สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 16
น้องคะ!!! พี่เป็นคนนึงที่จบทันตแพทย์มา ตอนเรียนใช่ พี่เคยรับรู้ความรู้สึกพวกนี้มาหมดแล้วค่ะ
แต่น้องรุ้หรือไม่ว่าอาชีพเราเป็นอาชีพที่ทำกับ "คน" จะมาอะไรก็ได้ ง่ายๆ ชิวๆ ไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าน้องจบมา ทำบางอย่างผิดไป ไม่มีใครมาต่อว่าน้อง มาหยุดน้องเหมือนตอนเรียนนะคะ
สิ่งที่อาจารย์ทุกท่านทำ ล้วนมีเหตุผล ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล นักเรียนทันตแพทย์ที่ดีควรหันกลับมามองตัวเองว่า เพราะอะไรอาจารย์ถึงดุ ด่า ว่า???? ควรปรับปรุงตัวเองค่ะ ไม่ควรโทษอาจารย์ ถ้าคิดตัวเองทำดีแล้ว ก็แย้งได้ค่ะ
ปล.1..สุดท้ายพี่อยากให้น้องออกมาขอโทษอาจารย์ทันตแพทย์ ทุกมหาวิทยาลัย เพราะทุกที่อาจารย์ก็ต้องดุเหมือนกันหมด
ปล.2 คิดดูนะคะ จากเด็กกะโปโลขี้หมูขี้หมา จะกลายเป็นหมอ เขาจะต้องทำแค่ไหน เพื่อให้เธอเป็นหมอที่ดี คนไข้ไม่ตราหน้าด่าถึงพ่อแม่ ถึงมหาวิทยาลัย มันยากนะคะน้อง จบ!!
แต่น้องรุ้หรือไม่ว่าอาชีพเราเป็นอาชีพที่ทำกับ "คน" จะมาอะไรก็ได้ ง่ายๆ ชิวๆ ไม่ได้หรอกนะคะ ถ้าน้องจบมา ทำบางอย่างผิดไป ไม่มีใครมาต่อว่าน้อง มาหยุดน้องเหมือนตอนเรียนนะคะ
สิ่งที่อาจารย์ทุกท่านทำ ล้วนมีเหตุผล ไม่ใช่ไม่มีเหตุผล นักเรียนทันตแพทย์ที่ดีควรหันกลับมามองตัวเองว่า เพราะอะไรอาจารย์ถึงดุ ด่า ว่า???? ควรปรับปรุงตัวเองค่ะ ไม่ควรโทษอาจารย์ ถ้าคิดตัวเองทำดีแล้ว ก็แย้งได้ค่ะ
ปล.1..สุดท้ายพี่อยากให้น้องออกมาขอโทษอาจารย์ทันตแพทย์ ทุกมหาวิทยาลัย เพราะทุกที่อาจารย์ก็ต้องดุเหมือนกันหมด
ปล.2 คิดดูนะคะ จากเด็กกะโปโลขี้หมูขี้หมา จะกลายเป็นหมอ เขาจะต้องทำแค่ไหน เพื่อให้เธอเป็นหมอที่ดี คนไข้ไม่ตราหน้าด่าถึงพ่อแม่ ถึงมหาวิทยาลัย มันยากนะคะน้อง จบ!!
