คอมพิวเตอร์ถือเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันไปแล้ว หากคอมพิวเตอร์ทั่วโลกหยุดทำงานวันพรุ่งนี้ เชื่อว่าคงสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจ สังคมและอื่นๆตามมาแน่ๆ บริษัท Intel เองก็มีส่วนสำคัญในการสร้างความก้าวหน้าให้กับคอมพิวเตอร์จนถึงทุกวันนี้ และเป็นเวลากว่า 40 ปีมาแล้วที่บริษัทนี้ช่วยพัฒนาคอมพิวเตอร์จนถึงทุกวันนี้จนกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ ลองมาดู 10 อันดับสิ่งที่น่าสนใจดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง
10.ชื่อใหม่
ชื่อบริษัทใหม่ได้นำคำ 2 คำนี้มารวมกัน ก็คือ “INTegrated circuits” กับคำว่า “Electronics” ก็เลยกลายเป็นชื่อว่า INTEL ไปและก็กลายเป็นแบรนด์ดังระดับโลกหากเรานึกถึงคอมพิวเตอร์ ทั้งยังเคยมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในการใช้ชื่อนี้อยู่บ้างปะปลาย
9.จุดเริ่มต้น
Intel ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 โดยนักฟิสิกข์ที่ชื่อว่า Robert Noyce กับนักเคมีที่ชื่อว่า Gordon Moore ได้ตัดสินใจเริ่มต้นก่อตั้งหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมา และต่อมา Noyce ก็ได้มีการคิดค้นชิพขึ้นมากับ Jack Kilby เริ่มแรกเขาต้องการตั้งชื่อบริษัท Moore Noyce แต่คิดอีกทีฟังแล้วก็ไม่เข้าหูเท่าไรนัก
8.ระบบห้องทำงาน
Intel ถือเป็นบริษัทแรกๆที่มีการวางระบบห้องทำงานอย่างเป็นระบบที่เป็นผนังกั้นเล็กๆ เราจะต้องขอบคุณบริษัท Intel ที่ไม่ให้เรากลายเป็นโรค claustrophobia (โรคกลัวที่ปิดทึบ) ในแต่ละวัน ปัจจุบันทางด้าน CEO ก็มีการสนับสนุนการใช้ระบบห้องทำงานแบบนี้อยู่แทนที่จะเป็นระบบแยกห้องทำงานแบบเดี่ยว
7.Intel Inside
Intel Inside เป็นแบรนด์ที่เริ่มคิดค้นขึ้นในปี 1991 และช่วยให้บริษัท Intel กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมระดับโลก ที่ยังครองสัดส่วนตลาดเป็นอันดับ 1 ที่เอาชนะบริษัท Samsung Electronics ได้ ในปี 2009 Intel ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลระดับที่ 23 ของโลก
6.Steve Jobs เป็นที่ปรึกษา
Robert Noyce เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากที่ให้การสนับสนุนคนหัวสมัยใหม่เข้ามาทำงานในการผลักดันบริษัทให้ก้าวหน้าขึ้นและก็ตั้งที่ปรึกษาเป็นจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ และหนึ่งในนั้นก็คือ Steve Jobs ที่ก่อตั้งบริษัท Apple ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่ 2 บริษัทระดับโลกได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
5.พิพิธภัณฑ์ Intel
