US Box Office November 28-30, 2014

(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ถือว่าเป็นไปตามคาดสำหรับอันดับหนังทำเงินประจำสัปดาห์นี้ เมื่อ The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 ยังครองอันดับ 1 ได้สบายๆ เมื่อหนังเข้าใหม่อย่าง Penguins of Madagascar และ Horrible Bosses 2 ต่างเปิดตัวได้น่าผิดหวังทั้งคู่ โดยหนังใน 12 อันดับแรกนั้น ทำเงินรวมกัน 154.9 ล้านเหรียญ น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อนถึงกว่า 20% โดยในตอนนั้น The Hunger Games: Catching Fire กับ Frozen ทำเงินรวมกันได้ถึง 142 ล้านเหรียญ
กับสัปดาห์ที่สองในการฉาย Mockingjay รายได้ตกพอประมาณ 53% ทำเงินมาอีก 57 ล้านเหรียญ ซึ่งตกพอๆ กับ Catching Fire แต่อย่าลืมว่า หนังเปิดตัวในสัปดาห์แรกได้น้อยกว่า มาถึงตอนนี้ Mockingjay กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 7 ของปีนี้ด้วยรายได้ 225.7 ล้านเหรียญ ถ้าหนังทำเงินได้ในอัตราเดียวกับ Catching Fire รายได้สุดท้ายก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 324 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าแชมป์ของปีนี้ Guardians of the Galaxy (331.9 ล้านเหรียญ) เล็กน้อย
เปิดตัว 3,764 โรง Penguins of Madagascar ทำรายได้ 25.4 ล้านเหรียญ รายได้ห้าวันรับไป 35.4 ล้านเหรียญ หากเทียบกับหนัง Madagascar 2 เรื่องล่าสุด ที่เปิดตัวเรื่องละไม่ต่ำกว่า 60 ล้านเหรียญ จากรายได้ 3 วันตามปกติ หนัง Penguins นั้นแย่ที่สุด และพอๆ กับหนังวันขอบคุณพระเจ้าอีกเรื่องของดรีมเวิร์คส์ ที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน Rise of the Guardians ซึ่งทำรายได้เปิดตัว 5 วัน 32.3 ล้านเหรียญ ขณะที่คนดู 51% เป็นหญิง และอายุต่ำกว่า 25 ถึง 58% รายได้ของ 3 มิติเท่ากับ 24% ของรายได้ทั้งหมด กับการได้ A- จากซีนีมาสกอร์ และคำวิจารณ์ที่ดี และไม่มีคู่แข่งตรงๆ ออกฉายในอีกราว 3 สัปดาห์ Penguins น่าจะยืนระยะได้ดี แต่ก็ไม่น่าทำเงินได้เกินร้อยล้าน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชัน อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เมื่อหนัง 4 จาก 6 เรื่องล่าสุดเปิดตัวน้อยกว่า 33 ล้านเหรียญ และปิดตัวไม่ถึง 115 ล้านเหรียญ ซึ่ง Penguins ก็ไม่น่าทำได้ดีกว่า ขณะที่หนัง 11 เรื่องก่อนหน้า เปิดตัวได้มากกว่า 33 ล้านเหรียญ และจบที่เกิน 125 ล้านเหรียญ
