ปกติเห็นโพสในกระทู้ของPantip ไม่เคยสนใจและเปิดอ่าน แต่วันนี้ได้มีโอกาสอ่านเรื่องของผู้ชายคนหนึ่ง แล้วให้นึกย้อนกลับมาที่เรื่องของตัวเองทันที แต่มันต่างกันตรงที่ว่า เรื่องของฉันมันกำลังเกิดขึ้น ณ ตอนนี้ เป็นเรื่องในปัจจุบันที่มันกำลังจะจบลง อีกไม่กี่เดือน
อยากบอกว่าชื่นชมในความกล้าหาญและความรู้สึกที่เขาได้โพสเรื่องราวให้คนที่ไม่กล้าแม้จะยอมรับความรู้สึกตัวเองอย่างฉัน...
เริ่มเรื่องเลยละกัน....ฉันอธิบายไม่ถูกว่านี่คือความรู้สึกอะไร แต่มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน มันเป็นเรื่องน่าอายและผิดมาก เมื่อคนที่ฉันรู้สึกด้วยเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง สิ่งแรกที่ทำให้ฉันหวั่นไหว คือสายตาคู่นั้น ใช่ๆๆ สายตาเป็นอวัยวะที่ร่างกายสร้างมาเพื่อสื่อความหมายอะไรก็ตามให้รู้ สายตาคู่นั้นที่ฉันได้เห็นอยู่ทุกวัน ทุกครั้งที่เข้าสอน ช่วงแรกๆ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจและสังเกตใครมากนัก แต่พอมาช่วงหลังๆ ....
ฉันเป็นคนที่ชอบเล่านิทาน หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่คิดว่าสนุก และไม่น่าเบื่อให้นักเรียนฟังเสมอ วันนั้นฉันเล่าเรื่องสัตว์เลี้ยงที่ฉันคิดว่านักเรียนคงชอบ ในขณะที่ฉันกำลังเล่าไปแบบเพลินๆ ลีลาท่าทางของฉันมันก็เป็นไปตามสัญชาตญาณ ช่วงหนึ่งของสายตาคู่หนึ่งที่ฉันหันไปสบตาเสมอ หรือง่ายๆ ฉันก็สบตาผู้ฟังทุกคน แต่สำหรับคู่นั้น มันทำให้ฉันเขิลมาก อายุฉันก็ไม่ใช่สาวแรกรุ่น 17-18 แล้ว แต่มันทำให้ฉันต้องใจสั่นยังไงไม่รู้ รู้แค่อยากหายตัวไปเลยหรือไม่ก็ช่วยเลิกมองอย่างนั้นได้ไหม!!!!
หลังจากวันนั้น ฉันจะประหม่ากับการที่ต้องเข้าสอนนักเรียนห้องนี้ที่สุด... ความรู้สึกของฉันมันเริ่มมากขึ้นนะ จนเวลาที่ฉันเห็นเค้าคุยกับเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นแล้วมันไม่ชอบ ฉันเป็นเพื่อนในเฟสกับเพื่อนเค้า แต่กับเค้าเท่านั้นที่ฉันไม่กล้าจะกดรับหรือขอเป็นเพื่อน ทั้งที่นักเรียนทุกคนเป็นเพื่อนกับฉันหมด มีแต่เค้าเท่านั้นที่ฉันยังไม่กล้า จนมีอยู่วันหนึ่งฉันเห็นภาพของเค้าที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นน้องของฉันและทำอาชีพเดียวกับฉันด้วย ความคิดหนึ่งจึงออกมาจากก้นลึกของใจว่า เค้ากำลังคบกับผู้หญิงที่อายุห่างจากเค้ามากๆๆเหมือนกัน ซึ่งมันแสดงว่าถ้าอย่างนั้น เค้าก็ไม่แคร์เรื่องอายุสิน่า อยู่ทำไมล่ะค่ะ ยิ้มสิ.....กว้างมากด้วย แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อความจริงก็คือเค้าคบกันอยู่.....โอกาสต่างๆๆก็หมดลง ฉันละอายใจ สับสนและรู้สึกผิดมากที่คิดบ้าๆ แบบนั้นออกไปได้ยังไง ฉันเลยตั้งใจจะหยุด ทำทุกอย่างที่จะหนีหน้า ซึ่งฉันคิดไปเองทั้งนั้น คาบที่ต้องสอนเค้าก็ขอแลกกับเพื่อน ไปสอนห้องอื่นแทน จนเพื่อนๆเค้าเวลาเดินผ่านโต๊ะฉันก็ถามกันใหญ่ว่าทำไม ถึงไม่สอนเค้า เว้นแต่เค้าเท่านั้นที่ไม่พูดไม่ถาม ส่งแต่สายตามาอย่างเดียว.....ฉันทำได้แค่ตีหน้าขรึมเท่านั้นแต่บ่ายเบี่ยงไปต่างๆนานา จบไปช่วงนึ่งเท่านั้น
จนหลายวันเข้า วันนั้นฉันก็จำไม่ได้ว่ามันเริ่มจากใครก่อนที่รับเป็นเพื่อนในเฟส เวลาที่ฉันโพสข้อความหรือลงภาพ เปลี่ยนรูปจะมีเค้ามากดไลน์เสมอฉันต้องรีบเปิดดูทุกครั้งที่เห็นข้อความเตือน ยิ้มทุกทีที่เห็นเค้ามาดู แต่ก็เตือนตัวเองเสมอว่า ฉันกับเค้าเป็นใคร???
