การหากินกับความเชื่อของคน (โดยเฉพาะคนโง่ ไร้ปัญญา)
เป็นกิจการที่สามารถทำเงินมหาศาลให้กับผู้ที่แสดงตนเป็นเจ้าลัทธิได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากที่สุด
ดังนั้นในแต่ละยุคจึงมีคนอุตริ พิเรนทร์คน มักจะนำเอาคำสอนของสมเด็จพระบรมศาสดา
ไปบิดเบือนเพื่อหากินเป็นประจำ แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือดันมีคนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อ
บทความวันนี้มาจากแฟนคอลัมน์
ซึ่งค้นคว้าหาหลักฐานด้านเสาอโศกมาเป็นเวลานาน
และเห็นว่าสังคมไทยกำลังถูกพระภิกษุรายหนึ่งบิดเบือน
ด้วยความเกรงว่าคนที่คิดไม่ทันพระรูปนั้น จะหลงเชื่อ จนทำลายพระพุทธศาสนาในที่สุด
คุณผู้อ่านรายนี้ (ซึ่งผู้เขียนรู้จักตัวตน) จึงส่งบทความนี้มาเพื่อเตือนสติ
ทั้งคนที่หลงผิด และพระที่พยายามบิดเบือนเหยื่อเสาอโศก
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ภิกษุรูปหนึ่งเจ้าของวาทะกรรม “พุทธวจน” ปาฏิโมกข์ 150 ข้อ
ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของพุทธวจนปิฎก ที่ตนเองจัดพิมพ์ขึ้นมาจำหน่าย
โดยแสดงวัตถุประสงค์ว่า จะนำมาใช้แทนพระไตรปิฎกทั่วโลก
แล้วดันกล้ายืนยันว่า พุทธวจนปิฎก ของตนคือพุทธวจนะของจริง
ส่วนพระไตรปิฎกที่ใช้กันมาแต่โบราณนั้นมีคำปลอมรวมอยู่ด้วย
ภิกษุรูปนี้ยืนยันหลักฐานที่มาของพุทธวจนปิฎกของตน ว่า
มีที่มาโดยสืบทอดมาจากเสาหินอโศก ซึ่งพระเจ้าอโศกจารึกพุทธวจนะไว้ที่เสาอโศก
ประชาชนส่วนมากที่ไม่ได้ศึกษาจารึกอโศกไม่เคยไปดูเสาอโศกของจริงจึงหลงเชื่อ
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวได้กระทำไปทั้งในระบบอินเตอร์เนต
ผ่านยูทูบและเว็บบอร์ดต่างๆ และกระทำโดยภิกษุรูปนี้เผยแพร่ด้วยวาจาตนเองออกรายการทีวีมากมายหลายช่อง
ความจริงแล้ว เสาอโศกคือที่บันทึกโองการของพระเจ้าอโศกมหาราช
ที่ทรงเปลี่ยนจากการปกครองอย่างโหดเหี้ยมมาปกครองโดยธรรม
และเป็นที่บันทึกพระบรมราชโองการให้ประชาชนหยุดการฆ่าสัตว์บูชายัญ
ซึ่งมิได้มีความเกี่ยวข้องกับพุทธวจนะ หรือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่อย่างใด
โดยที่ในขณะที่พระเจ้าอโศกมหาราชจารึกเสาอโศกนั้น
พระสัทธรรมยังมิได้ถูกจารลงในใบลานหรือเอกสารใดๆ เลย
ยังคงใช้วิธีการสอนธรรมแบบเทศนาหรือแสดงด้วยมุขปาฐะเท่านั้น
การกล่าวเช่นนั้น ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ
พากันซื้อหนังสือพุทธวจนปิฎกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าราคาจะสูงเพียงใดก็ตาม
ราคาขายแต่ละที่ไม่เท่ากัน โดยตั้งราคาตั้งแต่ 900 บาท จนถึง 1,900 บาท
ยังความศรัทธาและเชื่อมั่นมาสู่ประชาชนที่ขาดองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนา
ว่า ปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าให้ยกขึ้นสวดทุกกึ่งเดือนมีเพียง 150 ข้อ พระที่ทำกันทั้งโลกนี้ ผิดหมด
ในขณะที่สังคมกำลังถามว่า “เสาอโศกต้นไหน มีคำว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย”
ตามคำกล่าวอ้างของภิกษุรูปนี้
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากคำตอบของเหล่าสาวก
โดยบิดเบือนคำถามและใส่ความผู้ถาม ว่า “ถ้าไม่เชื่อเสาอโศก ก็เท่ากับไม่เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นการตอบคำถามที่ไม่ต้องประเด็น
ปรากฏการณ์ทางสังคมนี้ เกิดขึ้นเพราะชาวพุทธส่วนใหญ่
ขาดองค์ความรู้ในทางปริยัติ ขาดหลักกาลามสูตร
เชื่อทันทีที่ใครคนใดคนหนึ่งอ้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาโดยประกอบหลักฐาน
แต่ผู้ฟังกลับไม่ได้สอบสวนหลักฐานตามที่เขาอ้างมาเอาเสียเลย
ทั้งเมื่อคนเราเกิดความเชื่อแล้ว จะดิ่งลงไปในความเชื่อ
ทำให้ขาดการคิดพิจารณาอย่างแยบคาย
และความเชื่อที่ทำให้ขาดการพิจารณาอย่างแยบคายนี่เอง
ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาอีกมากมายหลายประการ
*****************************
บทสรุปที่ได้จากบทความนี้คือ
“คนไร้สติมักจะตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่บริสุทธิ์”
คำถามก็คือ ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมาก มีสติหรือไร้สติ
ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม 2557
http://www.naewna.com/politic/columnist/15807
คนไร้สติจะเชื่อในสิ่งไร้สาระ คนมีปัญญาจะเชื่อในสิ่งมีสาระ : หนังสือพิมพ์แนวหน้า
เป็นกิจการที่สามารถทำเงินมหาศาลให้กับผู้ที่แสดงตนเป็นเจ้าลัทธิได้อย่างเป็นกอบเป็นกำมากที่สุด
ดังนั้นในแต่ละยุคจึงมีคนอุตริ พิเรนทร์คน มักจะนำเอาคำสอนของสมเด็จพระบรมศาสดา
ไปบิดเบือนเพื่อหากินเป็นประจำ แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือดันมีคนจำนวนไม่น้อยหลงเชื่อ
บทความวันนี้มาจากแฟนคอลัมน์
ซึ่งค้นคว้าหาหลักฐานด้านเสาอโศกมาเป็นเวลานาน
และเห็นว่าสังคมไทยกำลังถูกพระภิกษุรายหนึ่งบิดเบือน
ด้วยความเกรงว่าคนที่คิดไม่ทันพระรูปนั้น จะหลงเชื่อ จนทำลายพระพุทธศาสนาในที่สุด
คุณผู้อ่านรายนี้ (ซึ่งผู้เขียนรู้จักตัวตน) จึงส่งบทความนี้มาเพื่อเตือนสติ
ทั้งคนที่หลงผิด และพระที่พยายามบิดเบือนเหยื่อเสาอโศก
เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่ภิกษุรูปหนึ่งเจ้าของวาทะกรรม “พุทธวจน” ปาฏิโมกข์ 150 ข้อ
ได้กล่าวถึงที่มาที่ไปของพุทธวจนปิฎก ที่ตนเองจัดพิมพ์ขึ้นมาจำหน่าย
โดยแสดงวัตถุประสงค์ว่า จะนำมาใช้แทนพระไตรปิฎกทั่วโลก
แล้วดันกล้ายืนยันว่า พุทธวจนปิฎก ของตนคือพุทธวจนะของจริง