ขณะที่ Big Hero 6 ซึ่งเข้าฉายมาแล้ว 3 สัปดาห์ ยังไปได้สวย เมื่อทำเงินอีก 18.8 ล้านเหรียญ พอๆ กับสัปดาห์ที่แล้ว รายได้รวมตอนนี้พุ่งไปที่ 167.2 ล้านเหรียญ กับการที่ไม่มีหนังครอบครัวออกฉายจนกว่าจะถึง 19 ธันวาคม ทำให้ Big Hero 6 มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ส่วนInterstellar ได้เงินมาอีก 15.7 ล้านเหรียญจากสามวัน ซึ่งเพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 3% โดยรายได้จากไอแมกซ์นั้นมากถึง 5.7 ล้านเหรียญ หรือ 36% ของทั้งหมด ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 147 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินเกิน 170 ล้านเหรียญ
หนังเข้าใหม่ Horrible Bosses 2 ทำรายได้เปิดตัว 3 วัน 15.5 ล้านเหรียญ มากพอจะอยู่ในอันดับ 5 แต่ตกจากภาคแรกที่ทำไว้ 28.3 ล้านเหรียญ ถึง 45% และหากรวมรายได้ 5 วันก็ยังน้อยกว่าภาคแรกอยู่ 19% เมื่อทำรายได้รวมไว้ 22.8 ล้านเหรียญ ซึ่งเทียบกับ We're the Millers หรือ Anchorman 2: The Legend Continues ไม่ได้เลย เมื่อหนังทั้ง 2 เรื่องออกตัว 5 วันที่ 37.9 และ 39.5 ล้านเหรียญตามลำดับ โดยปกติแล้วในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า คนมักจะแห่มาดูหนังในวันแรกๆ ส่วนคำวิจารณ์ที่ไม่ดี กับคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ก็น่าจะทำให้หนังทำรายได้ไม่ถึง 50 ล้านเหรียญ
สุดสัปดาห์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งสุดสัปดาห์ ที่ความทุ่มเทให้กับหนังภาคต่อของฮอลลีวูดถูกตั้งคำถาม อย่างน้อยๆ ก็ในอเมริกา ที่คนดูจะไม่ไปซื้อตั๋วได้ง่ายๆ เพราะความคุ้นเคยกับหนัง ถ้าหนังเรื่องนั้นไม่ใช่งานภาคต่อของงานที่พวกเขาชอบ หรือมีเรื่องราวสานต่อไปข้างหน้าชัดเจน, ดูน่าตื่นเต้นอย่าง Captain America: The Winter Soldier ก็มีแนวโน้มว่า รายได้ของหนังจะตกลงจากภาคก่อนหน้า และกับหนังสองเรื่องในสัปดาห์นี้ ถือว่าลดลงฮวบฮาบกว่าปกติ
The Theory of Everything เพิ่มโรงเป็น 802 โรง ทำรายได้น่าประทับใจมากๆ 5.01 ล้านเหรียญ และ 6.4 ล้านเหรียญหากคิดรายได้รวม 5 วัน ขณะที่ Birdman ทำได้เพียง 2.5 ล้านเหรียญ จากการเปิดตัวในวงกว้างทั่วประเทศสัปดาห์แรก แถม The Theory of Everything ยังทำได้ดีกว่า Dallas Buyers Club ซึ่งเป็นหนังกวาดรางวัลของโฟกัส ฟีเจอร์ส เมื่อปีก่อนอีกต่างหาก ตอนนี้หนังทำรายได้รวมไปแล้ว 9.53 ล้านเหรียญ กับปากต่อปากที่ดี คำวิจารณ์ในแง่บวก และเสียงพูดถึงในแบบหนังรางวัล น่าจะทำให้หนังทำเงินมากกว่า 30 ล้านเหรียญ