พิพิธภัณฑ์ Intel เป็นแหล่งสะสมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่อยู่ในบริษัทนี้และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัทนี้ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว โดยมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากถึง 8 หมื่นคนต่อปี หากมีโอกาสเราก็ควรที่จะไปเยี่ยมชมด้วย
4.การร่วมงานกับบริษัทอื่นๆ
เป็นเวลาหลายปีที่บริษัท Intel ได้ทำงานควบคู่กับบริษัทต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยบริษัท Intel มีเงินลงทุนสะสมมากกว่า $ 9 พันล้าน จากบริษัททั้งหมดเป็นพันๆแห่งในช่วงปี 1991 ในปี 1972 ตอนนั้นพวกเขาก็เป็นบริษัทเล็กๆที่สามารถเข้าสู่ตลาดดิจิตอลได้ และก็ได้มีโอกาสร่วมทำงานกับบริษัท McAfee ที่ช่วยกันออกแบบพัฒนาโปรแกรม Antivirus จนเป็นโปรแกรมได้รับความนิยมระดับโลก
3.ห้องทำงานที่สะอาดสะอ้านเป็นพิเศษ
บริษัท Intel จะมีห้องทำงานที่สะอาดสะอ้านโดยเฉพาะในการผลิตชิพประมวลผล ที่ห้องทำงานนี้มีความสะอาดมากกว่าโรงพยาบาลหลายเท่าและจะเข้าห้องนี้ได้นั้น พนักงานจะต้องไม่มีรอยด่างแม้แต่จุดเดียว โดยพนักงานจะมีการสวมเสื้อผ้าอนามัยสุดๆในการทำงาน มีเครื่องปรับอากาศที่สะอาดจนหายห่วงได้ เรียกได้ว่าเป็นห้องปลอดเชื้อโรคอย่างแท้จริง
2.การเงิน
ในปีแรกๆบริษัท Intel มีผลกำไรประมาณ $ 2,672 พอเป็นที่รู้จักมากขึ้น บริษัทมีผลกำไรมากถึง $ 6.8 ล้าน จนถึงในปี 2010 บริษัทก็มีรายได้รวม $ 54 พันล้าน ทั้งยังใช้งบในการทำวิจัยและพัฒนามากถึง $ 6.6 พันล้าน และก็มีพนักงานบริษัทมากถึง 8 หมื่นกว่าคน
1.ตัวชิพประมวลผล
บริษัท Intel ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการออกแบบชิพ 4004 Microprocessor ในปี 1971 และหลายปีต่อมาก็มีการออกมาชิพต่อเนื่อง และก็มีการออกแบบให้ใช้เข้ากับคอมพิวเตอร์ IBM และก็ได้กลายเป็นหุ้นส่วนในการเปลี่ยนแปลงโลกคอมพิวเตอร์ด้วยกัน ปัจจุบัน Core2duo มีการประมวลผลได้เร็วกว่า 4004 มากถึง 1 แสนเท่าเลยทีเดียว
ผู้เขียน Mr.lawrence10
(เรื่องน่ารู้) 10 อันดับความจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัท Intel
ชื่อบริษัทใหม่ได้นำคำ 2 คำนี้มารวมกัน ก็คือ “INTegrated circuits” กับคำว่า “Electronics” ก็เลยกลายเป็นชื่อว่า INTEL ไปและก็กลายเป็นแบรนด์ดังระดับโลกหากเรานึกถึงคอมพิวเตอร์ ทั้งยังเคยมีการละเมิดลิขสิทธิ์ในการใช้ชื่อนี้อยู่บ้างปะปลาย
9.จุดเริ่มต้น
Intel ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1968 โดยนักฟิสิกข์ที่ชื่อว่า Robert Noyce กับนักเคมีที่ชื่อว่า Gordon Moore ได้ตัดสินใจเริ่มต้นก่อตั้งหลังจากที่ได้ทำงานร่วมกันมา และต่อมา Noyce ก็ได้มีการคิดค้นชิพขึ้นมากับ Jack Kilby เริ่มแรกเขาต้องการตั้งชื่อบริษัท Moore Noyce แต่คิดอีกทีฟังแล้วก็ไม่เข้าหูเท่าไรนัก
