สวัสดีครับ มีเรื่องที่อยากได้รับคำแนะนำจากทุกๆคนในพันทิพครับ เพิ่งตั้งกระทู้เป็นครั้งแรกนะครับ ถ้าผิดพลาดตรงไหนก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย บอกก่อนนะครับว่าผมเป็นไบ มีคนที่แอบรักซึ่งคนๆนั้นก็เป็นเพื่อนผู้ชายของผมตอนสมัยมัธยม จนบัดนี้ก็ยังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันอยู่
พอเข้ามาเรียนในมหาลัยก็ได้มีโอกาศรู้จักเพื่อนผู้ชายอีกคนนึง เขาอยู่เอกเดียวกับผม เขาหน้าตาดีมาก ตรงสเปคทุกอย่าง เขามีแฟนแล้วเป็นผู้หญิง แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้นผมยังยึดมั่นและเลือกที่จะรักคนที่ผมแอบรักอยู่เพียงคนเดียว อีกอย่างคือไม่อยากรักเพื่อนอีกแล้ว ยิ่งเป็นเพื่อนที่เป็นชายรักหญิงแถมมีแฟนแล้วอีก ยิ่งไม่อยากแอบรัก วันแรกที่เจอกับเขา ผมก็ขอเบอร์เขาไปเพราะว่าอยากมีเบอร์ของเพื่อนในเอกไว้ เผื่อมีธุระสำคัญอะไร ก็จะติดต่อกันได้สะดวก
ต่อมาผมกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ก็สนิทกันมาก อยู่กลุ่มเดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน นั่งเรียนด้วยกันตลอด จนขนาดเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนมาแซวว่าผมกับเพื่อนคนนี้เป็นแฟนกันหรือเป็นคู่จิ้นกัน อะไรทำนองนี้ ผมกับเขาสนิทกันมากและก็มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยซึ่งบางเรื่องก็เกิดจากความงี่เง่าของผมด้วยละ(อาจจะแอบชอบเขาอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้) เช่น
มีอยู่ครั้งนึงเพื่อนผู้ชายคนนี้โดนพวกรุ่นพี่มองว่าเป็นคู่จิ้นกับผม เขาเองไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็เลยทำเหินห่างจากผมไปบ้าง(เขาเคยบอกว่าเขาไม่ชอบเกย์ แต่เขาพอยอมรับพวกไบได้) ผมก็ทำเป็นงอนเขา สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายโทรไปเคลียร์ แล้วก็ตกลงกันได้ ก็กลับมาเดินด้วยกันเหมือนเดิม
ตอนนั่งทานข้าวที่โรงอาหาร เรานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกัน เขานั่งฝั่งตรงข้ามผม ผมก็ชวนเขาคุยตามปกติ แต่เขากลับตอบกลับมาว่า "ไปตายซะ" ผมก็โกรธเลยทีนี้ ก็ทำงอนเขาไปพักนึง สุดท้ายก็โทรไปเคลียร์ เขาก็บอกว่าตอนนั้นเขากำลังแอบเหล่สาวอยู่ ไม่อยากให้ผมชวนเขาคุย เพราะเขาจะใช้สมาธิในการเหล่สาว ซึ่งก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดนะ แต่ไม่เห็นจะต้องพูดแรงๆแบบนั้นก็ได้ บอกตรงๆก็ได้ว่าจะดูสาว ผมจะได้ไม่คุยรบกวน