จนวันนั้นก็มาถึง เสียงเตือนข้อความดังขึ้น....เค้าทักฉันมาแต่ถามเรื่องสัตว์เลี้ยงของฉันเพราะมันเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าแต่ละครั้ง เราคุยกันนานหลายข้อความมาก ที่ส่งกันไปมา เหมือนโลกหยุดหมุนเลย ข้าวปลาอาหารไม่ต้องกินกันไปเลย แล้วฉันกับเค้าก็คุยกันแบบนี้ทุกวันแต่ทางเฟสเท่านั้น เค้าจะเป็นคนทักฉันก่อนเสมอ ฉันแอบถามเรื่องระหว่างเค้ากับรุ่นน้องฉันที่กำลังคบกันอยู่เค้าเองก็คงอยากจะปรึกษาเหมือนกันจึงตอบฉันแบบไม่ปิดบัง หรือไม่เค้าก็คงไว้ใจเพราะฉันสอนเค้ามากกว่า จนสุดท้ายเค้าก็บอกว่าได้ห่างๆกับรุ่นน้องของฉันไปแล้ว ฉันรับรู้ได้ถึงความเสียใจและสับสนของเค้า ทำได้แค่ปลอบใจและให้คำปรึกษาไปเรื่อยๆ ติดตามเค้าทุกช่องทางที่เทคโนโลยีเข้าถึง เค้าเองก็ติดตามฉันเหมือนกัน.....
นี่แค่ส่วนนึ่งนะ ที่มันเพิ่งผ่านไป แล้วไงจะมาเล่าอีกนะ
ความลับของความรู้สึก
อยากบอกว่าชื่นชมในความกล้าหาญและความรู้สึกที่เขาได้โพสเรื่องราวให้คนที่ไม่กล้าแม้จะยอมรับความรู้สึกตัวเองอย่างฉัน...
เริ่มเรื่องเลยละกัน....ฉันอธิบายไม่ถูกว่านี่คือความรู้สึกอะไร แต่มันเกิดขึ้นทุกครั้งที่เจอหน้ากัน มันเป็นเรื่องน่าอายและผิดมาก เมื่อคนที่ฉันรู้สึกด้วยเป็นลูกศิษย์ของตัวเอง สิ่งแรกที่ทำให้ฉันหวั่นไหว คือสายตาคู่นั้น ใช่ๆๆ สายตาเป็นอวัยวะที่ร่างกายสร้างมาเพื่อสื่อความหมายอะไรก็ตามให้รู้ สายตาคู่นั้นที่ฉันได้เห็นอยู่ทุกวัน ทุกครั้งที่เข้าสอน ช่วงแรกๆ ฉันไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เพราะโดยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจและสังเกตใครมากนัก แต่พอมาช่วงหลังๆ ....
ฉันเป็นคนที่ชอบเล่านิทาน หรือเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่คิดว่าสนุก และไม่น่าเบื่อให้นักเรียนฟังเสมอ วันนั้นฉันเล่าเรื่องสัตว์เลี้ยงที่ฉันคิดว่านักเรียนคงชอบ ในขณะที่ฉันกำลังเล่าไปแบบเพลินๆ ลีลาท่าทางของฉันมันก็เป็นไปตามสัญชาตญาณ ช่วงหนึ่งของสายตาคู่หนึ่งที่ฉันหันไปสบตาเสมอ หรือง่ายๆ ฉันก็สบตาผู้ฟังทุกคน แต่สำหรับคู่นั้น มันทำให้ฉันเขิลมาก อายุฉันก็ไม่ใช่สาวแรกรุ่น 17-18 แล้ว แต่มันทำให้ฉันต้องใจสั่นยังไงไม่รู้ รู้แค่อยากหายตัวไปเลยหรือไม่ก็ช่วยเลิกมองอย่างนั้นได้ไหม!!!!
