วันนี้ไม่มีอะไรเลยค่ะนอกจากจะมาระบายความท้อใจ คือเราทำงานโรงแรมค่ะเรียนจบคณะการจัดการโรงแรมของมหาลัยที่พอมีชื่อเสียงแห่งนึงของรัฐ ที่เลือกเรียนสายนี้เพราะที่บ้านทำงานด้านโรงแรมกันหมดเลยค่ะ แล้วพ่อกับแม่ก็บอกอยู่เสมอว่าสวัสดิการโรงแรมมันค่อยข้างดี และมีโอกาศโตได้
ตอนจบมาเราก็ได้เกรียรตินิยมอันดับหนึ่ง ภาษาอังกฤษเราก็อยู่ในขั้นดีระดึบนึงแต่ไม่ถึงกับเก่งมากนะคะ แต่ก็คิดว่าโปรไฟลไม่แพ้ใครเลยเราเลยลองไปสมัครงานในโรงแรม 4 ดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ทำงานมาแล้ว 2 ปี เงินเดือนเพิ่งได้แค่ 20k เองค่ะ รวม service charge ตอนเข้ามาทำปีแรกเราได้ 18k ซึ่งเราคิดว่ามันก็อยู่ในระดับรับได้แล้วของเด็กจบใหม่
แต่เดือนที่แล้วมีน้องคนนึงเรียนจบเอกภาษาญี่ปุ่นมา ได้ไปอยู่ญี่ปุ่น 1 ปี ไม่มีความรู้เรื่องการโรงแรมอะไรเลยค่ะ
เข้ามาปุ๊บสตาท 30k เลย เรานี่รู้แล้วท้อใจเลยค่ะ แต่ไม่ได้ริษยาอะไรน้องเค้านะคะ เค้าก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนนึง แต่เราก็นอยส์ตัวเองว่านี่เราเสียเวลาทำอะไรมาช่วงมหาลัย เราชอบงานด้านโรงแรมมากๆเลย เราเลยไปเรียนตรงสาย ตั้งใจเรียนตั้งแต่ปี 1 แต่จบมาเงินเดือนดันน้อยกว่าคนที่เรียนกันมาคนละสาย คือเรากับหัวหน้าสนิทกันค่ะตอนกินข้าวกันก็แซวๆน้องเค้ากับหัวหน้า (น้องเค้าเป็นผู้ชายค่ะ) ก็แซวๆว่าแหม พี่กะเลี้ยงเด็กรึเปล่าเนี่ย หน้าตาก็ดีเข้ามาสตาทนี่สูงกว่าบางคนทำงานมา 5 ปีซะอีก พี่หัวหน้าเค้าก็ตอบมาว่า ไม่หรอกพี่คิดว่าการหาคนที่ได้ภาษาอยู่แล้วมาฝึกงานโรงแรมน่ะดีกว่าให้คนที่ทำงานโรงแรมอยู่แล้วไปเรียนภาษาใหม่ แล้วคนได้ภาษาอยู่แล้วจะไปฝึกทำเซลล์ทำแบคออฟฟิศอะไรมันก็ง่ายทำได้หมด ใช้ประสบการณ์เอาเดี๋ยวก็ทำได้
เราฟังแล้วท้อใจเลยค่ะ รู้งี้เราน่าจะเลือกเรียนด้านภาษามาดีกว่า โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น เพราะคนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆที่เราเจอสตาทสูงสุดในโรงแรมแค่ 25k เองค่ะ (รู้มาจาก HR ...แหม่ก็ผู้หญิงน่ะเนอะ มีอะไรเมาท์กันรู้กันหมด)
เฮ้อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อิจฉาที่บางคนเลือกทางเดินชีวิตอีกแบบแต่ผลลัพธ์กับแตกต่างคนที่เลือกเดินทางสายตรง