ความคิดเห็นที่ 67
ดังจนได้นะครับกระทู้นี้ น้องก็แน่มากนะครับไม่มีแก้ไขข้อความโพสแรกเลย
ตามที่หลายท่านพูดมาก็ถูกครับ น้องชีวิตเศร้าแน่ถ้าแค่ปี 3 ยังเป็นแบบนี้
คณะนี้มันโหดนะครับ นทพ นี่สถานะต่ำสุดในคณะ แม้แต่แม่บ้านก็ยังด่าเราได้
เรื่องวิชาแลปนี่ทำไม่สวยก็ได้คะแนนน้อยไป แต่ให้ตกนี่ไม่สมควรเลยครับ
แลปหลายตัวในชีวิตจริงเราไม่ได้ทำ ส่วนพวกอุดฟัน ทำครอบฟัน นั่นก็คงต้องเข้มหน่อย
แต่ก็ไม่ควรให้ตกอยู่ดี ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มีวิธีอื่นดีกว่าให้ตกเยอะ ก็ให้ทำไปหลายๆซี่สิครับ
ทำไปแก้เกรดแทนตกได้ ตกทีนี่ช้าไปปีนึงเลย ชีวิตเคว้งเลยนะครับ มันต้องดูความเหมาะสมด้วย
เรื่องด่านี่ ผมอยากบอกว่าควรให้เกียรติกันหน่อยนะครับ อย่างน้อย นทพ ก็เป็นคนๆนึง ด่าให้ไปกินหญ้าบ้าง
ไปคลานเหมือน... บ้าง ไปโดดตึกไปเลยบ้าง ด่าลั่นคลินิกต่อหน้าคนไข้ให้อับอายไปเลยบ้าง แบบนี้มันสมควรเหรอครับ นทพ ก็เป็นคนๆนึง พูดดีๆก็ฟังรู้เรื่อง สติปัญญาก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้วถึงมาเรียนคณะนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้น
ผมไม่เห็นด้วยกับการที่เราเคยโดนทำร้ายจิตใจกัน แล้วเราผ่านมันมาได้ แล้วต้องคาดหวังว่าคนอื่นต้องผ่านมันได้
ถ้าเค้าทนมันไม่ได้ ก็เป็นพวกอ่อนแอ ไม่สมควรสะเออะเรียนต่อ มันใช่เหรอครับ ทำไมเราไม่ทำให้การเรียนมัน
มีความสบายใจกันมากขึ้น ลดการดูถูกเหยีดหยามกันลง
อาจารย์หลายท่านก็มีเมตตาต่อเด็กนะครับ แต่อาจารย์ที่ดุๆเนี่ยก็มีหลายอยู่ ผมสังเกตละ อาจารย์ศัลย์จะใจดี และใจเย็นมาก ไม่เคยเห็นด่าเด็กแรงๆต่อหน้าคนไข้เลย มักจะคุยกันนอกรอบเสมอ ทั้งที่งานศัลย์เป็นงานที่อันตรายต่อคนไข้ที่สุด เพราะอะไรเหรอครับ อาจารย์ท่านนึงก็เคยบอกว่า คนไข้ก็เครียดอยู่แล้ว มีความกลัวอยู่แล้วที่ต้องมาเป็นเคสให้กับ นทพ เราก็ต้องทำให้คนไข้ผ่อนคลายให้มาก ยิ่งคนไข้กลัว ตกใจ ก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายได้มากขึ้น
ความดันสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ดีไม่ดีถึงขึ้นเป็นลม หมดสติ แล้วยิ่งไปด่าต่อหน้าแบบนั้น คนไข้ก็จะมอง นทพ ในแง่ลบมากขึ้น ไม่ไว้ใจอีก แล้วก็อาจนำไปเล่าให้คนอื่นฟังเสียๆหายๆอีก นทพ ที่โดนด่าอยู่ก็เสียความรู้สึกมาก ถามอะไรไปตอนนั้น สติก็ไม่มี คิดอะไรไม่ออก ความมั่นใจหดหาย แล้วมันมีอะไรดีขึ้นบ้าง
ลองอ่านดูนะครับ หลายๆท่านที่ชื่นชอบการดูถูกเหยียดหยาม ลองคิดดูดีๆครับ ทำแบบนั้นแล้วมันดีเหรอครับ จำเป็นเหรอครับ มีใครรู้สึกดีบ้างครับ นทพ คนไข้ หรือ อาจารย์? เทียบกับอาจารย์ศัลย์ท่านนี้ คิดว่าแบบไหนที่จะทำให้ นทพ ได้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ดีกว่ากัน
การดูถูกเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจ ควรจะหมดไปจากการเรียนการสอนนะครับ ผมหมายรวมถึงทุกคณะเลย
เรียนกันแบบนี้มันพัฒนากันดีตรงไหนครับ เด็กมีแต่ความกลัว พอเจอเด็กที่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ก็ไปด่าเค้าว่า
อ่อนแอ ไม่สำเหนียกตัวเอง ทนเข้าไปสิรุ่นพี่ๆคุณก็ทนกันได้ เค้าก็ได้ดีกัน ฟังดูคุ้นๆมั้ยครับ เหมือนรับน้องเลยครับ
ทนกันมาตั้งนาน เพิ่งจะมาคิดได้ว่าควรยกเลิก
ตามที่หลายท่านพูดมาก็ถูกครับ น้องชีวิตเศร้าแน่ถ้าแค่ปี 3 ยังเป็นแบบนี้
คณะนี้มันโหดนะครับ นทพ นี่สถานะต่ำสุดในคณะ แม้แต่แม่บ้านก็ยังด่าเราได้
เรื่องวิชาแลปนี่ทำไม่สวยก็ได้คะแนนน้อยไป แต่ให้ตกนี่ไม่สมควรเลยครับ
แลปหลายตัวในชีวิตจริงเราไม่ได้ทำ ส่วนพวกอุดฟัน ทำครอบฟัน นั่นก็คงต้องเข้มหน่อย
แต่ก็ไม่ควรให้ตกอยู่ดี ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง มีวิธีอื่นดีกว่าให้ตกเยอะ ก็ให้ทำไปหลายๆซี่สิครับ
ทำไปแก้เกรดแทนตกได้ ตกทีนี่ช้าไปปีนึงเลย ชีวิตเคว้งเลยนะครับ มันต้องดูความเหมาะสมด้วย
เรื่องด่านี่ ผมอยากบอกว่าควรให้เกียรติกันหน่อยนะครับ อย่างน้อย นทพ ก็เป็นคนๆนึง ด่าให้ไปกินหญ้าบ้าง
ไปคลานเหมือน... บ้าง ไปโดดตึกไปเลยบ้าง ด่าลั่นคลินิกต่อหน้าคนไข้ให้อับอายไปเลยบ้าง แบบนี้มันสมควรเหรอครับ นทพ ก็เป็นคนๆนึง พูดดีๆก็ฟังรู้เรื่อง สติปัญญาก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยอยู่แล้วถึงมาเรียนคณะนี้ได้ ไม่จำเป็นต้องไปทำร้ายจิตใจกันขนาดนั้น
ผมไม่เห็นด้วยกับการที่เราเคยโดนทำร้ายจิตใจกัน แล้วเราผ่านมันมาได้ แล้วต้องคาดหวังว่าคนอื่นต้องผ่านมันได้
ถ้าเค้าทนมันไม่ได้ ก็เป็นพวกอ่อนแอ ไม่สมควรสะเออะเรียนต่อ มันใช่เหรอครับ ทำไมเราไม่ทำให้การเรียนมัน
มีความสบายใจกันมากขึ้น ลดการดูถูกเหยีดหยามกันลง
อาจารย์หลายท่านก็มีเมตตาต่อเด็กนะครับ แต่อาจารย์ที่ดุๆเนี่ยก็มีหลายอยู่ ผมสังเกตละ อาจารย์ศัลย์จะใจดี และใจเย็นมาก ไม่เคยเห็นด่าเด็กแรงๆต่อหน้าคนไข้เลย มักจะคุยกันนอกรอบเสมอ ทั้งที่งานศัลย์เป็นงานที่อันตรายต่อคนไข้ที่สุด เพราะอะไรเหรอครับ อาจารย์ท่านนึงก็เคยบอกว่า คนไข้ก็เครียดอยู่แล้ว มีความกลัวอยู่แล้วที่ต้องมาเป็นเคสให้กับ นทพ เราก็ต้องทำให้คนไข้ผ่อนคลายให้มาก ยิ่งคนไข้กลัว ตกใจ ก็จะยิ่งทำให้เกิดอันตรายได้มากขึ้น
ความดันสูงขึ้น หัวใจเต้นเร็วขึ้น ดีไม่ดีถึงขึ้นเป็นลม หมดสติ แล้วยิ่งไปด่าต่อหน้าแบบนั้น คนไข้ก็จะมอง นทพ ในแง่ลบมากขึ้น ไม่ไว้ใจอีก แล้วก็อาจนำไปเล่าให้คนอื่นฟังเสียๆหายๆอีก นทพ ที่โดนด่าอยู่ก็เสียความรู้สึกมาก ถามอะไรไปตอนนั้น สติก็ไม่มี คิดอะไรไม่ออก ความมั่นใจหดหาย แล้วมันมีอะไรดีขึ้นบ้าง
