ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๘) ๒๙ พ.ย.๕๗

เปิดกรุหนังสือเก่า

ชุด ทหารรับจ้างเดนตาย

ตอน ล่องแจ้งสมรภูมินรก (๑๘)

  ล่องแจ้ง สมรภูมินรก ตอนที่ 18

“สิงหะ จากมะม่วง 3 ตรวจการณ์พบแสงสองคู่พร้อมกับเสียงเครื่องยนต์ คาดว่าเป็นเสียงรถถังข้าศึกสองคันที่พิกัด T.G. 774635”
มีพนักงานวิทยุรายงานแทรกเสียงเพลงเวียตนามที่กำลัง “แจมมิ่ง” วิทยุของกองพันผมขึ้นมาทันที กองสิงห์หยิบแผนที่ขึ้นมาใช้ไฟฉายที่พรางด้วยพลาสติกสีแดง ส่องตรวจดูพิกัดที่กองพัน 604 พบรถถังพร้อมกับเอ่ยขึ้นมาอย่างเคร่งเครียดว่า

“ปืนใหญ่ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะถ้า 401 ตรวจการณ์ไม่ผิดพลาด ขณะนี้รถถังอยู่ห่างจากทางแยก 300 เมตรเท่านั้น และบริเวณนนั้นเท่าที่ผมเคยพา ทหารไปตรวจภูมิประเทศ มันเป็นเนินเขาที่มีเส้นทางพาดอยู่กึ่งกลาง ปืนใหญ่ยิงเข้าไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะมีปราการธรรมชาติคุ้มกันอยู่ข้างบนทั้งสองข้าง”

“ผู้พันครับ แสงไฟสว่างจ้าเลยครับ เสียงมันเร่งเครื่องถอยขึ้นเนินได้ยินชัดทีเดียว ผู้พันลองฟังดูซีครับ”

ผบ.หมวดที่อยู่เนินหัวช้างวิทยุเข้า บก.พัน

ผมพยายามตะแคงหูฟังก็ได้ยินเสียงหึ่งๆบริเวณเส้นทางที่ใช้เป็นทางคมนาคมจากซำทองไปยังล่องแจ้งอย่างถนัดหู ก็รีบรายงานขอเครื่องบินเข้า             “เบาน์เดอร์” ทันที

“ศรแดง จากศรคีรี 5 ขณะนี้ไอ้รถถังที่มันจะขนสุราบานมาแจกพวกผมได้ใกล้เข้ามาแล้วครับ ก่อนจะถึงพวกผมก็ต้องเจอกับมะม่วง 3 เค้าก่อน ฝีมะม่วงจะแตกหรือไม่แตกก็อีตอนนี้ ผู้พันไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ M.72 เหลืออีกหนึ่งโหล ถ้าเอามันไม่อยู่ผมก็เห็นจะต้อง “โตน” ตามธรรมเนียมของเสือพรานนั่นแหละครับ”

จ.ส.อ. สรศักดิ์ พุดทรา ผบ.หมวดจอมสุรา “จ้อ” ขึ้นมาหาเจ้านายอีกครั้ง

“เต็มที่ ไอ้ม้าแก่ ลื้อก็ม้าเหล็กเก่านี่หว่า ม้าเหล็กกับม้าเหล็กย่อมรู้จุดอ่อนของมันดี ล่อให้ตีนตะขาบหลุดเป็นชิ้นๆเลย โชคดีเว้ย”
ไม่มีเสียงตอบจากม้าแก่ นอกจากเสียงสั่งงานทางวิทยุแว่วออกมาเท่านั้น

เสียงเครื่องยนต์ของมันดังฟังชัดขึ้นทุกขณะ บางครั้งก็ถูกขัดจังหวะด้วยเสียงระเบิดของกระสุนปืนใหญ่ จากแคนเดิ้ลที่ปล่อยกระสุนข้ามตัวรถถัง ไปยังหุบเบื้องล่างเสียงก้องสนั่นไปหมดทั้งบริเวณ

เจ้าแสงมหาภัยปรากฏแสงวาบขึ้นอีกแล้ว คราวนี้มันแลบขึ้นติดๆกันสองจุดเลยทีเดียว ณ บริเวณหลังถ้ำ สนามบินซำทองพร้อมๆกับเสียงแหวกอากาศหวีดหวิวข้ามเนินทันเดอร์ ตรงลิ่วมายังเนินหัวช้างที่กองร้อยของผมตั้งฐานอยู่ทันที