ขณะที่หนังหวังรางวัลอีกเรื่อง The Imitation Game ก็เปิดตัวได้ดีในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 479,352 เหรียญจาก 4 โรง คิดเป็น 119,838 เหรียญต่อโรง รั้งอันดับ 2 หนังรายได้เฉลี่ยมากสุดของปีนี้ ต่อจาก The Grand Budapest Hotel และเป็นอันดับ 7 ตลอดกาลสำหรับหนังคนแสดง โดยทำได้ดีกว่า The King's Speech ที่รายได้เฉลี่ยต่อโรงอยู่ที่ 88,863 เหรียญจาก 4 โรงในสัปดาห์เดียวกันนี้ ของปี 2010 แต่ก็คงเร็วเกินไปหากจะบอกว่า The Imitation Game จะทำได้เท่ากันในระยะยาว หากก็พอพูดได้ว่ามีความเป็นไปได้
ในตลาดนอกอเมริกา The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 ครองอันดับ 1 เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน กับ 86 ตลาด รายได้ของหนังตกลงจากสัปดาห์ก่อน 56% ทำเงินมาอีก 67 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 254.4 ล้านเหรียญ โดยแหล่งทำเงินของหนังอยู่ที่ อังกฤษ (8.2 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (7 ล้านเหรียญ), ฝรั่งเศส (5.3 ล้านเหรียญ) และออสเตรเลีย (5 ล้านเหรียญ) โดยหนังจะเปิดตัวในจีน และญี่ปุ่นปีหน้า จากตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าหนังจะทำได้ดีเหมือน Catching Fire ที่ทำไว้ 440 ล้านเหรียญหรือเปล่า
ส่วน Interstellar ได้เงินมาอีก 44.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 395.2 ล้านเหรียญ หนังครองอันดับ 1 ที่จีนเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ด้วยรายได้สัปดาห์นี้ 18.1 ล้านเหรียญ และทำเงินที่นี่ไปแล้ว 106 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังนำเข้า 2 มิติทำเงินสูงสุดของจีนไปแล้ว ขณะที่ในเกาหลีใต้ หนังได้เงินมาอีก 7.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมที่นี่เป็น 61 ล้านเหรียญ และน่าจะเป็นหนังนำเข้าที่ใช้คนแสดง ที่ทำเงินสูงสุดที่นี่ นับตั้งแต่ Avatar เป็นต้นมา.
หลังฉากรอบพิเศษมา 2-3 สัปดาห์ในจีน Penguins of Madagascar เริ่มออกฉายในตลาดอื่นๆ บ้างแล้ว โดยทำเงินไป 35.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 62.6 ล้านเหรียญอยู่ในตอนนี้ หนังเปิดตัวถึง 8.2 ล้านเหรียญที่รัสเซีย และน่าประทับใจในอิตาลี (4.6 ล้านเหรียญ) และเยอรมันนี (4.2 ล้านเหรียญ) สัปดาห์หน้าหนังจะเปิดตัวในอีก 8 ตลาดใหญ่ รวมไปถึงในอังกฤษ