ถ้ามีน้องๆคนไหนเข้ามาอ่านก็อยากจะให้น้องๆตั้งใจเรียนภาษากันเยอะๆนะคะ มันดีกว่าจริงๆนั่นแหละ เสียใจที่ไม่ได้ทุ่มเทกับภาษาในสมัยเรียน
รู้สึกท้อใจค่ะ เด็กจบใหม่เข้ามาทำงานตำแหน่งเดียวกัน ได้ภาษาแต่เรียนมาไม่ตรงสายสตาท 32k
ตอนจบมาเราก็ได้เกรียรตินิยมอันดับหนึ่ง ภาษาอังกฤษเราก็อยู่ในขั้นดีระดึบนึงแต่ไม่ถึงกับเก่งมากนะคะ แต่ก็คิดว่าโปรไฟลไม่แพ้ใครเลยเราเลยลองไปสมัครงานในโรงแรม 4 ดาวแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ทำงานมาแล้ว 2 ปี เงินเดือนเพิ่งได้แค่ 20k เองค่ะ รวม service charge ตอนเข้ามาทำปีแรกเราได้ 18k ซึ่งเราคิดว่ามันก็อยู่ในระดับรับได้แล้วของเด็กจบใหม่
แต่เดือนที่แล้วมีน้องคนนึงเรียนจบเอกภาษาญี่ปุ่นมา ได้ไปอยู่ญี่ปุ่น 1 ปี ไม่มีความรู้เรื่องการโรงแรมอะไรเลยค่ะ
เข้ามาปุ๊บสตาท 30k เลย เรานี่รู้แล้วท้อใจเลยค่ะ แต่ไม่ได้ริษยาอะไรน้องเค้านะคะ เค้าก็เป็นเพื่อนร่วมงานที่น่ารักคนนึง แต่เราก็นอยส์ตัวเองว่านี่เราเสียเวลาทำอะไรมาช่วงมหาลัย เราชอบงานด้านโรงแรมมากๆเลย เราเลยไปเรียนตรงสาย ตั้งใจเรียนตั้งแต่ปี 1 แต่จบมาเงินเดือนดันน้อยกว่าคนที่เรียนกันมาคนละสาย คือเรากับหัวหน้าสนิทกันค่ะตอนกินข้าวกันก็แซวๆน้องเค้ากับหัวหน้า (น้องเค้าเป็นผู้ชายค่ะ) ก็แซวๆว่าแหม พี่กะเลี้ยงเด็กรึเปล่าเนี่ย หน้าตาก็ดีเข้ามาสตาทนี่สูงกว่าบางคนทำงานมา 5 ปีซะอีก พี่หัวหน้าเค้าก็ตอบมาว่า ไม่หรอกพี่คิดว่าการหาคนที่ได้ภาษาอยู่แล้วมาฝึกงานโรงแรมน่ะดีกว่าให้คนที่ทำงานโรงแรมอยู่แล้วไปเรียนภาษาใหม่ แล้วคนได้ภาษาอยู่แล้วจะไปฝึกทำเซลล์ทำแบคออฟฟิศอะไรมันก็ง่ายทำได้หมด ใช้ประสบการณ์เอาเดี๋ยวก็ทำได้
เราฟังแล้วท้อใจเลยค่ะ รู้งี้เราน่าจะเลือกเรียนด้านภาษามาดีกว่า โดยเฉพาะภาษาญี่ปุ่น เพราะคนที่เก่งภาษาอังกฤษมากๆที่เราเจอสตาทสูงสุดในโรงแรมแค่ 25k เองค่ะ (รู้มาจาก HR ...แหม่ก็ผู้หญิงน่ะเนอะ มีอะไรเมาท์กันรู้กันหมด)
เฮ้อ ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่อิจฉาที่บางคนเลือกทางเดินชีวิตอีกแบบแต่ผลลัพธ์กับแตกต่างคนที่เลือกเดินทางสายตรง
ถ้ามีน้องๆคนไหนเข้ามาอ่านก็อยากจะให้น้องๆตั้งใจเรียนภาษากันเยอะๆนะคะ มันดีกว่าจริงๆนั่นแหละ เสียใจที่ไม่ได้ทุ่มเทกับภาษาในสมัยเรียน