เสียงกัมปนาทของมัน กึกก้องขึ้นสองครั้งซ้อนๆ วิถีกระสุนของมันตกลงบริเวณกึ่งกลางฐานปฏิบัติการพอดิบพอดี ถ้าเป็นการวางกำลังเหมือนครั้งแรก จุดที่กระสุนมันลงก็คือ บังเกอร์เก่าของ บก.พันนั่นเอง

นัดที่สามนัดที่สี่ก็ได้ทยอยติดตามมาอีกในระยะกระชั้นชิด คราวนี้ตำบลกระสุนตกเขยิบลงไปหน้าแนวสนามเพลาะด้านล่าง

ซ้ำร้ายยิ่งกว่านั้น เจ้ารถถัง 2 คันก็พาตัวเองขึ้นมาจอดจังก้าอยู่บนเส้นทางที่เป็นเนินเล็กๆ พร้อมกับดับไฟหน้ารถที่สาดจ้าลงอย่างกระทันหัน ปืนประจำรถของมันเริ่มพ่นกระสุนขนาด 85 มม. ขึ้นมาบนฐานของเราทันทีและอีกนัดหนึ่งมุ่งทิศทางไปยังฐานชาร์ลี-กอล์ฟ ซึ่งเป็นที่ตั้งฐาน บก.ร้อย 1 ในช่วงระยะการยิงที่ติดต่อกันเป็นระยะ กองพันของผมโดนศึกหนักเสียแล้ว ไหนจะโดนกระหน่ำจากปืนใหญ่ ขนาด 130 มม. ซ้ำร้ายยังโดนปืนจากรถถังที่จอดจังก้าอยู่หน้าเนินยิงสลุตขึ้นมาอีก คำพูดของไฮโลยังก้องอยู่ในโสตประสาทของผมอยู่ตลอดเวลา อดที่จะชำเลืองดูนาฬิกาไม่ได้ อีก 20 นาทีจะครบห้านาฬิกาตรง...

อา...คำบอกเล่าของไฮโลกำลังจะเป็นความจริงขึ้นมาทุกขณะแล้ว

ความหวังของกองพันผมที่เหลืออยู่เวลานี้ก็คือ การรอคอยเครื่องบินทิ้งระเบิดที่จะมาจากวังเวียงเท่านั้น การสนับสนุนของฐานปืนใหญาแคนเดิ้ลซึ่งกำลังช่วยยิงยับยั้งรถถังข้าศึกอยู่ขณะนี้นั้น ปราศจากความหมายโดยสิ้นเชิง

ด้วยลักษณะภูมิประเทศที่เป็นปราการธรรมชาติอู่เบื้องบนทั้งสองข้าง ช่วยคุ้มกันและป้องกันอำนาจการยิงของปืนใหญ่จากฝ่านเราเป็นอย่างดี
มิไยที่ปืนใหญ่ทั้ง 4 กระบอกจากล่องแจ้งจะช่วยกันซัลโวมายังที่ตั้งยิงของรถถังด้วยการยิงชนิดต่อเนื่องกัน เจ้ารถถังสองคันก็ยังคายพิษสงเข้าใส่ฐานปฏิบัติการของกองพันผมด้วยลักษณะ การยิงคลุมพื้นที่ไปทั่วเนินสกายไลน์วัน

แม้กระทั่งกองร้อยที่ 2 ซึ่งพบกับ “ดวงดี” อยู่ตลอดเวลาก็เริ่มพบกับอำนาจปืนจากรถถังของข้าศึกเข้าบ้างแล้ว

เอ็ม.72 หลายต่อหลายกระบอกที่ทหารรับจ้างประเคนเข้าใส่ อำนาจของมันเพียงแต่ทำให้ปราการธรรมชาติที่บังตัวรถอยู่พังหรือทลายลงไปเท่านั้น และเหมือนกับนกรู้ พอที่กำบังมันพังทลายลง เจ้ารถถังทั้งสองคัน ก็เขยิบเคลื่อนที่เข้าหาปราการธรรมชาติที่อยู่ถัดไปอีก เอาเถิดเอาล่อ จน เอ็ม 72 ที่มีอยู่จำกัดหมดเกลี้ยงในชั่วพริบตา

