สวัสดีคับ เพื่อนๆ 1ปี แล้วนะคับที่ผมกับแฟนเคยโพสท์ว่า ติดเชื้อHIV
ตอนนั้นพวกผมรู้สึกแย่และเหมือนชีวิตสูญสิ้นหมดทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วมันกลับทำให้ผมได้อะไรเพิ่มมาหลายอย่าง อย่างน้อยก็ได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อน และรุ่นน้อง และครอบครัว ทำให้รู้ว่าใครที่รักเราจริง ไม่ทิ้งเรายามมีทุกข์ ก่อนหน้านี้ผมกลัวว่าถ้าคนเหล่านี้รู้คงจะรังเกียจ แต่จากความอึดอัดบวกกับผมเป็นคนเปิดเผยจึงตัดสินใจลองบอก ในใจก็คิดว่าถ้าบอกไปเราอาจจะเหลือกันแค่สองคน แต่ในที่สุดก็บอก สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดว่า "ไม่เป็นไร กูไม่รังเกียจ ก็ดูแลตัวเองให้ดีๆแล้วกัน ไม่ตายง่ายๆหรอก บางทีกูอาจตายก่อนก็ได้" กำลังใจนี้ทำให้ผมกับแฟนมีแรงที่จะสู้กับเชื้อร้ายนี้ขึ้นอีกเยอะ
หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตได้ปกติยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมหดหู่ทุกครั้ง ที่ไปพบหมอ คือการ เห็นเด็กตัวน้อยๆวัยกำลังสดใส นั่งอยู่ในห้องรอตรวจด้วยสายตากังวนปนสงสัยว่าทำไมเค้าต้องมาที่นี่ ทุกครั้งที่เห็นผมจะแอบกลั้นน้ำตา พยายามไม่มอง และคิดว่าทำไม สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำต้องตกไปอยู่ที่เด็กด้วย เราใช้ชีวิตอย่างประมาท แต่เด็กสิเค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตคืออะไร
จริงๆแล้วผมเห็นแบบนี้ ยิ่งทำให้อยากทำงานสังคมช่วยรณรงเลยด้วยซ้ำไป แต่ด้วยฐานะของผมที่ต้องหาเช้ากินค่ำ จึงทำได้เพียงแค่มาโพสท์เตือนใจหลายๆท่าน ที่ยังใช้ชีวิตแบบประมาทอยู่ ให้ระวังยิ่งขึ้นโดยเฉพาะชาวเกย์(ผมก็เป็นเกย์) เพราะเท่าที่ผมไปหาหมอ ก้อเป้นเกย์ไปแล้วซะเกือบค่อนห้อง
แต่ใครที่เป็นแล้ว ก็อย่าท้อนะครับ ดูแลตัวเองเข้าใว้ และก็ อย่าคิดไปทำร้ายใครด้วยเชื้อที่เรามีเลยนะครับ แค่นี้กรรมก็ตามเราทันแล้ว
ส่วนใครที่ปกติดีอยู่ ก็อย่าประมาทนะครับ เดินผ่านกันเนี่ย บางทีไม่รู้หรอกว่ามีเชื้อรึไม่ แต่อย่าถึงขั้นรังเกียจพวกผมเลยนะครับ เพราะกำลังใจสำคัญกับพวกผมมาก ขอบคุณทุกท่าน ที่ทนอ่านจนจบนะครับ หวังว่าคงมีประโยชน์สักนิดก็ยังดี สวัสดีครับ
1 ปี หลังจากการติดเชื้อ HIV
ตอนนั้นพวกผมรู้สึกแย่และเหมือนชีวิตสูญสิ้นหมดทุกอย่าง แต่จริงๆแล้วมันกลับทำให้ผมได้อะไรเพิ่มมาหลายอย่าง อย่างน้อยก็ได้มิตรภาพดีๆจากเพื่อน และรุ่นน้อง และครอบครัว ทำให้รู้ว่าใครที่รักเราจริง ไม่ทิ้งเรายามมีทุกข์ ก่อนหน้านี้ผมกลัวว่าถ้าคนเหล่านี้รู้คงจะรังเกียจ แต่จากความอึดอัดบวกกับผมเป็นคนเปิดเผยจึงตัดสินใจลองบอก ในใจก็คิดว่าถ้าบอกไปเราอาจจะเหลือกันแค่สองคน แต่ในที่สุดก็บอก สิ่งที่ได้กลับมาคือคำพูดว่า "ไม่เป็นไร กูไม่รังเกียจ ก็ดูแลตัวเองให้ดีๆแล้วกัน ไม่ตายง่ายๆหรอก บางทีกูอาจตายก่อนก็ได้" กำลังใจนี้ทำให้ผมกับแฟนมีแรงที่จะสู้กับเชื้อร้ายนี้ขึ้นอีกเยอะ
หลังจากนั้นผมก็ใช้ชีวิตได้ปกติยิ่งขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้ผมหดหู่ทุกครั้ง ที่ไปพบหมอ คือการ เห็นเด็กตัวน้อยๆวัยกำลังสดใส นั่งอยู่ในห้องรอตรวจด้วยสายตากังวนปนสงสัยว่าทำไมเค้าต้องมาที่นี่ ทุกครั้งที่เห็นผมจะแอบกลั้นน้ำตา พยายามไม่มอง และคิดว่าทำไม สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำต้องตกไปอยู่ที่เด็กด้วย เราใช้ชีวิตอย่างประมาท แต่เด็กสิเค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีวิตคืออะไร
จริงๆแล้วผมเห็นแบบนี้ ยิ่งทำให้อยากทำงานสังคมช่วยรณรงเลยด้วยซ้ำไป แต่ด้วยฐานะของผมที่ต้องหาเช้ากินค่ำ จึงทำได้เพียงแค่มาโพสท์เตือนใจหลายๆท่าน ที่ยังใช้ชีวิตแบบประมาทอยู่ ให้ระวังยิ่งขึ้นโดยเฉพาะชาวเกย์(ผมก็เป็นเกย์) เพราะเท่าที่ผมไปหาหมอ ก้อเป้นเกย์ไปแล้วซะเกือบค่อนห้อง
แต่ใครที่เป็นแล้ว ก็อย่าท้อนะครับ ดูแลตัวเองเข้าใว้ และก็ อย่าคิดไปทำร้ายใครด้วยเชื้อที่เรามีเลยนะครับ แค่นี้กรรมก็ตามเราทันแล้ว
ส่วนใครที่ปกติดีอยู่ ก็อย่าประมาทนะครับ เดินผ่านกันเนี่ย บางทีไม่รู้หรอกว่ามีเชื้อรึไม่ แต่อย่าถึงขั้นรังเกียจพวกผมเลยนะครับ เพราะกำลังใจสำคัญกับพวกผมมาก ขอบคุณทุกท่าน ที่ทนอ่านจนจบนะครับ หวังว่าคงมีประโยชน์สักนิดก็ยังดี สวัสดีครับ