บางครั้งเขาก็เป็นฝ่ายงอนผมเสียเองก็มี มีอยู่ครั้งนึงผมเดินไปกับเพื่อนอีกคนนึงโดยลืมชวนเขา เขาก็งอนผม และผมก็โทรไปเคลียร์อีกตามเคย
คือเรามีเรื่องทะเลาะ งอนกันไปมาบ่อยมาก บางทีที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ผมยอมรับว่าก็รู้สึกดีกับเขา ไม่รู้ว่าชอบเขาแบบชู้สาวรึเปล่า แต่ประทับใจในรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา เวลาผมมีปัญหาอะไร เขาก็เป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอด แต่ก็ยืนยันจะไม่เปิดใจรักแน่นอน จนกระทั่งวันนึงผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาเขา เลยส่งข้อความทางแชทในเฟซบุคไป แต่นานมาก เขาก็ยังไม่ตอบ จนผมอารมณ์เสีย เลยพิมพ์ด่าเขาไปว่า "ตอบช้า

ไปตายซะ" พอเขาเห็นข้อความที่ผมส่งไปเขาก็โกรธผม เพราะผมพูดจาไม่ดีกับเขา แล้วเขาก็บล็อกเบอร์ผมไปเลย ผมพยายามโทรไปเคลียร์เหมือนทุกๆครั้งแต่ก็โทรไม่ติด เขาก็บอกผมว่าให้เคลียร์ในแชท ซึ่งผมก็ยอมทำตามแต่มันก็ยังไม่เคลียร์อีก เขาบอกผมว่าเอาไว้ค่อยไปเคลียร์กันตัวต่อตัวดีกว่า เพราะเขามีเหตุผลบางอย่างที่บอกผ่านแชทไม่ได้ พอมาเจอกันตัวต่อตัว เขาบอกว่าที่บล็อกเบอร์ผมก็เพราะว่า พี่ชายของเขาเป็นตำรวจ เห็นข้อความที่ผมด่าเขาไปในแชท แล้วพี่ของเขาบอกว่าถ้าพี่เขาเจอตัวผมจะทำร้ายร่างกายผม เขาว่าพี่เขารักเขามาก ใครมาด่าหรือทำอะไรไม่ดีกับเขา พี่เจาก็จะจับมาซ้อม อะไรประมาณนี้แหละ เขาก็บอกว่าที่ต้องบล็อกเบอร์เพราะไม่อยากพี่ของเขารู้ว่าเขาคุยกับผม กลัวว่าผมจะโดนพี่เขาซ้อม ถ้าไม่เชื่อที่เขาพูด ไปถามแฟนเขาก็ได้ ซึ่งลึกๆผมไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ ถ้าเขากลัวว่าพี่เขาจะรู้ว่าคุยกับผม เขาสามารถโกหกพี่เขาว่าคุยกับคนอื่นก็ได้หนิ แต่ผมก็ไม่สนใจ ก็เคลียร์กันจบไป พอมาวันรุ่งขึ้นเขาก็ไม่ค่อยคุยกับผม ไม่นั่งด้วยกัน ไม่ไปไหนด้วยกันเหมือนแต่ก่อน ผมก็ถามเขาไปตรงๆว่ายังโกรธอยู่หรอ เขาบอกว่าก็ยังเคืองๆอยู่บ้าง ขอเวลาสักหน่อยเดี๋ยวหายโกรธเอง ผมก็ยอมรอ