หลังจากวันนั้น ฉันจะประหม่ากับการที่ต้องเข้าสอนนักเรียนห้องนี้ที่สุด... ความรู้สึกของฉันมันเริ่มมากขึ้นนะ จนเวลาที่ฉันเห็นเค้าคุยกับเพื่อนนักเรียนหญิงคนอื่นแล้วมันไม่ชอบ ฉันเป็นเพื่อนในเฟสกับเพื่อนเค้า แต่กับเค้าเท่านั้นที่ฉันไม่กล้าจะกดรับหรือขอเป็นเพื่อน ทั้งที่นักเรียนทุกคนเป็นเพื่อนกับฉันหมด มีแต่เค้าเท่านั้นที่ฉันยังไม่กล้า จนมีอยู่วันหนึ่งฉันเห็นภาพของเค้าที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงคนนึ่ง ซึ่งผู้หญิงคนนั้นเป็นรุ่นน้องของฉันและทำอาชีพเดียวกับฉันด้วย ความคิดหนึ่งจึงออกมาจากก้นลึกของใจว่า เค้ากำลังคบกับผู้หญิงที่อายุห่างจากเค้ามากๆๆเหมือนกัน ซึ่งมันแสดงว่าถ้าอย่างนั้น เค้าก็ไม่แคร์เรื่องอายุสิน่า อยู่ทำไมล่ะค่ะ ยิ้มสิ.....กว้างมากด้วย แต่ก็ต้องหุบยิ้มเมื่อความจริงก็คือเค้าคบกันอยู่.....โอกาสต่างๆๆก็หมดลง ฉันละอายใจ สับสนและรู้สึกผิดมากที่คิดบ้าๆ แบบนั้นออกไปได้ยังไง ฉันเลยตั้งใจจะหยุด ทำทุกอย่างที่จะหนีหน้า ซึ่งฉันคิดไปเองทั้งนั้น คาบที่ต้องสอนเค้าก็ขอแลกกับเพื่อน ไปสอนห้องอื่นแทน จนเพื่อนๆเค้าเวลาเดินผ่านโต๊ะฉันก็ถามกันใหญ่ว่าทำไม ถึงไม่สอนเค้า เว้นแต่เค้าเท่านั้นที่ไม่พูดไม่ถาม ส่งแต่สายตามาอย่างเดียว.....ฉันทำได้แค่ตีหน้าขรึมเท่านั้นแต่บ่ายเบี่ยงไปต่างๆนานา จบไปช่วงนึ่งเท่านั้น
จนหลายวันเข้า วันนั้นฉันก็จำไม่ได้ว่ามันเริ่มจากใครก่อนที่รับเป็นเพื่อนในเฟส เวลาที่ฉันโพสข้อความหรือลงภาพ เปลี่ยนรูปจะมีเค้ามากดไลน์เสมอฉันต้องรีบเปิดดูทุกครั้งที่เห็นข้อความเตือน ยิ้มทุกทีที่เห็นเค้ามาดู แต่ก็เตือนตัวเองเสมอว่า ฉันกับเค้าเป็นใคร???
จนวันนั้นก็มาถึง เสียงเตือนข้อความดังขึ้น....เค้าทักฉันมาแต่ถามเรื่องสัตว์เลี้ยงของฉันเพราะมันเป็นหนึ่งในเรื่องเล่าแต่ละครั้ง เราคุยกันนานหลายข้อความมาก ที่ส่งกันไปมา เหมือนโลกหยุดหมุนเลย ข้าวปลาอาหารไม่ต้องกินกันไปเลย แล้วฉันกับเค้าก็คุยกันแบบนี้ทุกวันแต่ทางเฟสเท่านั้น เค้าจะเป็นคนทักฉันก่อนเสมอ ฉันแอบถามเรื่องระหว่างเค้ากับรุ่นน้องฉันที่กำลังคบกันอยู่เค้าเองก็คงอยากจะปรึกษาเหมือนกันจึงตอบฉันแบบไม่ปิดบัง หรือไม่เค้าก็คงไว้ใจเพราะฉันสอนเค้ามากกว่า จนสุดท้ายเค้าก็บอกว่าได้ห่างๆกับรุ่นน้องของฉันไปแล้ว ฉันรับรู้ได้ถึงความเสียใจและสับสนของเค้า ทำได้แค่ปลอบใจและให้คำปรึกษาไปเรื่อยๆ ติดตามเค้าทุกช่องทางที่เทคโนโลยีเข้าถึง เค้าเองก็ติดตามฉันเหมือนกัน.....
นี่แค่ส่วนนึ่งนะ ที่มันเพิ่งผ่านไป แล้วไงจะมาเล่าอีกนะ