ลองอ่านดูนะครับ หลายๆท่านที่ชื่นชอบการดูถูกเหยียดหยาม ลองคิดดูดีๆครับ ทำแบบนั้นแล้วมันดีเหรอครับ จำเป็นเหรอครับ มีใครรู้สึกดีบ้างครับ นทพ คนไข้ หรือ อาจารย์? เทียบกับอาจารย์ศัลย์ท่านนี้ คิดว่าแบบไหนที่จะทำให้ นทพ ได้ปรับปรุงตัวให้ดีขึ้นได้ดีกว่ากัน
การดูถูกเหยียดหยาม ทำร้ายจิตใจ ควรจะหมดไปจากการเรียนการสอนนะครับ ผมหมายรวมถึงทุกคณะเลย
เรียนกันแบบนี้มันพัฒนากันดีตรงไหนครับ เด็กมีแต่ความกลัว พอเจอเด็กที่รู้สึกว่ามันไม่ถูกต้อง ก็ไปด่าเค้าว่า
อ่อนแอ ไม่สำเหนียกตัวเอง ทนเข้าไปสิรุ่นพี่ๆคุณก็ทนกันได้ เค้าก็ได้ดีกัน ฟังดูคุ้นๆมั้ยครับ เหมือนรับน้องเลยครับ
ทนกันมาตั้งนาน เพิ่งจะมาคิดได้ว่าควรยกเลิก
ความคิดเห็นที่ 8
ทุกคนต้องผ่านจุดนี้มาทั้งนั้น เพื่อนผมอาจารย์เขวี้ยงงานแลปออกนอกหน้าต่างไปเลย ตอนนี้พอเอามาเล่าก็หัวเราะกัน ไม่น่าเชื่อว่าจะผ่านมันมาได้
ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่อ.สุเมธให้น้องฟัง เผื่อจะเป็นกำลังใจได้บ้าง
"ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม ?
เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมากใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม ?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่งเวลาหลอมนี่เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม ?
พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบคงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม ?
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย ต้องตีไป เผาไปอยู่หลายรอบจนกว่าเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม?
เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...
ขออัญเชิญพระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่อ.สุเมธให้น้องฟัง เผื่อจะเป็นกำลังใจได้บ้าง
"ท่านสุเมธเคยขายเศษเหล็กไหม ?
เศษเหล็กเหล่านั้น เวลาขาย คุณค่ามันต่ำมากใช่ไหม คงได้เงินมาไม่กี่บาทใช่ไหม ?
แล้วถ้าเราเอาเศษเหล็กเหล่านั้นมาหลอมรวมกันเป็นแท่งเวลาหลอมนี่เหล็กมันคงรู้สึกร้อนมากใช่ไหม ?
พอหลอมเสร็จเรานำมาทำเป็นดาบคงต้องนำมาตีให้แบนอีกใช่ไหม ?
เวลาตีก็ต้องคอยเอาไปเผาไปด้วย ต้องตีไป เผาไปอยู่หลายรอบจนกว่าเป็นรูปเป็นร่างดาบอย่างที่เราต้องการ
ต้องผ่านความเจ็บปวดร้อนอยู่นาน แถมเมื่อเสร็จแล้วถ้าจะให้สวยงามดังใจก็ต้องนำไปแกะลวดลายอีกใช่ไหม?
เวลาที่แกะลวดลายก็คงต้องใช้ของแข็งมีคมมาตีให้เป็นลวดลายอีก แต่เมื่อเสร็จเป็นดาบที่งดงามก็จะมีคุณค่าที่สูงมาก
เทียบกับเศษเหล็กคงจะต่างกันลิบลับ...