Horrible Bosses 2 เปิดตัวใน 42 ตลาดพร้อมอเมริกา และทำรายได้มา 11.7 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้แบบพอรับไหว หนังทำรายได้พอใช้ได้ใน 4 ตลาดหลัก คือ รัสเซีย (2.3 ล้านเหรียญ), อังกฤษ (2 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (1 ล้านเหรียญ) และเม็กซิโก (1.13 ล้านเหรียญ) สำหรับหนังภาคแรกนั้น ทำรายได้ใช้ได้ในตลาดต่างประเทศ 92.1 ล้านเหรียญ กับรายได้เปิดตัวแบบขืดๆ อย่างนี้ ยังมองไม่ออกว่าหนังจะทำได้เหมือนภาคแรกลำบากเหมือนกัน
อ่านแล้วถูกใจคลิกไลค์ได้ที่
www.facebook.com/Sadaos
สุดสัปดาห์วันขอบคุณพระเจ้า Hunger Games ยังยึดแป้นที่ 1 เอาไว้ได้ หนังเข้าใหม่สองเรื่องเปิดตัวได้น่าผิดหวัง
(แปล/ เรียบเรียงจาก www.boxofficemojo.com)
ถือว่าเป็นไปตามคาดสำหรับอันดับหนังทำเงินประจำสัปดาห์นี้ เมื่อ The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 ยังครองอันดับ 1 ได้สบายๆ เมื่อหนังเข้าใหม่อย่าง Penguins of Madagascar และ Horrible Bosses 2 ต่างเปิดตัวได้น่าผิดหวังทั้งคู่ โดยหนังใน 12 อันดับแรกนั้น ทำเงินรวมกัน 154.9 ล้านเหรียญ น้อยกว่าช่วงเวลาเดียวกันนี้ของปีก่อนถึงกว่า 20% โดยในตอนนั้น The Hunger Games: Catching Fire กับ Frozen ทำเงินรวมกันได้ถึง 142 ล้านเหรียญ
กับสัปดาห์ที่สองในการฉาย Mockingjay รายได้ตกพอประมาณ 53% ทำเงินมาอีก 57 ล้านเหรียญ ซึ่งตกพอๆ กับ Catching Fire แต่อย่าลืมว่า หนังเปิดตัวในสัปดาห์แรกได้น้อยกว่า มาถึงตอนนี้ Mockingjay กลายเป็นหนังทำเงินสูงสุดอันดับ 7 ของปีนี้ด้วยรายได้ 225.7 ล้านเหรียญ ถ้าหนังทำเงินได้ในอัตราเดียวกับ Catching Fire รายได้สุดท้ายก็น่าจะอยู่ที่ราวๆ 324 ล้านเหรียญ ซึ่งน้อยกว่าแชมป์ของปีนี้ Guardians of the Galaxy (331.9 ล้านเหรียญ) เล็กน้อย
เปิดตัว 3,764 โรง Penguins of Madagascar ทำรายได้ 25.4 ล้านเหรียญ รายได้ห้าวันรับไป 35.4 ล้านเหรียญ หากเทียบกับหนัง Madagascar 2 เรื่องล่าสุด ที่เปิดตัวเรื่องละไม่ต่ำกว่า 60 ล้านเหรียญ จากรายได้ 3 วันตามปกติ หนัง Penguins นั้นแย่ที่สุด และพอๆ กับหนังวันขอบคุณพระเจ้าอีกเรื่องของดรีมเวิร์คส์ ที่เปิดตัวเมื่อ 2 ปีก่อน Rise of the Guardians ซึ่งทำรายได้เปิดตัว 5 วัน 32.3 ล้านเหรียญ ขณะที่คนดู 51% เป็นหญิง และอายุต่ำกว่า 25 ถึง 58% รายได้ของ 3 มิติเท่ากับ 24% ของรายได้ทั้งหมด กับการได้ A- จากซีนีมาสกอร์ และคำวิจารณ์ที่ดี และไม่มีคู่แข่งตรงๆ ออกฉายในอีกราว 3 สัปดาห์ Penguins น่าจะยืนระยะได้ดี แต่ก็ไม่น่าทำเงินได้เกินร้อยล้าน
จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่า ดรีมเวิร์คส์ แอนิเมชัน อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดีนัก เมื่อหนัง 4 จาก 6 เรื่องล่าสุดเปิดตัวน้อยกว่า 33 ล้านเหรียญ และปิดตัวไม่ถึง 115 ล้านเหรียญ ซึ่ง Penguins ก็ไม่น่าทำได้ดีกว่า ขณะที่หนัง 11 เรื่องก่อนหน้า เปิดตัวได้มากกว่า 33 ล้านเหรียญ และจบที่เกิน 125 ล้านเหรียญ