จนมาวันนึง เป็นวันที่เรียกได้ว่าเป็นจุดแตกแหกของผมกับเขาก็ว่าได้ วันนั้นกลุ่มเพื่อนของผมไปปาร์ตี้กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมก็ขอไปด้วย แต่ขอให้เพื่อนคนไหนก็ได้ในกลุ่มมารับผมหน่อย เพราะผมไม่มีรถ เขาก็ขับมอเตอร์ไซค์มารับผม พอเจอกัน เขาก็มาว่าผมว่า "หัดซื้อรถซะบ้างเถอะ" ผมก็โมโหมากคิดว่าเขาคงรำคาญหรือไม่ค่อยอยากรับผม ที่มารับก็เพราะจำใจมา เขาถึงพูดกับผมแบบนี้ พอขากลับ เขาก็มาส่งผม ระหว่างที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อยู่ผมก็พูดเชิงประชดกับเขาว่า"ถ้าลำบากมากนัก ก็ไม่ต้องมารับก็ได้ ให้คนอื่นมารับเถอะ"เท่านั้นละ เขาก็โกรธผมมาก เขาถามว่าทำไมผมต้องพูดประชดเขาไปแบบนั้น ผมก็ตอบไปทั้งหมด เขาก็บอกว่า ที่พูดไปแบบนั้นเพราะหวังดีอยากให้มีรถขับเป็นของตัวเอง จะได้ไม่ต้องลำบาก อุตส่าห์หวังดีนะ แต่เจอเมิงประชดแบบนี้ก็รับไม่ได้วะ และเขาก็บอกอีกว่าเขาโกรธผมมากจนถึงขั้นเกลียดเลยละ ผมเสียใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น ผมขอโทษเขา ขอโอกาศแก้ไขปรับปรุงตัวอีกครั้งนึง สัญญาว่าจะพยายามคิดก่อนพูด จะไม่พูดไม่ดีกับเขาอีกแล้ว เขาบอกกลับมาว่าเขาไม่อภัยผมอีกแล้ว แต่ไม่แน่วันนึงถ้าเขาใจเย็นๆขึ้นกว่านี้ ก็อาจจะให้อภัยก็ได้ ตอนนั้นผมเป็นทุกข์อย่างมาก ไม่อยากให้เพื่อนรักคนนี้เกลียดผมเลย บางทีก็คร่ำครวญในเฟซบุค ผมพยายามทักแชทไปคุยกับเขาแต่เขาก็ไม่ตอบ และผมกับเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
มีอยู่วันนึงกลุ่มเพื่อนผมก็ไปปาร์ตี้กันอีกครั้ง ผมก็ไปด้วย คราวนี้ผมได้มีโอกาศคุยกับเขา ที่ผ่านมาผมทุกข์ใจเพราะเรื่องเขามาโดยตลอด ผมตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะถามเขาว่าลืมเรื่องบัดหมางเพื่อมิตรภาพได้มั้ย กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกมั้ย ถ้าคำตอบออกมาว่าใช่ ผมก็จะดีใจมาก และจะกลับมาเป็นเพื่อนกับเขา แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ ผมก็จะตัดเขาออกไปจากชีวิตเสียที เพราะไม่ต้องการทุกข์เพราะเขาอีกแล้ว แต่สุดท้าย คำตอบของเขาก็คือไม่ แล้วไงต่อละ ผมก็เสียใจหนักอีกตามเคย แล้วก็ไม่ได้คุยกับเขาไปอีกพักใหญ่ๆ หลังจากนั้นผมก็ออกจากกลุ่มของเพื่อนที่มีเขาเป็นหนึ่งในสมาชิก เพราะไม่ต้องการเจอหน้าเขาอีก กลัวว่าจะอึดอัดและก็กลัวเจ็บและก็ทนไม่ได้ที่เห็นเขาสนุกกับเพื่อนทุกคนยกเว้นเรา ซึ่งผมทำใจไม่ได้จริงๆ พอออกมามาจากกลุ่มนั้น ผมก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่ อยากให้กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม พยายามเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ใจเย็นขึ้น ไม่ตัวงี่เง่าเหมือนแต่ก่อน บางคืนก็เครียดมากยังเผลอนอนฝันถึงเขาก็มี และบางทีก็รู้สึกเกลียดเขาเหมือนกันว่า เขาเป็นเพื่อนที่ใจดำ ใจหิน ไม่เห็นแก่มิตรภาพ เพื่อมิตรภาพที่ดีต่อกัน ทำไมถึงไม่ให้อภัยกันบ้าง ทำไมถึงเห็นทิฐิของตัวเองสำคัญกว่าคำว่าเพื่อน นักโทษประหารยังได้รับการอภัยโทษเลย แต่ผมแค่พุดเผลอพุดจาไม่ดีแค่นั้นเอง แต่กลับไม่ได้รับการให้อภัยไปตลอดเลยหรอ อีกอย่างเรารู้จักกันแค่เทอมเดียวเอง ก็มาตัดสินแล้วว่าเราเป็นคนนิสัยไม่ดี พูดจาไม่ดี อย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งผมควรได้รับในสิ่งเหล่านี้หรอ อะไรอย่างนี้อ่าครับ
จนขึ้นปีสอง มีอยู่วันนึงเขามานั่งเรียนกับผม ผมชวนเขาคุย เขาก็คุยด้วยดี ยิ้มแย้มหัวเราะเหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกันใหม่ๆ ตอนนั้นมีความสุขมาก ในใจก็คิดว่าเขาคงหายเกลียดเราแล้วละ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มานั่งกับผมอีก พอเจอกันข้างนอก เดินสวนกัน เขาก็ไม่ทักผมแต่กลับเดินผ่านไปเฉยๆ ผมก็สงสัย ตกลงเขายังเกลียดหรือหายเกลียดเราแล้วกันแน่ ถ้าเขาเกลียดผม เขาจะมานั่งคุยด้วยกับผมทำไมละ และถ้าเขาไม่ได้เกลียด ทำไมเจอผมแล้วเขาไม่ทักละ หรือว่าเขาอาจจะหายเกลียดเราแล้วก็ได้ เพียงแต่ไม่กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมรึเปล่า ผมสับสนมากเลยครับ
เลยอยากจะถามชาวพันทิพว่า ที่ผมรู้สึกดี รู้สึกประทับใจในนิสัยเขา การที่ผมอยากให้เขามาเป็นเหมือนเดิม การที่ผมทุกข์เพราะเขาเป็นเวลานาน บางทีก็เผลอฝันถึงเขา นั่นหมายความว่าผมรักเขารึเปล่าครับ(แต่ผมก็ยังคงรักเพื่อนสมัยมัธยมอยู่นะ รักมากๆด้วยไม่เปลี่ยนแปลง) อีกเรื่องนึงคือผมคิดว่าเขาคงจะหายเกลียดผมแล้วละ เพราะเรื่องนี้มันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ไฟแห่งความโกรธเกลียดในใจเขา ก็คงจะดับลงแล้วละ ผมจะลองกลับไปชวนคุยกับเขาอีกครั้งดีมั้ยครับ คือผมอยากกลับไปคุยดีๆกับเขาอีกอ่าครับ อาจจะไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อนก็ได้ แต่ขอให้เจอกันทักกัน พุดคุยกันด้วยดี แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ หรือถ้าท่านใดอยากจะแนะนำหรือให้ข้อคิดอื่นๆนอกจากนี้ ก็แนะนำกันมาได้นะครับ ขอบคุรสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าครับ
