเค้า เล่าเรื่องแฟนเก่าเราไปเรื่อย เริ่มสนิทมากขึ้น ชวนไปดูหนัง กินข้าว กินเหล้าห้องเพื่อน จนคบกันตอนไหนไม่รู้ ไม่มีใครเอ่ยจะคบก่อนแต่เหมือนมันสื่อกันเองว่านี้เป็นแฟนแล้วน่ะ ก็คบกันไป คุยกันไป มีไปเจอกันที่ห้องเขาบ้าง บางครั้งเราก็ตื่นแต่ ตี5 เพื่อที่จะรอนั่งรถเมล์ซื้อกับข้าวที่ตลาดใกล้บ้านเค้าเพื่อจะกินข้าวเช้าด้วยกัน เราก็ทำแบบนี้มาเป็นปี แต่ใช่ว่าจะมีความสุขหรอกน่ะ เขายังคุยก่ะแฟนเก่าเขา คือ เราป่วย ปวดท้องรุนแรงมากนอนร้องไห้ที่เตียงคือขยับไม่ได้ แต่เค้าทำไงรู้ไหม ออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่านอกระเบียงนานมาก เราก็นอนปวดท้อง จนเค้าคุยเสร็จเข้ามา เราเลยบอกเค้าไม่ไหวแล้ว ทั้งปวดท้อง ทั้งน้อยใจ แอดมิดเข้า โรงพยาบาลตรวจภายในเลย ก็ไม่มีไร ย้ายรพ. เพราะมันแพง นอนค้างคืนนึง เค้าก็ไม่นอนเป็นเพื่อนเราน่ะ อ้างว่าพรุ่งนี้มีสอบ เพื่อนเราเลยนอนเป็นเพื่อนแทน ก็ตรวจไม่เจอไร แต่เรายังไม่หายปวด น้าเราเลยส่งตัวเรากลับบ้าน นอนบ้านได้ 2 วันปวดอีก พ่อส่งรพ. นอนรพ. 2 คืน ห้องเดี่ยวๆ คนเดียว ไม่มีคนเฝ้า เพราะพ่อแม่เราต้องทำงานช่วงเย็นๆไง งานแกเยอะ ค้าขายเราก็นอน เค้าก็ไม่โทรมาถามน่ะ มีแต่เราโทรไป จนตรวจออกมาว่าติดเชื้อในกระแสเลือด มีแผลที่ช่องท้อง เราก็หายก็เลยกลับ กทม. การที่เค้าคุยกับแฟนเก่าเราก็เจ็บน่ะ น้อยใจ แต่ทำไงได้ก็ต้องยอม ผ่านมาปีกว่า เราก็ทนเจ็บ เคยมีครั้งนึงเค้าเคยนัดเจอกันกับแฟนเก่า เราก็ว่าไม่ไปได้ไหม สุดท้ายเค้าก็ไป เค้าไม่เคยสนใจความรู้สึกเราเลยช่วงนั้น เราก็ทน ทำเหมือนปกติ ไม่มีไรเกิดขึ้น เคยเคยขอเลิกเราเหตุผลคือ อยากอยู่คนเดียว เราก็อ้อนวอนเค้า ไม่เลิก เราไม่ยอมเลิกเหตุผลแค่นี้เอง จนเขากลับมาคบกันอีก แล้วเขาก็ติดทหาร 2 ปี ก่อนไปทหารเขาก็บวซ 1 พรรษา(3เดือน) ช่วงน้ำท่วม พอน้ำแห้งแล้ว เราก็ไปอยู่บ้านคุณปู่กับเค้า ช่วยทำความสะอาดบ้าน ทุกอย่างมีแต่งานผู้ชาย เลื่อยไม้ เลื่อยต้นมะม่วง ปีนหลังคา คือทำทุกอย่าง ไปอยู่เดือนนึง เราเลยกลับมาบ้าน เพราะอีก 1 เดือนเค้าจะบวชแล้ว พอถึงวันบวช เราไม่ได้ไปงานน่ะ ญาติเขาบอกว่าไม่อยากให้แฟนมา กลัวมีห่วง