ท่านผู้อ่านครับ ลองหลับตาแล้วนึกภาพในปัจจุบันที่ผมกำลังเผชิญอยู่ซีครับ เสียงปืนใหญ่รถถังที่ดังติดๆกันไม่เว้นเลยเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงเต็ม นอกจากนี้ยังจะมีเสียงลูกปืนใหญ่ขนาด 130 มม. และปืนรถถังของข้าศึกที่คำรามเป็นระยะๆ ในช่วงการยิงที่เว้นว่างไม่ถึงหนึ่งนาทีสอดแทรกขึ้นมาอีก
ให้คนประสาทแข็งแค่ไหน ก็ทนไม่ไหวหรอกครับ ผมเคยเห็นทหารรับจ้างที่ในอดีตเป็นเสือร้ายฆ่าคนเป็นว่าเล่น ติดคุกนับเป็นเวลาสิบๆปีขึ้นไป ได้รับอภัยโทษก็สมัครมารบในลาว เจอะสภาพและเหตุการณ์แบบนี้เข้า ให้แน่ขนาดไหนก็ไปไม่รอดหรอกครับ พี่แกซุกตัวนิ่งลงกับพื้นสนามเพลาะ ปลุกพระปลุกเจ้าตัวสั่นเป็นลูกนกเอาทีเดียว ขนาดพรรคพวกสะกิดให้โผล่ขึ้นมายิงประทะกับข้าศึกก้ไม่ยอม จะเอาแต่หมอบอยู่ในรูท่าเดียว

ผมเคยเจอะกับการยิงด้วยอาวุธหนัก เมื่อครั้งกองพัน 609 ละลายที่ทุ่งไหหิน ก็ยังไม่หนักเท่าสภาพของกองพัน 616 ซึ่งกำลังประสบอยู่ในขณะนี้
ถ้าเหตุการณ์ยังคงอยู่ในสภาพดังกล่าว กองพันของผมจะต้องถุกบีบบังคับให้ถอนตัวอย่างแน่นอน

06.00 น. ตรง เสียงอาร์ก้าก็เซ็งแระงมครวญครางขึ้นมารอบทิศ ปืนใหญ่และปืนรถถังของข้าศึกยุติการยิงเป็นปลิดทิ้ง
กลุ่มทหารเวียดนามเหนือที่ผมประมานกำลังพลไม่ถุก พรั่งพรูคลานยั๊วเยี๊ยขึ้นมาบนทางลาด ซึ่งขณะนี้เตียนโล่งปราศจากลวดหนามและวัตถุระเบิดที่วางดักเอาใว้อย่างสิ้นเชิง

จากกล้องสนาม ผมมองเห็นถังน้ำมันเบนซินสามถังที่ค้างอยู่ร่องสนามเพลาะ ที่ใช้สำหรับจุดซุมโจมตีเวลากลางคืนอย่างถนัดชัดเจน
ทหารรับจ้างของฝ่ายเราเริ่มตอบโต้ข้าศึกด้วยอาวุธทุกชนิดที่มีอยู่ในกองพัน
ในขณะเดียวกัน ปืนใหญ่จากล่องแจ้งก้หันทิสทางการยิงมาช่วยยับยั้งกลุ่มทหารราบข้าศึก ซึ่งขณะนี้คืบคลานใกล้ถังน้ำมันมาทุกที

เจ้าปืน 130 มม. ซึ่งสงบการยิงไปชั่วครู่เริ่มระดมการยิงอีกครั้ง คราวนี้เสียงหวีดหวิวของมันข้ามฐานของผมมุ่งหน้าไปยังเมืองล่องแจ้ง เพื่อเล่นงานฐานปืนใหญ่ของเราเข้าให้แล้ว
ฉากการดวลปืนใหญ่ก็ได้บังเกิดขึ้น แคนเดิ้ลและเฮอร์คิวลีสที่มีปืนถึง 4 กระบอก เบนทิศทางการยิงไปยังซำทองในทันทีทันใด
เสียงตึงตัง และเสียงแหวกอากาศของหางนำทิศที่ครวญครางข้ามฐานปฏิบัติการของผมไปมา เพิ่มบรรยากาศที่น่าระทึกใจยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ

“กองสิงห์จากศรดำ ข้าศึกประมานสองกองร้อย มี ค. 82 สนับสนุนเข้าประชิดฐานศรดำแล้วครับ ช่วยให้ ค 81 ที่ศรคีรีสนับสนุนผมด้วย”
พนักงานวิทยุกองร้อยที่ 1 ร้องขอความช่วยเหลือมายัง บก.พัน เมื่อตรวจการพบทหารราบข้าศึกเคลื่อนที่เข้ามา

กองสิงห์ยังไม่ทันสั่งการแต่ประการใด ศรคีรีซึ่งตั้งฐานอยู่บนเนินกลางของสกายไลน์วันก็ส่งข่าวเข้า บก.พันอีกครั้ง

“กองสิงห์ จากศรคีรี ข้าศึกประมาณ 2 กองร้อย พร้อมด้วย ปรส.82 ที่ตั้งสนับสนุนอยู่บนเนิน 274 เริ่มโจมตี ศรคีรีแล้วครับ”

“เอาล่ะ พวกมันเริ่มตะลุยพวกเราพร้อมๆกันทั้งสามกองร้อยเลยทีเดียว ผมบอกคุณแล้ว คำบอกเล่าของไฮโลมันช่างศักสิทธิ์อะไรเช่นนั้น ผมอยากรู้เหลือเกินว่า ขณะนี้ไฮโลจะรวมกลุ่มอยู่ในกลุ่มทหารราบของพวกมันหรือเปล่าก็ไม่รู้ เขาน่าจะติดต่อมาอีก”

กองสิงห์พึมพำพร้อมกับเอื้อมมือหยิบวิทยุขึ้นออกคำสั่งอย่างเฉียบขาด

“ศรแดง ศรดำ ศรศรี ศรรัก จากกองสิงห์ ขณะนี้ สถานการณ์ของพวกเราตกอยู่ในภาวะที่จะต้องช่วยตัวเอง ขอให้ผู้บังคับบัญชาประเมินสถานการณ์ให้ละเอียดถี่ถ้วนที่สุด พยายามยันข้าศึกจนสุดความสามารถ ถ้าถูกบีบจนทนไม่ไหว อั๊วจะเป็นผู้สั่งการเอง”

ต่อจากนั้นกองสิงห์คว้า เอ็ม.16 สะกิดผมคลานออกไปสังเกตุการณ์ที่ติดกับทางลาด ที่มองเห็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มทหารข้าศึก ที่กำลังมุ่งหน้าขึ้นมาเป็นทิวแถว

ส่วนหน้าสุดของมันผ่านพ้นถังน้ำมันเบนซินขึ้นมาแล้ว และกำลังส่วนใหญ่ก็คืบคลานใกล้เข้ามาทุกที

“ประเดี๋ยวเถอะ เอ๋ย พวกจะต้องรู้รสเครื่องพ่นไฟชนิดพิเศษจากกองพันของกู”

กองสิงห์กัดกรามแน่น มองลงไปเบื้องล่างอย่างไม่กระพริบตาเลยทีเดียว

เอ็ม.72 ที่ถูกตระเตรียมเอาไว้เพื่อ “งาน” อันนี้โดยฉพาะ ถูกยิงลงไปพร้อมๆกันทั้งสามกระบอก ที่หมายก็คือถังน้ำมันที่เด่นอยู่เบื้องล่างในระยะห่างเพียง 50 เมตร

เสียงจรวดแม็กนีโตกระทบถังน้ำมันเบนซินด้วยเสียงระเบิดที่แตกต่างออกไปจากทุกครั้งทุกคราว
อำนาจทะลุทะลวงของมัน ผ่านน้ำมันชนิดไวไฟที่อัดแน่นเป็นสูญากาศอยู่ภายในถังสังกะสีชนิดหนาทำให้เกิดแรงอัดอันมหาศาลพร้อมกับระเบิดขึ้นในทันทีทันใด

น้ำมันที่พุ่งทะลักออกมาแปรสภาพเป็นเปลวไฟที่มีความร้อนหลายร้อยองศา สาดกระเซ็นออกไปรอบทิศในระยะไม่น้อยกว่า 30 เมตร
กลุ่มทหารราบเวียดนามเหนือ ตกอยู่ในท่ามกลางกองไฟบรรลัยกัลป์เสียแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าถังน้ำมันเบนซินอีกสองถังที่อยู่ถัดออกไปก็ระเบิดขึ้นอีก ทำให้รัศมีของเปลวไฟพุ่งเข้ามาบรรจบกัน มองดูเหมือนกับกลุ่มไฟที่เกิดจากระเบิดนาปาลืมไม่มีผิด

