ชีวิตทำงานพาร์ทไทม์สมัย ม.ปลาย สนุกและได้ประสบการณ์เลยอยากแชร์ครับ

สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิพทุกท่านนะครับ กระทู้นี้เป็นกระทู้ที่สองของผม
เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมอยากจะแชร์ประสบการณ์ชีวิตของผม ซึ่งเรื่องที่ผมเล่าเป็นเรื่องราวที่ผ่านมาเกือบ 2-3 ปีแล้ว
เรื่องราวที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ที่ผมอยากจะแชร์ให้เพื่อนๆชาวพันทิพได้รับรู้ครับ เกี่ยวกับชีวิตของพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านอาหาร ซึ่งผมจะขอเล่าตามที่ผมประสบพบเจอมา การกระทำที่ผมจะเล่าต่อไปนี้อาจจะไม่ถูกใจเพื่อนๆหลายๆคน

    ตอนที่ผมเริ่มทำงานร้านอาหารตอนนั้นผมอยู่ ม.4 กำลังเป็นช่วงเวลาที่ต่อต้านพ่อ-แม่สุดๆ ครับ.. ใจจริงผมก็ไม่เคยคิดจะอยากทำงานร้านอาหารซักเท่าไหร่แต่ผมไม่สามารถที่จะอยู่บ้านทนฟังแม่บ่นได้ แม่มักชอบบ่นให้ผมฟังตลอดว่าไม่รู้จักช่วยเหลือพ่อแม่ เอาแต่เล่นเกม ซึ่งเมื่อผมโดนบ่นๆบ่อยเข้าก็ทนไม่ไหวเลยตัดสินใจ เอาว่ะ! หางานทำเสียเลย ซึ่งเป็นเวลาประจวบเหมาะพอดีกับเพื่อนผมอยากจะทำเหมือนกันเลยพากันไปสมัครงานที่ร้านอาหาร "สุกี้" ชื่อดัง
    ตอนไปสมัครงานผมกับเพื่อนก็เข้าไปอย่างงกเงิ่นๆ ทำตัวไม่ถูกเพราะไม่เคยจริงๆ เข้าไปในร้านก็มีพนักงานเดินมาต้อนรับอย่างดีเพราะเขาคิดว่าผมเป็นลูกค้า แต่จริงๆแล้วผมมาสมัครงานพวกเขาก็ดีใจกันใหญ่ (พนักงานเป็นผู้หญิง555) สงสัยว่าจะเฮกันเพราะเห็นเพื่อนผมหล่อมั้ง !! ผู้จัดการร้านคนนี้ใจดีมากๆพี่เขาก็ให้ผมกับเพื่อนกรอกใบสมัครงาน และนัดแนะเวลามาทำงาน  ตอนก่อนจะออกจากร้านผู้จัดการก็บอกว่าก่อนเริ่มงานที่นี้ ต้องไปอบรมหลักสูตรจากทางบริษัทก่อน ผมกับเพื่อนจึงต้องเดินทางไปอบรมในเวลาต่อมาก่อนเริ่มงานจริง
    ผมกับเพื่อนเดินทางมาที่ศูนย์อบรมของร้าน "สุกี้" พวกผมตื่นเต้นสุดๆเลยครับเพราะผมได้ใช้เครื่องตอกบัตรเป็นครั้งแรกในชีวิต!!!(แต่หารู้ไม่ ต่อไปนี้ชีวิตผมจะต้องตกอยู่ในกำมือของมัน) ผมกับเพื่อนนี้ตื่นเต้นจริงๆ ว่าเห้ย มันใช้งานยังไง ซึ่งวิธีการใช้งานมันก็แสนจะง่ายแค่เอาใบตอกบัตรยัดลงไปในช่องของมันเท่านั้นก็เรียบร้อย 555 ผมกับเพื่อนก็ไปอบรมกันตามหลักสูตรที่เขาให้ไว้ ช่วงแรกๆของการอบรมก็จะเป็นกิจกรรมสันทนาการไปตามปกติ **ลืมบอกไป ผมกับเพื่อนสมัครงานร้านอาหาร "สุกี้" ในฐานะเด็กเสริฟ** หลังจากผ่านช่วงสันทนาการไปได้การอบรมก็จะเข้าสู่ช่วงแนะนำผลิตภัณฑ์และแบรนด์ต่างๆของบริษัท