อยากคืนดีกับเพื่อนทำไงดี
พอเข้ามาเรียนในมหาลัยก็ได้มีโอกาศรู้จักเพื่อนผู้ชายอีกคนนึง เขาอยู่เอกเดียวกับผม เขาหน้าตาดีมาก ตรงสเปคทุกอย่าง เขามีแฟนแล้วเป็นผู้หญิง แต่ผมก็ไม่คิดอะไรมาก เพราะตอนนั้นผมยังยึดมั่นและเลือกที่จะรักคนที่ผมแอบรักอยู่เพียงคนเดียว อีกอย่างคือไม่อยากรักเพื่อนอีกแล้ว ยิ่งเป็นเพื่อนที่เป็นชายรักหญิงแถมมีแฟนแล้วอีก ยิ่งไม่อยากแอบรัก วันแรกที่เจอกับเขา ผมก็ขอเบอร์เขาไปเพราะว่าอยากมีเบอร์ของเพื่อนในเอกไว้ เผื่อมีธุระสำคัญอะไร ก็จะติดต่อกันได้สะดวก
ต่อมาผมกับเพื่อนผู้ชายคนนี้ก็สนิทกันมาก อยู่กลุ่มเดียวกัน ไปไหนมาไหนด้วยกัน นั่งเรียนด้วยกันตลอด จนขนาดเพื่อนหรือรุ่นพี่บางคนมาแซวว่าผมกับเพื่อนคนนี้เป็นแฟนกันหรือเป็นคู่จิ้นกัน อะไรทำนองนี้ ผมกับเขาสนิทกันมากและก็มีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยซึ่งบางเรื่องก็เกิดจากความงี่เง่าของผมด้วยละ(อาจจะแอบชอบเขาอยู่รึเปล่าก็ไม่รู้) เช่น
มีอยู่ครั้งนึงเพื่อนผู้ชายคนนี้โดนพวกรุ่นพี่มองว่าเป็นคู่จิ้นกับผม เขาเองไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ ก็เลยทำเหินห่างจากผมไปบ้าง(เขาเคยบอกว่าเขาไม่ชอบเกย์ แต่เขาพอยอมรับพวกไบได้) ผมก็ทำเป็นงอนเขา สุดท้ายผมก็เป็นฝ่ายโทรไปเคลียร์ แล้วก็ตกลงกันได้ ก็กลับมาเดินด้วยกันเหมือนเดิม
ตอนนั่งทานข้าวที่โรงอาหาร เรานั่งทานข้าวโต๊ะเดียวกัน เขานั่งฝั่งตรงข้ามผม ผมก็ชวนเขาคุยตามปกติ แต่เขากลับตอบกลับมาว่า "ไปตายซะ" ผมก็โกรธเลยทีนี้ ก็ทำงอนเขาไปพักนึง สุดท้ายก็โทรไปเคลียร์ เขาก็บอกว่าตอนนั้นเขากำลังแอบเหล่สาวอยู่ ไม่อยากให้ผมชวนเขาคุย เพราะเขาจะใช้สมาธิในการเหล่สาว ซึ่งก็เชื่อในสิ่งที่เขาพูดนะ แต่ไม่เห็นจะต้องพูดแรงๆแบบนั้นก็ได้ บอกตรงๆก็ได้ว่าจะดูสาว ผมจะได้ไม่คุยรบกวน
บางครั้งเขาก็เป็นฝ่ายงอนผมเสียเองก็มี มีอยู่ครั้งนึงผมเดินไปกับเพื่อนอีกคนนึงโดยลืมชวนเขา เขาก็งอนผม และผมก็โทรไปเคลียร์อีกตามเคย
คือเรามีเรื่องทะเลาะ งอนกันไปมาบ่อยมาก บางทีที่ได้อยู่ใกล้ชิดกับเขา ผมยอมรับว่าก็รู้สึกดีกับเขา ไม่รู้ว่าชอบเขาแบบชู้สาวรึเปล่า แต่ประทับใจในรูปร่างหน้าตาและนิสัยของเขา เวลาผมมีปัญหาอะไร เขาก็เป็นที่ปรึกษาให้ผมตลอด แต่ก็ยืนยันจะไม่เปิดใจรักแน่นอน จนกระทั่งวันนึงผมมีเรื่องอยากจะปรึกษาเขา เลยส่งข้อความทางแชทในเฟซบุคไป แต่นานมาก เขาก็ยังไม่ตอบ จนผมอารมณ์เสีย เลยพิมพ์ด่าเขาไปว่า "ตอบช้า