กลัวตบะแตกอะไรก็ไม่รู้มากมาย อืมเราก็ไม่ไป พอเขาบวช เราก็ไม่เคยโทรหา ไม่ลงไปเยี่ยมเลยน่ะ จนครบ 1 เดือนแม่ เค้าเลยโทรมาว่าจะมาไหม แม่จะไปหาพระ เลยเลยลงไป ความรู้สึกแรกที่เจอคือดีใจมาก ได้ถวายอาหารเพล ได้คุยกันถามสารทุกข์สุกดิบนิดหน่อย แต่!!! เซ้นผู้หญิงมันแรง คือที่ไปถวายอาหารเพล มีแม่ น. พี่สาว น. ที่เป็นลูกป้า (นี้เราสนิท) ญาติ น. อีกสอง แต่ผู้หญิงที่มากับพี่สาว น. อีกคนคือใคร อายุประมาณพี่สาว น. 26-27 เราก็คิดว่าเพื่อนพี่ น. มั้งก็ไม่คิดไร ยังล้างจานกับเขายุเลย จนเรากลับบ้าน วันกลับเราก็ก่ะจะมาถวายเพลพระก่อนกลับน่ะ นั่งรถตู้จากมีนบุรี มาถึงเดอะมอลล์งามวงวานศ์ ต่อรถเมล์ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีก คือทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งอาหารเพล ทุลักทุเลมาก แต่ก็ไป จนเรากลับมาขึ้นรถที่หมอชิต ก็จะโทรบอกพระว่า ถึงแล้วซื้อตั๋วแล้วอะไรประมาณนี้ คือขึ้นสายซ้อนตลอด แล้วไม่รับ เราก็ชักจะยังไงๆๆ จนเราขึ้นรถ พระถึงโทรกลับมา เราก็ถามว่าพระคุยกับใครหรอค่ะ พระก็ไม่ตอบ จนเราถามว่าพี่คนนั้นคือใคร พระก็ไม่ตอบ เราเริ่มรู้สึกแล้วว่าต้องใช่ เราเลยถามตรงๆว่าพระกับพี่คนนั้นเป็นอะไรกัน พระก็บอกแค่ว่า เราอยู่ในศีลเราพูดไม่ได้ แค่นั้นล่ะ น้ำตาร่วง น้ำตาตกในเลย คือเราไว้ใจ ไม่โทรหาไม่รบกวนท่านมา 1 เดือน แต่พระกับคุยกับผู้หญิงคนอื่น เราอุตส่าห์ไว้ใจ ไม่น่าทำแบบนี้ เรานั่งร้องไห้ตั้งแต่2 ทุ่ม - ตี 4 ถึงบ้าน เราไม่เป็นอันทำไร กินไม่ได้นอนไม่หลับ คือทำไมทำกับเราแบบนี้ พี่สาวเขารู้ทุกอย่าง แต่ไม่ยอมบอกเรา เราก็ให้เวลาเค้าจนเค้าสึก สึกแล้ว วันต่อมาคือเขาจะไปทหารเลยไง วันสึกเราก็ไปรับกับแม่ เพราะเคยสัญญาว่าจะลงไปรับ และส่งเข้ากรม แต่ผุยิ๋งคนนั้นคือเขามีแฟนใหม่แล้ว คุยกับแฟนเราแค่เพื่อนในเกมส์ คือแค่คุยแค่เจอกันเฉยๆ พอตกกลางคืนเราก็คุยกันที่ระเบียงว่าจะเอาไง ความสัมพันธ์เรา 2 คนแบบไหนกันแน่ เขาก็ไม่ตอบ ไม่ให้คำตอบเราที่มั่นใจเลย คือไม่เอาไง แบบนี้ล่ะประมาณนี้ เราก็เลยว่า ต่างคนต่างมีใครก็ได้ใช่ไหม เขาก็อืมมั้ง งั้นโอเค อีก 3 เดือนค่อยว่ากันใหม่ตอนเช้าเราก็ไปส่ง น. เข้ากรม แล้วเราก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย เดี๋ยวมาต่อน่ะ ยาวจัง แต่เรื่องเราเยอะมากอ่ะ