มันเป็นภาพที่ผมไม่เคยเห็นด้วยตามาก่อนเลย นอกจากในจอภาพยนต์เท่านั้น ทหารเวียดนามเหนือบางคนโซซัดโซเซออกมาจากกองไฟ ในสภาพที่เครื่องแต่งกายลุกโชนไปด้วยเปลวไฟที่ไหม้ลามเลียไปหมดทั้งร่าง และแล้วก็ล้มลงกับพื้นในลักษณะคว่ำหน้า ทั้งๆที่มีไฟลุกท่วมตัวอย่างนั้นเอง
กลิ่นเนื้อมนุษย์ย่างไฟ ปลิวขึ้นมาสัมผัสกับจมูกของผมถึงฐานปฏิบัติการ ความร้อนแรงของไฟนรกวาบเข้ามาถึงแนวกระสอบทราย จนกระทั่งหน้าตาของผมปวดแสบปวดร้อนไปหมด

กลุ่มทหารเวียดนามเหนือชงักการเคลื่อนที่ไปชั่วขณะ ความระส่ำระสายบังเกิดขึ้นทันที แต่ก็เป็นอยู่เพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น พออำนาจของเพลิงที่เกิดจากถังน้ำมันเจือจางลง พวกมันก็แห่แหนปีนภูเขาขึ้นมาหาเราอย่างบ้าคลั่งด้วยกำลังพลที่ทวีหนุนเนื่องเข้ามาเหมือนกับฝูงมด เอ็ม.16 ที่สาดกระสุนเข้าใส่ข้าศึกบริเวณเนินหัวช้างด้านชอร์ปเปอร์แพ็ดเงียบเสียงลง ด้วยความสงสัย กองสิงห์ตะโกนถามทันที

“ทำไมไม่ยิงมันลงไปวะ ปล่อยให้พวกมันซัดเราอยู่ได้ ยิงสิโว้ย”

“กางเกงขาดครับ ผู้พัน เหลือแต่กางเกงลิงเท่านั้น”

ผบ.หมวดตอบเป็นระหัสสวนกลับมาอย่างรวดเร็ว

ยิ้มแล้ว ลูกน้องผมกระสุนปืนหมด เหลือแต่เพียงระเบิดมือเท่านั้น จะไปหยุดอะไรพวกมันได้ อย่างดีจวกมันได้ 10-20 ลูกก้หมดแล้ว”

กองสิงห์อุทานขึ้นอย่างเดือดดาลใจ เขานิ่งอึ้งไปชั่วครู่ก้ตัดสินใจออกคำสั่งขึ้นมาอย่างเฉียบขาด
“หมวด 3 หมวด 4 ที่อยู่หัวเนิน ถอนกำลังเข้ามาตั้งแนวอยู่ตรงบริเวณบังเกอรืเก่า บก.พันเก่า วางกำลังแนวยาวไปตามร่องคูเหล็ด ยันพวกมันเอาไว้ให้ถึงที่สุด ปฏิบัติได้”
ทหารรับจ้าง เผ่นขึ้นจากร่องสนามเพลาะทยอยกันถอยออกมาวางแนว ตามคำสั่งของกองสิงห์อย่างรวดเร็วทันอกทันใจ

“ไอ้ดำ เอาปืน เอ็ม.60 เข้าไปตั้งยิงข้าศึกที่กำลังจะขึ้นมาตรงบริเวณเนินหัวช้าง ระวังวิถีกระสุนหน่อยนะโว้ย อย่ากินซ้ายมากนัก เดี๋ยวจะไปโดนหมวด 2 เข้า
ไอ้ดำผุดลุกขึ้น ใช้มือขวาหิ้ว “คานจับ” ตรงกึ่งกลางตัวขึ้น มือซ้ายประคองขาตั้งวิ่งซิกแซ็กมุ่งหน้าไปตั้งฐานยิงหน้า บก.พัน ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 40 เมตร โดยไม่มีอาการรั้งรอใดๆทั้งสิ้น

□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□□
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่