จนมาวันนึง เป็นวันที่เรียกได้ว่าเป็นจุดแตกแหกของผมกับเขาก็ว่าได้ วันนั้นกลุ่มเพื่อนของผมไปปาร์ตี้กันที่ร้านอาหารแห่งหนึ่ง ผมก็ขอไปด้วย แต่ขอให้เพื่อนคนไหนก็ได้ในกลุ่มมารับผมหน่อย เพราะผมไม่มีรถ เขาก็ขับมอเตอร์ไซค์มารับผม พอเจอกัน เขาก็มาว่าผมว่า "หัดซื้อรถซะบ้างเถอะ" ผมก็โมโหมากคิดว่าเขาคงรำคาญหรือไม่ค่อยอยากรับผม ที่มารับก็เพราะจำใจมา เขาถึงพูดกับผมแบบนี้ พอขากลับ เขาก็มาส่งผม ระหว่างที่นั่งซ้อนมอเตอร์ไซค์อยู่ผมก็พูดเชิงประชดกับเขาว่า"ถ้าลำบากมากนัก ก็ไม่ต้องมารับก็ได้ ให้คนอื่นมารับเถอะ"เท่านั้นละ เขาก็โกรธผมมาก เขาถามว่าทำไมผมต้องพูดประชดเขาไปแบบนั้น ผมก็ตอบไปทั้งหมด เขาก็บอกว่า ที่พูดไปแบบนั้นเพราะหวังดีอยากให้มีรถขับเป็นของตัวเอง จะได้ไม่ต้องลำบาก อุตส่าห์หวังดีนะ แต่เจอเมิงประชดแบบนี้ก็รับไม่ได้วะ และเขาก็บอกอีกว่าเขาโกรธผมมากจนถึงขั้นเกลียดเลยละ ผมเสียใจมากที่ได้ยินอย่างนั้น ผมขอโทษเขา ขอโอกาศแก้ไขปรับปรุงตัวอีกครั้งนึง สัญญาว่าจะพยายามคิดก่อนพูด จะไม่พูดไม่ดีกับเขาอีกแล้ว เขาบอกกลับมาว่าเขาไม่อภัยผมอีกแล้ว แต่ไม่แน่วันนึงถ้าเขาใจเย็นๆขึ้นกว่านี้ ก็อาจจะให้อภัยก็ได้ ตอนนั้นผมเป็นทุกข์อย่างมาก ไม่อยากให้เพื่อนรักคนนี้เกลียดผมเลย บางทีก็คร่ำครวญในเฟซบุค ผมพยายามทักแชทไปคุยกับเขาแต่เขาก็ไม่ตอบ และผมกับเขาก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย
มีอยู่วันนึงกลุ่มเพื่อนผมก็ไปปาร์ตี้กันอีกครั้ง ผมก็ไปด้วย คราวนี้ผมได้มีโอกาศคุยกับเขา ที่ผ่านมาผมทุกข์ใจเพราะเรื่องเขามาโดยตลอด ผมตั้งใจแล้วว่าวันนี้จะถามเขาว่าลืมเรื่องบัดหมางเพื่อมิตรภาพได้มั้ย กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีกมั้ย ถ้าคำตอบออกมาว่าใช่ ผมก็จะดีใจมาก และจะกลับมาเป็นเพื่อนกับเขา แต่ถ้าคำตอบออกมาว่าไม่ ผมก็จะตัดเขาออกไปจากชีวิตเสียที เพราะไม่ต้องการทุกข์เพราะเขาอีกแล้ว แต่สุดท้าย คำตอบของเขาก็คือไม่ แล้วไงต่อละ ผมก็เสียใจหนักอีกตามเคย แล้วก็ไม่ได้คุยกับเขาไปอีกพักใหญ่ๆ หลังจากนั้นผมก็ออกจากกลุ่มของเพื่อนที่มีเขาเป็นหนึ่งในสมาชิก เพราะไม่ต้องการเจอหน้าเขาอีก กลัวว่าจะอึดอัดและก็กลัวเจ็บและก็ทนไม่ได้ที่เห็นเขาสนุกกับเพื่อนทุกคนยกเว้นเรา