Intel ถือเป็นบริษัทแรกๆที่มีการวางระบบห้องทำงานอย่างเป็นระบบที่เป็นผนังกั้นเล็กๆ เราจะต้องขอบคุณบริษัท Intel ที่ไม่ให้เรากลายเป็นโรค claustrophobia (โรคกลัวที่ปิดทึบ) ในแต่ละวัน ปัจจุบันทางด้าน CEO ก็มีการสนับสนุนการใช้ระบบห้องทำงานแบบนี้อยู่แทนที่จะเป็นระบบแยกห้องทำงานแบบเดี่ยว
Intel Inside เป็นแบรนด์ที่เริ่มคิดค้นขึ้นในปี 1991 และช่วยให้บริษัท Intel กลายเป็นบริษัทที่ได้รับความนิยมระดับโลก ที่ยังครองสัดส่วนตลาดเป็นอันดับ 1 ที่เอาชนะบริษัท Samsung Electronics ได้ ในปี 2009 Intel ได้รับการยอมรับว่าเป็นบริษัทที่มีอิทธิพลระดับที่ 23 ของโลก
Robert Noyce เป็นคนที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกลมากที่ให้การสนับสนุนคนหัวสมัยใหม่เข้ามาทำงานในการผลักดันบริษัทให้ก้าวหน้าขึ้นและก็ตั้งที่ปรึกษาเป็นจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จทางด้านธุรกิจ และหนึ่งในนั้นก็คือ Steve Jobs ที่ก่อตั้งบริษัท Apple ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่ 2 บริษัทระดับโลกได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
พิพิธภัณฑ์ Intel เป็นแหล่งสะสมสิ่งประดิษฐ์ต่างๆที่อยู่ในบริษัทนี้และสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบริษัทนี้ที่ก่อตั้งมาเป็นเวลากว่า 40 ปีแล้ว โดยมีผู้เข้ามาเยี่ยมชมมากถึง 8 หมื่นคนต่อปี หากมีโอกาสเราก็ควรที่จะไปเยี่ยมชมด้วย
เป็นเวลาหลายปีที่บริษัท Intel ได้ทำงานควบคู่กับบริษัทต่างๆเป็นจำนวนมาก โดยบริษัท Intel มีเงินลงทุนสะสมมากกว่า $ 9 พันล้าน จากบริษัททั้งหมดเป็นพันๆแห่งในช่วงปี 1991 ในปี 1972 ตอนนั้นพวกเขาก็เป็นบริษัทเล็กๆที่สามารถเข้าสู่ตลาดดิจิตอลได้ และก็ได้มีโอกาสร่วมทำงานกับบริษัท McAfee ที่ช่วยกันออกแบบพัฒนาโปรแกรม Antivirus จนเป็นโปรแกรมได้รับความนิยมระดับโลก
บริษัท Intel จะมีห้องทำงานที่สะอาดสะอ้านโดยเฉพาะในการผลิตชิพประมวลผล ที่ห้องทำงานนี้มีความสะอาดมากกว่าโรงพยาบาลหลายเท่าและจะเข้าห้องนี้ได้นั้น พนักงานจะต้องไม่มีรอยด่างแม้แต่จุดเดียว โดยพนักงานจะมีการสวมเสื้อผ้าอนามัยสุดๆในการทำงาน มีเครื่องปรับอากาศที่สะอาดจนหายห่วงได้ เรียกได้ว่าเป็นห้องปลอดเชื้อโรคอย่างแท้จริง
ในปีแรกๆบริษัท Intel มีผลกำไรประมาณ $ 2,672 พอเป็นที่รู้จักมากขึ้น บริษัทมีผลกำไรมากถึง $ 6.8 ล้าน จนถึงในปี 2010 บริษัทก็มีรายได้รวม $ 54 พันล้าน ทั้งยังใช้งบในการทำวิจัยและพัฒนามากถึง $ 6.6 พันล้าน และก็มีพนักงานบริษัทมากถึง 8 หมื่นกว่าคน
บริษัท Intel ประสบความสำเร็จอย่างสูงจากการออกแบบชิพ 4004 Microprocessor ในปี 1971 และหลายปีต่อมาก็มีการออกมาชิพต่อเนื่อง และก็มีการออกแบบให้ใช้เข้ากับคอมพิวเตอร์ IBM และก็ได้กลายเป็นหุ้นส่วนในการเปลี่ยนแปลงโลกคอมพิวเตอร์ด้วยกัน ปัจจุบัน Core2duo มีการประมวลผลได้เร็วกว่า 4004 มากถึง 1 แสนเท่าเลยทีเดียว
ผู้เขียน Mr.lawrence10