แฟนมีคนอื่น ตกลงฉันผิดใช่ไหม?
เราชอบอ่านกระทู้พันทิพย์นะค่ะ แต่ไม่เคยตั้งกระทู้สักที เรามองว่าปัญหาเราน้อยกว่าคู่อื่นๆ เยอะเลย แต่เราก็อยากได้คำปรึกษา หรือคำอะไรก็ได้ที่ทำให้เราได้อ่าน ไม่ฟุ้งซ่าน การจมอยู่กับตัวเอง นั่งคุยคนเดียวมันทรมานมากนะค่ะ บอกเลย เราต้องคอยหลอกตัวเองว่าเราไหว แต่ไม่เลยพอเก็บตัวเงียบเข้าห้องนอนนี้ ปล่อยโฮตลอด แล้วถามคำถามตัวเองเสมอว่า จะทำยังไง?
เข้าเรื่องดีกว่าเนอะ.............เรากับแฟน (ชื่อว่า น. น่ะ)คบกันมาก็เกือบจะ 4 ปีแล้วล่ะ เราคบกันได้เพราะเจอกันตอนเข้าค่ายมหาลัย แต่เราอยู่คนล่ะมหาลัยกันนะ ตอนแรกที่เห็นหน้าคือไม่ชอบเลย ขี้เก๊ก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เวลารุ่นพี่เรียกรวมนิ จะมาเป็นคนสุดท้ายเลย ไม่หล่อหรอกในสายตาเราเพราะไม่ใช่สเป็ค เราชอบคนผิว 2 สี แต่แฟนขาว เราชอบคนคมเข้ม แต่แฟนเราหน้าตี๋มาเลย เราก็ไม่ได้คุยไม่ได้สนใจ จนจบทริปเข้าค่าย เราก็คุยก่ะเพื่อนว่าจะเรียกเพื่อนๆเข้าค่ายไปกินหมูกะทะกัน เราก็ไล่โทรศัพท์หาเพื่อนๆไปเรื่อย เพราะเขาจะมีใบเบอร์โทรเพื่อนๆที่เข้าค่ายแจกทุกคนไง โทรไปก็มีว่างยุ 2-3 คน พอมาถึงเบอร์โทรแฟนเราก็คิดกับเพื่อนยุนานว่าจะโทรไหม ไม่มีคนกล้าโทรเพราะไม่เคยมีใครเคยคุยด้วย เราก็อาสาโทรเอง ( เราเป็นคนที่กวนๆน่ะ ยิ่งคนที่เงียบๆนิ เราจะชอบศึกษาเลยล่ะ ว่านิสัยใจคอเป็นไง) เราก็โทรไป คำแรกคือ น.หรอ ทำไรยุ ว่างป่าว คือเพื่อนๆจะชวนกินหมูทะอะ น. ก็ตอบตกลง โอเคบอกสถานที่เสร็จนัดเจอกัน ต่างคนต่างก็กิน คุยนั้นนี้ แต่ น. ไม่ค่อยคุย เราเลยเป็นคนชวนคุยซ่ะส่วนใหญ่เพราะเป็นคนโทรไปชวนนิ ก็กินเสร็จกลับหอ เราก็ชอบเล่น MSN ไงตอนนั้น ก็มีเมลเพื่อนที่ค่ายรวมทั้ง น. ด้วย ก็อืมทักไปเพราะ น. จะเล่นเกมส์ถึงเช้า ก็คุย MSN กันอย่างงี้แระถามเรื่องนั้นนี้ บางครั้งเราก็ระบายเรื่องแฟนเก่าให้ฟังบ้าง จนเริ่มสนิทก็โทรคุยกัน มีครั้งนึงโทรคุยกันถึงเช้า เล่าเรื่องแฟนเก่าเค้า เล่าเรื่องแฟนเก่าเราไปเรื่อย