ซึ่งผมทำใจไม่ได้จริงๆ พอออกมามาจากกลุ่มนั้น ผมก็ยังคงคิดถึงเขาอยู่ อยากให้กลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม พยายามเปลี่ยนตัวเองทุกอย่าง ใจเย็นขึ้น ไม่ตัวงี่เง่าเหมือนแต่ก่อน บางคืนก็เครียดมากยังเผลอนอนฝันถึงเขาก็มี และบางทีก็รู้สึกเกลียดเขาเหมือนกันว่า เขาเป็นเพื่อนที่ใจดำ ใจหิน ไม่เห็นแก่มิตรภาพ เพื่อมิตรภาพที่ดีต่อกัน ทำไมถึงไม่ให้อภัยกันบ้าง ทำไมถึงเห็นทิฐิของตัวเองสำคัญกว่าคำว่าเพื่อน นักโทษประหารยังได้รับการอภัยโทษเลย แต่ผมแค่พุดเผลอพุดจาไม่ดีแค่นั้นเอง แต่กลับไม่ได้รับการให้อภัยไปตลอดเลยหรอ อีกอย่างเรารู้จักกันแค่เทอมเดียวเอง ก็มาตัดสินแล้วว่าเราเป็นคนนิสัยไม่ดี พูดจาไม่ดี อย่างโน้นอย่างนี้ ซึ่งผมควรได้รับในสิ่งเหล่านี้หรอ อะไรอย่างนี้อ่าครับ
จนขึ้นปีสอง มีอยู่วันนึงเขามานั่งเรียนกับผม ผมชวนเขาคุย เขาก็คุยด้วยดี ยิ้มแย้มหัวเราะเหมือนตอนที่เป็นเพื่อนกันใหม่ๆ ตอนนั้นมีความสุขมาก ในใจก็คิดว่าเขาคงหายเกลียดเราแล้วละ หลังจากนั้นเขาก็ไม่ได้มานั่งกับผมอีก พอเจอกันข้างนอก เดินสวนกัน เขาก็ไม่ทักผมแต่กลับเดินผ่านไปเฉยๆ ผมก็สงสัย ตกลงเขายังเกลียดหรือหายเกลียดเราแล้วกันแน่ ถ้าเขาเกลียดผม เขาจะมานั่งคุยด้วยกับผมทำไมละ และถ้าเขาไม่ได้เกลียด ทำไมเจอผมแล้วเขาไม่ทักละ หรือว่าเขาอาจจะหายเกลียดเราแล้วก็ได้ เพียงแต่ไม่กลับมาสนิทกันเหมือนเดิมรึเปล่า ผมสับสนมากเลยครับ
เลยอยากจะถามชาวพันทิพว่า ที่ผมรู้สึกดี รู้สึกประทับใจในนิสัยเขา การที่ผมอยากให้เขามาเป็นเหมือนเดิม การที่ผมทุกข์เพราะเขาเป็นเวลานาน บางทีก็เผลอฝันถึงเขา นั่นหมายความว่าผมรักเขารึเปล่าครับ(แต่ผมก็ยังคงรักเพื่อนสมัยมัธยมอยู่นะ รักมากๆด้วยไม่เปลี่ยนแปลง) อีกเรื่องนึงคือผมคิดว่าเขาคงจะหายเกลียดผมแล้วละ เพราะเรื่องนี้มันก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว ไฟแห่งความโกรธเกลียดในใจเขา ก็คงจะดับลงแล้วละ ผมจะลองกลับไปชวนคุยกับเขาอีกครั้งดีมั้ยครับ คือผมอยากกลับไปคุยดีๆกับเขาอีกอ่าครับ อาจจะไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาเหมือนแต่ก่อนก็ได้ แต่ขอให้เจอกันทักกัน พุดคุยกันด้วยดี แค่นี้ก็พอใจแล้วครับ หรือถ้าท่านใดอยากจะแนะนำหรือให้ข้อคิดอื่นๆนอกจากนี้ ก็แนะนำกันมาได้นะครับ ขอบคุรสำหรับคำแนะนำล่วงหน้าครับ