รู้ไหม? เขาให้เรารู้ไปทำไม ? เพราะว่าบริษัทต้องการให้พนักงานรู้จักผลิตภัณฑ์ของบริษัทตนเองเพื่อที่จะตอบคำถามลูกค้าได้ ที่สำคัญไอการอบรมครั้งนี้มันทำให้ผมได้รู้ว่า ชื่อย่อของร้าน "สุกี้" แห่งนี้มันย่อมาจากชื่อคนซึ่งเป็นผู้มีบุญคุณกับผู้ก่อตั้งร้าน "สุกี้" แห่งนี้นั้นเอง (ข้อมูลผมอาจจะคลาดเคลื่อนเล็กน้อยเพราะมันนานมาแล้ว 555) โอโห้ คุณเอยย ผมนี้อย่างกับได้ขึ้นสวรรค์ได้รู้เสียทีว่าความหมายนี้มันคืออะไร การอบรมก็ดำเนินมาเรื่อยๆจนถึงตอนทำความรู้จักกับเมนูอาหาร โอ ม้ายย ก้อดดดดดด เยอะแยะมากมาย เคยแต่สั่งแต่ไม่เคยจำว่ามันเรียกว่าอะไร พอได้มานั่งจำแล้วน้ำตาจิไหล ซึ่งสุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยความตะกุกตะกักในการตอบคำถามของผู้อบรม 555 หลังจากอบรมช่วงเช้าเสร็จบริษัทก็มีของว่างให้พนักงานได้ทานเป็นซาลาเปาไส้ครีมกับไส้หมูแดง และน้ำอัดลม ตอนนั้นผมรู้สึกว่าโอ้ นี้มันสวรรค์อะไรเยี่ยงนี้ ของกินฟรี ฟรี ฟรี!!! (ซึ่งต่อมาผมกลับพบว่ามันมีดีกว่านี้อีกเยอะ ซึ่งถ้าผมไม่ขี้เกียจผมก็คงจะเล่าถึง)
    หลังจากพักรับประทานของว่างจนอิ่มหน่ำสำราญใจแล้ว ผมก็เข้าสู่การอบรมภาคปฏิบัติแล้ว ยอมรับว่าผมตื่นเต้นจริง อันนี้ไม่ได้โม้นะครับ ตอนนั้นตื่นเต้นจริงๆเพราะไม่เคยทำอะไรแบบนี้ ผู้อบรมก็จะสอนให้พวกพนักงานใหม่ให้รู้จักวิธีการเสริฟอาหารที่ถูกต้อง ผมได้ยินครั้งแรกนี้ ห้ะ?เลย 555 ผมจะบอกขั้นตอนการวิธีการเสริฟซึ่งจำได้อย่างลางเลือนแล้วคือ
1.เดินเข้าไปที่โต๊ะ แล้วยืนห่างจากโต๊ะในระยะพอประมาณ แล้วกล่าวกับลูกค้าว่า "ขออนุญาติเสริฟครับ"
2.เอี่ยวตัวเบี่ยงถาดไปทางด้านซ้าย 90 องศา และใช้มือขวาที่ว่างอยู่หยิบเมนูอาหารว่างบนโต๊ะทีละชิ้น อย่างเบาๆ
3.เมื่อเสร็จแล้วก็ถอยออกมาแล้วเอาถาดเสริฟอาหารหนีบไว้ใต้รักแร้ 555
โอเค ไอตอนทำครั้งแรกผมก็งกเงิ่นๆ ปะดักปะเดิด หลังๆผู้อบรมก็ให้ทำวนๆหลายรอบจนคล่อง แหม่ ผมก็หลงตัวเองเออ เก่งเว้ย ทำได้ด้วย!! 555
ซึ่งพอได้ไปลงภาคสนามจริงๆแล้ว ไอการทำให้ครบทุกขั้นตอนนี้มันยากแสนจะยาก(ซึ่งผมจะได้รู้สึกแก่มันในตอนหลัง 555)
หลังจากการอบรมเสร็จ ผมก็พร้อมจะเริ่มงานทันทีด้วยความรู้ที่แน่นทฤษฎีประหนึ่ง บัณฑิต ซึ่งจะพบความจริงในตอนหลังว่า ไอทีเรียนมาทั้งหมดมันใช้ได้จริงไม่ถึง 10 เปอร์เซ็น 555555

>>>>>>>>>>>>>เดี๋ยวมาต่อนะครับ<<<<<<<<<<<<<<<<<<<<

ปล.หากมีคำผิดขออภัยมาในณทีนี้ด้วยนะครับ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่