ส่วนพระไตรปิฎกที่ใช้กันมาแต่โบราณนั้นมีคำปลอมรวมอยู่ด้วย
ภิกษุรูปนี้ยืนยันหลักฐานที่มาของพุทธวจนปิฎกของตน ว่า
มีที่มาโดยสืบทอดมาจากเสาหินอโศก ซึ่งพระเจ้าอโศกจารึกพุทธวจนะไว้ที่เสาอโศก
ประชาชนส่วนมากที่ไม่ได้ศึกษาจารึกอโศกไม่เคยไปดูเสาอโศกของจริงจึงหลงเชื่อ
การเผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวได้กระทำไปทั้งในระบบอินเตอร์เนต
ผ่านยูทูบและเว็บบอร์ดต่างๆ และกระทำโดยภิกษุรูปนี้เผยแพร่ด้วยวาจาตนเองออกรายการทีวีมากมายหลายช่อง
ความจริงแล้ว เสาอโศกคือที่บันทึกโองการของพระเจ้าอโศกมหาราช
ที่ทรงเปลี่ยนจากการปกครองอย่างโหดเหี้ยมมาปกครองโดยธรรม
และเป็นที่บันทึกพระบรมราชโองการให้ประชาชนหยุดการฆ่าสัตว์บูชายัญ
ซึ่งมิได้มีความเกี่ยวข้องกับพุทธวจนะ หรือคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่อย่างใด
โดยที่ในขณะที่พระเจ้าอโศกมหาราชจารึกเสาอโศกนั้น
พระสัทธรรมยังมิได้ถูกจารลงในใบลานหรือเอกสารใดๆ เลย
ยังคงใช้วิธีการสอนธรรมแบบเทศนาหรือแสดงด้วยมุขปาฐะเท่านั้น
การกล่าวเช่นนั้น ทำให้ประชาชนหลงเชื่อ
พากันซื้อหนังสือพุทธวจนปิฎกเป็นจำนวนมาก แม้ว่าราคาจะสูงเพียงใดก็ตาม
ราคาขายแต่ละที่ไม่เท่ากัน โดยตั้งราคาตั้งแต่ 900 บาท จนถึง 1,900 บาท
ยังความศรัทธาและเชื่อมั่นมาสู่ประชาชนที่ขาดองค์ความรู้ทางพระพุทธศาสนา
ว่า ปาฏิโมกข์ที่พระพุทธเจ้าให้ยกขึ้นสวดทุกกึ่งเดือนมีเพียง 150 ข้อ พระที่ทำกันทั้งโลกนี้ ผิดหมด
ในขณะที่สังคมกำลังถามว่า “เสาอโศกต้นไหน มีคำว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย”
ตามคำกล่าวอ้างของภิกษุรูปนี้
แต่ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ นอกจากคำตอบของเหล่าสาวก
โดยบิดเบือนคำถามและใส่ความผู้ถาม ว่า “ถ้าไม่เชื่อเสาอโศก ก็เท่ากับไม่เชื่อว่ามีพระพุทธเจ้า” ซึ่งเป็นการตอบคำถามที่ไม่ต้องประเด็น
ปรากฏการณ์ทางสังคมนี้ เกิดขึ้นเพราะชาวพุทธส่วนใหญ่
ขาดองค์ความรู้ในทางปริยัติ ขาดหลักกาลามสูตร
เชื่อทันทีที่ใครคนใดคนหนึ่งอ้างสิ่งใดสิ่งหนึ่งขึ้นมาโดยประกอบหลักฐาน
แต่ผู้ฟังกลับไม่ได้สอบสวนหลักฐานตามที่เขาอ้างมาเอาเสียเลย
ทั้งเมื่อคนเราเกิดความเชื่อแล้ว จะดิ่งลงไปในความเชื่อ
ทำให้ขาดการคิดพิจารณาอย่างแยบคาย
และความเชื่อที่ทำให้ขาดการพิจารณาอย่างแยบคายนี่เอง
ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมตามมาอีกมากมายหลายประการ
*****************************
บทสรุปที่ได้จากบทความนี้คือ
“คนไร้สติมักจะตกเป็นเหยื่อของผู้ไม่บริสุทธิ์”
คำถามก็คือ ทุกวันนี้คนไทยจำนวนมาก มีสติหรือไร้สติ
ที่มา หนังสือพิมพ์แนวหน้า ฉบับวันที่ 7 ธันวาคม 2557
http://www.naewna.com/politic/columnist/15807