ความคิดเห็นที่ 18
รู้สึกเห็นใจอย่างยิ่ง เพราะพี่ก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายๆอย่างนี้เหมือนกัน
แต่เป็นเรื่องของชั้นคลินิกครับ ซึ่งมันดราม่ากว่าเยอะมากกก
ชั้นปรีคลินิก อาจารย์ด่าแค่ไหน กดดันแค่ไหน น้องก็ผ่านได้ครับ ถ้าสอบผ่านส่งงานครบ เพราะยังไงอาจารย์ก็ช่วยอยู่แล้วในท้ายที่สุด
แต่พอขึ้นคลินิก มีผู้ป่วยมาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ ทีนี้ ดราม่าของจริงครับ เพราะพี่เองดวงไม่ค่อยดี ผู้ป่วยเบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก(ซึ่งจริงๆก็โทษเขาไม่ได้หรอก เพราะผู้ป่วยก็มีเหตุผลจริงๆนะ) ประกอบกับหาเคสได้ยากเย็นขึ้นทุกวันๆ
แล้วคนบทมันจะซวยก็จะซวยไปตลอด งานทันตกรรมต่างจากแพทย์ตรงที่ ต้องรักษาผู้ป่วยและมีชิ้นงานมาส่ง(แพทย์ไม่มี Requirement ว่าต้องรักษาหวัดให้หายกี่เคส รักษากระดูกหักให้หายกี่เคสๆนี่) แล้วไอ้ชิ้นงานนี้ดันอยู่กับปากผู้ป่วยตลอดเวลานี่สิ ถ้าผู้ป่วยจะไม่มาซะอย่าง อาจารย์จะช่วยอย่างไรได้ครับ ส่วนอีกมุมมองหนึ่ง อาจารย์ก็ไม่อยากปล่อยให้บัณฑิตไร้คุณภาพออกไปเช่นกัน
ตอนจบออกมายอมรับว่าสบายขึ้นมากครับ แต่เวลามีปัญหาถ้าแก้ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้แล้วมืดแปดด้านปุ๊บนึกถึงอาจารย์ทันที อยากนิมนต์ท่านให้มานั่งแก้ให้ด้วย ผมให้ท่านกร่นด่าทั้งวันเลยเอ้า แต่ขอให้ผู้ป่วยได้งานที่ดี ปลอดภัย
ที่พูดนี่ไม่ได้อะไรนอกจากอยากให้น้องมองโลกในแง่บวกครับ(ช่วยได้มากจริงๆ) อาจารย์มีทั้งนิสัยดีและไม่ดี ถูกจริตเราและไม่ถูกจริตเรา แต่อย่างน้อยเขาก็มีความรู้มากกว่าเรา และเราสามารถรับการถ่ายทอดวิชามาไว้กับตัวได้ การที่มีอาจารย์คุ้มกะลาหัวนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเลิศนะครับ ต่อให้น้องผิดพลาดในคณะฯ คนที่เป็นอาจารย์และคณะฯต้องรับผิดชอบครับ แต่ถ้าน้องลองคิดว่าถ้าเราไปผิดพลาดที่ข้างนอกดูสิครับ จะหนาวขนาดไหน
สรุปที่อยากจะบอก คือ สู้ต่อไปครับ แนะนำว่า ถ้าเราถูกเราก็ลองแย้งกลับไปดีๆด้วยหลักวิชาการนะ แต่ถ้าเขาตอกกลับมาอย่างไรก็ลองรับฟังไว้พิจารณา อย่าไปเอาชนะคัดคานให้ได้ขนาดนั้น เพราะบางทีของแบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสียหรอกครับ(สมัยก่อนพี่ก็ดื้อออกบ่อยไป)
อีกวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่งคือ จับกลุ่ม Group Therapy เอาคนซวยๆมาจับกลุ่มเม้ามอยกันก็คลายเครียดไปได้เยอะ แล้วเรื่องร้ายๆมันก็จะผ่านไปเหมือนลมพัด
แต่เป็นเรื่องของชั้นคลินิกครับ ซึ่งมันดราม่ากว่าเยอะมากกก
ชั้นปรีคลินิก อาจารย์ด่าแค่ไหน กดดันแค่ไหน น้องก็ผ่านได้ครับ ถ้าสอบผ่านส่งงานครบ เพราะยังไงอาจารย์ก็ช่วยอยู่แล้วในท้ายที่สุด
แต่พอขึ้นคลินิก มีผู้ป่วยมาเกี่ยวข้องด้วยล่ะ ทีนี้ ดราม่าของจริงครับ เพราะพี่เองดวงไม่ค่อยดี ผู้ป่วยเบี้ยวแล้วเบี้ยวอีก(ซึ่งจริงๆก็โทษเขาไม่ได้หรอก เพราะผู้ป่วยก็มีเหตุผลจริงๆนะ) ประกอบกับหาเคสได้ยากเย็นขึ้นทุกวันๆ
แล้วคนบทมันจะซวยก็จะซวยไปตลอด งานทันตกรรมต่างจากแพทย์ตรงที่ ต้องรักษาผู้ป่วยและมีชิ้นงานมาส่ง(แพทย์ไม่มี Requirement ว่าต้องรักษาหวัดให้หายกี่เคส รักษากระดูกหักให้หายกี่เคสๆนี่) แล้วไอ้ชิ้นงานนี้ดันอยู่กับปากผู้ป่วยตลอดเวลานี่สิ ถ้าผู้ป่วยจะไม่มาซะอย่าง อาจารย์จะช่วยอย่างไรได้ครับ ส่วนอีกมุมมองหนึ่ง อาจารย์ก็ไม่อยากปล่อยให้บัณฑิตไร้คุณภาพออกไปเช่นกัน
ตอนจบออกมายอมรับว่าสบายขึ้นมากครับ แต่เวลามีปัญหาถ้าแก้ได้ก็ดี แต่ถ้าไม่ได้แล้วมืดแปดด้านปุ๊บนึกถึงอาจารย์ทันที อยากนิมนต์ท่านให้มานั่งแก้ให้ด้วย ผมให้ท่านกร่นด่าทั้งวันเลยเอ้า แต่ขอให้ผู้ป่วยได้งานที่ดี ปลอดภัย
ที่พูดนี่ไม่ได้อะไรนอกจากอยากให้น้องมองโลกในแง่บวกครับ(ช่วยได้มากจริงๆ) อาจารย์มีทั้งนิสัยดีและไม่ดี ถูกจริตเราและไม่ถูกจริตเรา แต่อย่างน้อยเขาก็มีความรู้มากกว่าเรา และเราสามารถรับการถ่ายทอดวิชามาไว้กับตัวได้ การที่มีอาจารย์คุ้มกะลาหัวนี่ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีเลิศนะครับ ต่อให้น้องผิดพลาดในคณะฯ คนที่เป็นอาจารย์และคณะฯต้องรับผิดชอบครับ แต่ถ้าน้องลองคิดว่าถ้าเราไปผิดพลาดที่ข้างนอกดูสิครับ จะหนาวขนาดไหน
สรุปที่อยากจะบอก คือ สู้ต่อไปครับ แนะนำว่า ถ้าเราถูกเราก็ลองแย้งกลับไปดีๆด้วยหลักวิชาการนะ แต่ถ้าเขาตอกกลับมาอย่างไรก็ลองรับฟังไว้พิจารณา อย่าไปเอาชนะคัดคานให้ได้ขนาดนั้น เพราะบางทีของแบบนี้มันได้ไม่คุ้มเสียหรอกครับ(สมัยก่อนพี่ก็ดื้อออกบ่อยไป)
อีกวิธีคลายเครียดอย่างหนึ่งคือ จับกลุ่ม Group Therapy เอาคนซวยๆมาจับกลุ่มเม้ามอยกันก็คลายเครียดไปได้เยอะ แล้วเรื่องร้ายๆมันก็จะผ่านไปเหมือนลมพัด
แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
ทันตกรรม
ฝากถึงอาจารย์ทันตแพทย์