เริ่มสนิทมากขึ้น ชวนไปดูหนัง กินข้าว กินเหล้าห้องเพื่อน จนคบกันตอนไหนไม่รู้ ไม่มีใครเอ่ยจะคบก่อนแต่เหมือนมันสื่อกันเองว่านี้เป็นแฟนแล้วน่ะ ก็คบกันไป คุยกันไป มีไปเจอกันที่ห้องเขาบ้าง บางครั้งเราก็ตื่นแต่ ตี5 เพื่อที่จะรอนั่งรถเมล์ซื้อกับข้าวที่ตลาดใกล้บ้านเค้าเพื่อจะกินข้าวเช้าด้วยกัน เราก็ทำแบบนี้มาเป็นปี แต่ใช่ว่าจะมีความสุขหรอกน่ะ เขายังคุยก่ะแฟนเก่าเขา คือ เราป่วย ปวดท้องรุนแรงมากนอนร้องไห้ที่เตียงคือขยับไม่ได้ แต่เค้าทำไงรู้ไหม ออกไปคุยโทรศัพท์กับแฟนเก่านอกระเบียงนานมาก เราก็นอนปวดท้อง จนเค้าคุยเสร็จเข้ามา เราเลยบอกเค้าไม่ไหวแล้ว ทั้งปวดท้อง ทั้งน้อยใจ แอดมิดเข้า โรงพยาบาลตรวจภายในเลย ก็ไม่มีไร ย้ายรพ. เพราะมันแพง นอนค้างคืนนึง เค้าก็ไม่นอนเป็นเพื่อนเราน่ะ อ้างว่าพรุ่งนี้มีสอบ เพื่อนเราเลยนอนเป็นเพื่อนแทน ก็ตรวจไม่เจอไร แต่เรายังไม่หายปวด น้าเราเลยส่งตัวเรากลับบ้าน นอนบ้านได้ 2 วันปวดอีก พ่อส่งรพ. นอนรพ. 2 คืน ห้องเดี่ยวๆ คนเดียว ไม่มีคนเฝ้า เพราะพ่อแม่เราต้องทำงานช่วงเย็นๆไง งานแกเยอะ ค้าขายเราก็นอน เค้าก็ไม่โทรมาถามน่ะ มีแต่เราโทรไป จนตรวจออกมาว่าติดเชื้อในกระแสเลือด มีแผลที่ช่องท้อง เราก็หายก็เลยกลับ กทม. การที่เค้าคุยกับแฟนเก่าเราก็เจ็บน่ะ น้อยใจ แต่ทำไงได้ก็ต้องยอม ผ่านมาปีกว่า เราก็ทนเจ็บ เคยมีครั้งนึงเค้าเคยนัดเจอกันกับแฟนเก่า เราก็ว่าไม่ไปได้ไหม สุดท้ายเค้าก็ไป เค้าไม่เคยสนใจความรู้สึกเราเลยช่วงนั้น เราก็ทน ทำเหมือนปกติ ไม่มีไรเกิดขึ้น เคยเคยขอเลิกเราเหตุผลคือ อยากอยู่คนเดียว เราก็อ้อนวอนเค้า ไม่เลิก เราไม่ยอมเลิกเหตุผลแค่นี้เอง จนเขากลับมาคบกันอีก แล้วเขาก็ติดทหาร 2 ปี ก่อนไปทหารเขาก็บวซ 1 พรรษา(3เดือน) ช่วงน้ำท่วม พอน้ำแห้งแล้ว เราก็ไปอยู่บ้านคุณปู่กับเค้า ช่วยทำความสะอาดบ้าน ทุกอย่างมีแต่งานผู้ชาย เลื่อยไม้ เลื่อยต้นมะม่วง ปีนหลังคา คือทำทุกอย่าง ไปอยู่เดือนนึง เราเลยกลับมาบ้าน เพราะอีก 1 เดือนเค้าจะบวชแล้ว พอถึงวันบวช เราไม่ได้ไปงานน่ะ ญาติเขาบอกว่าไม่อยากให้แฟนมา กลัวมีห่วง กลัวตบะแตกอะไรก็ไม่รู้มากมาย อืมเราก็ไม่ไป พอเขาบวช เราก็ไม่เคยโทรหา