ขณะที่ Big Hero 6 ซึ่งเข้าฉายมาแล้ว 3 สัปดาห์ ยังไปได้สวย เมื่อทำเงินอีก 18.8 ล้านเหรียญ พอๆ กับสัปดาห์ที่แล้ว รายได้รวมตอนนี้พุ่งไปที่ 167.2 ล้านเหรียญ กับการที่ไม่มีหนังครอบครัวออกฉายจนกว่าจะถึง 19 ธันวาคม ทำให้ Big Hero 6 มีโอกาสทำเงินได้มากกว่า 200 ล้านเหรียญเลยทีเดียว ส่วนInterstellar ได้เงินมาอีก 15.7 ล้านเหรียญจากสามวัน ซึ่งเพิ่มจากสัปดาห์ก่อน 3% โดยรายได้จากไอแมกซ์นั้นมากถึง 5.7 ล้านเหรียญ หรือ 36% ของทั้งหมด ตอนนี้หนังทำเงินไปแล้ว 147 ล้านเหรียญ และน่าจะทำเงินเกิน 170 ล้านเหรียญ
หนังเข้าใหม่ Horrible Bosses 2 ทำรายได้เปิดตัว 3 วัน 15.5 ล้านเหรียญ มากพอจะอยู่ในอันดับ 5 แต่ตกจากภาคแรกที่ทำไว้ 28.3 ล้านเหรียญ ถึง 45% และหากรวมรายได้ 5 วันก็ยังน้อยกว่าภาคแรกอยู่ 19% เมื่อทำรายได้รวมไว้ 22.8 ล้านเหรียญ ซึ่งเทียบกับ We're the Millers หรือ Anchorman 2: The Legend Continues ไม่ได้เลย เมื่อหนังทั้ง 2 เรื่องออกตัว 5 วันที่ 37.9 และ 39.5 ล้านเหรียญตามลำดับ โดยปกติแล้วในช่วงเทศกาลขอบคุณพระเจ้า คนมักจะแห่มาดูหนังในวันแรกๆ ส่วนคำวิจารณ์ที่ไม่ดี กับคะแนน B+ จากซีนีมาสกอร์ ก็น่าจะทำให้หนังทำรายได้ไม่ถึง 50 ล้านเหรียญ
สุดสัปดาห์นี้ถือเป็นอีกหนึ่งสุดสัปดาห์ ที่ความทุ่มเทให้กับหนังภาคต่อของฮอลลีวูดถูกตั้งคำถาม อย่างน้อยๆ ก็ในอเมริกา ที่คนดูจะไม่ไปซื้อตั๋วได้ง่ายๆ เพราะความคุ้นเคยกับหนัง ถ้าหนังเรื่องนั้นไม่ใช่งานภาคต่อของงานที่พวกเขาชอบ หรือมีเรื่องราวสานต่อไปข้างหน้าชัดเจน, ดูน่าตื่นเต้นอย่าง Captain America: The Winter Soldier ก็มีแนวโน้มว่า รายได้ของหนังจะตกลงจากภาคก่อนหน้า และกับหนังสองเรื่องในสัปดาห์นี้ ถือว่าลดลงฮวบฮาบกว่าปกติ
The Theory of Everything เพิ่มโรงเป็น 802 โรง ทำรายได้น่าประทับใจมากๆ 5.01 ล้านเหรียญ และ 6.4 ล้านเหรียญหากคิดรายได้รวม 5 วัน ขณะที่ Birdman ทำได้เพียง 2.5 ล้านเหรียญ จากการเปิดตัวในวงกว้างทั่วประเทศสัปดาห์แรก แถม The Theory of Everything ยังทำได้ดีกว่า Dallas Buyers Club ซึ่งเป็นหนังกวาดรางวัลของโฟกัส ฟีเจอร์ส เมื่อปีก่อนอีกต่างหาก ตอนนี้หนังทำรายได้รวมไปแล้ว 9.53 ล้านเหรียญ กับปากต่อปากที่ดี คำวิจารณ์ในแง่บวก และเสียงพูดถึงในแบบหนังรางวัล น่าจะทำให้หนังทำเงินมากกว่า 30 ล้านเหรียญ
ขณะที่หนังหวังรางวัลอีกเรื่อง The Imitation Game ก็เปิดตัวได้ดีในสัปดาห์นี้ ด้วยรายได้ 479,352 เหรียญจาก 4 โรง คิดเป็น 119,838 เหรียญต่อโรง รั้งอันดับ 2 หนังรายได้เฉลี่ยมากสุดของปีนี้ ต่อจาก The Grand Budapest Hotel และเป็นอันดับ 7 ตลอดกาลสำหรับหนังคนแสดง โดยทำได้ดีกว่า The King's Speech ที่รายได้เฉลี่ยต่อโรงอยู่ที่ 88,863 เหรียญจาก 4 โรงในสัปดาห์เดียวกันนี้ ของปี 2010 แต่ก็คงเร็วเกินไปหากจะบอกว่า The Imitation Game จะทำได้เท่ากันในระยะยาว หากก็พอพูดได้ว่ามีความเป็นไปได้
ในตลาดนอกอเมริกา The Hunger Games: Mockingjay - Part 1 ครองอันดับ 1 เป็นสัปดาห์ที่สองติดต่อกัน กับ 86 ตลาด รายได้ของหนังตกลงจากสัปดาห์ก่อน 56% ทำเงินมาอีก 67 ล้านเหรียญ รายได้รวมอยู่ที่ 254.4 ล้านเหรียญ โดยแหล่งทำเงินของหนังอยู่ที่ อังกฤษ (8.2 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (7 ล้านเหรียญ), ฝรั่งเศส (5.3 ล้านเหรียญ) และออสเตรเลีย (5 ล้านเหรียญ) โดยหนังจะเปิดตัวในจีน และญี่ปุ่นปีหน้า จากตอนนี้ยังดูไม่ออกว่าหนังจะทำได้ดีเหมือน Catching Fire ที่ทำไว้ 440 ล้านเหรียญหรือเปล่า
ส่วน Interstellar ได้เงินมาอีก 44.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 395.2 ล้านเหรียญ หนังครองอันดับ 1 ที่จีนเป็นสัปดาห์ที่สามติดต่อกัน ด้วยรายได้สัปดาห์นี้ 18.1 ล้านเหรียญ และทำเงินที่นี่ไปแล้ว 106 ล้านเหรียญ กลายเป็นหนังนำเข้า 2 มิติทำเงินสูงสุดของจีนไปแล้ว ขณะที่ในเกาหลีใต้ หนังได้เงินมาอีก 7.4 ล้านเหรียญ รายได้รวมที่นี่เป็น 61 ล้านเหรียญ และน่าจะเป็นหนังนำเข้าที่ใช้คนแสดง ที่ทำเงินสูงสุดที่นี่ นับตั้งแต่ Avatar เป็นต้นมา.
หลังฉากรอบพิเศษมา 2-3 สัปดาห์ในจีน Penguins of Madagascar เริ่มออกฉายในตลาดอื่นๆ บ้างแล้ว โดยทำเงินไป 35.6 ล้านเหรียญ รายได้รวมเป็น 62.6 ล้านเหรียญอยู่ในตอนนี้ หนังเปิดตัวถึง 8.2 ล้านเหรียญที่รัสเซีย และน่าประทับใจในอิตาลี (4.6 ล้านเหรียญ) และเยอรมันนี (4.2 ล้านเหรียญ) สัปดาห์หน้าหนังจะเปิดตัวในอีก 8 ตลาดใหญ่ รวมไปถึงในอังกฤษ
Horrible Bosses 2 เปิดตัวใน 42 ตลาดพร้อมอเมริกา และทำรายได้มา 11.7 ล้านเหรียญ ซึ่งเป็นรายได้แบบพอรับไหว หนังทำรายได้พอใช้ได้ใน 4 ตลาดหลัก คือ รัสเซีย (2.3 ล้านเหรียญ), อังกฤษ (2 ล้านเหรียญ), เยอรมันนี (1 ล้านเหรียญ) และเม็กซิโก (1.13 ล้านเหรียญ) สำหรับหนังภาคแรกนั้น ทำรายได้ใช้ได้ในตลาดต่างประเทศ 92.1 ล้านเหรียญ กับรายได้เปิดตัวแบบขืดๆ อย่างนี้ ยังมองไม่ออกว่าหนังจะทำได้เหมือนภาคแรกลำบากเหมือนกัน
อ่านแล้วถูกใจคลิกไลค์ได้ที่ www.facebook.com/Sadaos