ไม่ลงไปเยี่ยมเลยน่ะ จนครบ 1 เดือนแม่ เค้าเลยโทรมาว่าจะมาไหม แม่จะไปหาพระ เลยเลยลงไป ความรู้สึกแรกที่เจอคือดีใจมาก ได้ถวายอาหารเพล ได้คุยกันถามสารทุกข์สุกดิบนิดหน่อย แต่!!! เซ้นผู้หญิงมันแรง คือที่ไปถวายอาหารเพล มีแม่ น. พี่สาว น. ที่เป็นลูกป้า (นี้เราสนิท) ญาติ น. อีกสอง แต่ผู้หญิงที่มากับพี่สาว น. อีกคนคือใคร อายุประมาณพี่สาว น. 26-27 เราก็คิดว่าเพื่อนพี่ น. มั้งก็ไม่คิดไร ยังล้างจานกับเขายุเลย จนเรากลับบ้าน วันกลับเราก็ก่ะจะมาถวายเพลพระก่อนกลับน่ะ นั่งรถตู้จากมีนบุรี มาถึงเดอะมอลล์งามวงวานศ์ ต่อรถเมล์ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาไปอีก คือทั้งกระเป๋าเสื้อผ้า ทั้งอาหารเพล ทุลักทุเลมาก แต่ก็ไป จนเรากลับมาขึ้นรถที่หมอชิต ก็จะโทรบอกพระว่า ถึงแล้วซื้อตั๋วแล้วอะไรประมาณนี้ คือขึ้นสายซ้อนตลอด แล้วไม่รับ เราก็ชักจะยังไงๆๆ จนเราขึ้นรถ พระถึงโทรกลับมา เราก็ถามว่าพระคุยกับใครหรอค่ะ พระก็ไม่ตอบ จนเราถามว่าพี่คนนั้นคือใคร พระก็ไม่ตอบ เราเริ่มรู้สึกแล้วว่าต้องใช่ เราเลยถามตรงๆว่าพระกับพี่คนนั้นเป็นอะไรกัน พระก็บอกแค่ว่า เราอยู่ในศีลเราพูดไม่ได้ แค่นั้นล่ะ น้ำตาร่วง น้ำตาตกในเลย คือเราไว้ใจ ไม่โทรหาไม่รบกวนท่านมา 1 เดือน แต่พระกับคุยกับผู้หญิงคนอื่น เราอุตส่าห์ไว้ใจ ไม่น่าทำแบบนี้ เรานั่งร้องไห้ตั้งแต่2 ทุ่ม - ตี 4 ถึงบ้าน เราไม่เป็นอันทำไร กินไม่ได้นอนไม่หลับ คือทำไมทำกับเราแบบนี้ พี่สาวเขารู้ทุกอย่าง แต่ไม่ยอมบอกเรา เราก็ให้เวลาเค้าจนเค้าสึก สึกแล้ว วันต่อมาคือเขาจะไปทหารเลยไง วันสึกเราก็ไปรับกับแม่ เพราะเคยสัญญาว่าจะลงไปรับ และส่งเข้ากรม แต่ผุยิ๋งคนนั้นคือเขามีแฟนใหม่แล้ว คุยกับแฟนเราแค่เพื่อนในเกมส์ คือแค่คุยแค่เจอกันเฉยๆ พอตกกลางคืนเราก็คุยกันที่ระเบียงว่าจะเอาไง ความสัมพันธ์เรา 2 คนแบบไหนกันแน่ เขาก็ไม่ตอบ ไม่ให้คำตอบเราที่มั่นใจเลย คือไม่เอาไง แบบนี้ล่ะประมาณนี้ เราก็เลยว่า ต่างคนต่างมีใครก็ได้ใช่ไหม เขาก็อืมมั้ง งั้นโอเค อีก 3 เดือนค่อยว่ากันใหม่ตอนเช้าเราก็ไปส่ง น. เข้ากรม แล้วเราก็กลับบ้านที่ต่างจังหวัดเลย เดี๋ยวมาต่อน่ะ ยาวจัง แต่เรื่องเราเยอะมากอ่ะ