ปรึกษาเรื่องการทำงาน + เรื่องเรียนหน่อยค่ะ

ช่วงนี้รู้สึกเหมือนจุดเปลี่ยนชีวิตเลยค่ะ...
ตอนแรกแพลนว่ากุมภาปีหน้าจะไปเรียน Business ENG ที่อเมริกา
ผลคือวีซ่าของเราผ่าน แต่แฟนไม่ผ่านเฉยยยยย (2 รอบแล้ว)

พอดีกับว่าช่วงนี้แฟนเราอิ่มตัวในที่ทำงาน... ทำงานมาเกือบสามปีแล้ว (อายุ 24)
ตอนนี้ที่ทำงานเค้ายุ่งๆวุ่นวาย หลายอย่างไม่เป็นระบบ เค้าคิดจะออกมาตั้งนานแล้ว ยังไงก็คงออกสิ้นปีนี้แน่ๆ

พอวีซ่านักเรียนอเมริกาไม่ผ่านปุ๊ปปป... คำถามคือเอาไงต่อดี
1. เรียนต่อโทเมืองไทยปีหน้าไปเลย NIDA ทั้งแฟน และเราเกียรตินิยม ป.ตรีทั้งคู่มีสิทธิได้สัมภาษณ์เลย (ไม่รู้ว่ายากเปล่านะ)
เรียน+ทำงานไปด้วยเลยเนี่ยแหละ
2. เปลี่ยนแผนไป AUS ไปเรียน Certificate IV in Marketing 6 เดือน (ลองดูข้อมูลไว้แล้วก็น่าสนใจ... แต่ถ้าโดนปฏิเสธวีซ่าอีกล่ะ?)
3. ลองวีซ่าอเมริกาอีกสักรอบ!! อุดเหตุที่เค้าบอกให้ได้ให้มากที่สุด (รายละเอียดเรื่องวีซ่าไม่ผ่านอยู่ข้างล่าง) ถ้าคราวนี้ไม่ได้อีกก็จะย้อนกลับไปทำข้อ1


-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
เรื่องสัมภาษณ์วีซ่าอเมริกา... เราขอเล่าที่ไปรอบสองเลยแล้วกันนะ
เพราะรอบสองนี่เค้าคุยกับแฟนละเอียดมากกกกกก คือให้คนไทยมาคุยด้วยเลย คุยกันเกินครึ่งชม.
เค้าบอกว่าเหตุผลหลักๆที่คุณไม่ผ่านคือ
1. การทำงานที่เมืองไทย
2. ความมั่นคงทางการเงิน (เค้าไม่ได้ใช้คำว่าเงินไม่พอนะ)
3. ระยะเวลาครั้งแรกที่มาขอ กับครั้งที่สองมันเร็วเกิน (1 อาทิตย์) แล้วเอกสารก็ไม่ได้มีเพิ่มเยอะ (เพิ่มจดหมายแนะนำตัว + เอกสารของแม่ไป)

การทำงาน
>แฟนเราอายุ 24 แต่เค้ามีตำแหน่งเป็น Manager อ่าค่ะ (จริงๆก็ยังถือว่าเป็น Junior Manager นะ) และเป็นตำแหน่งที่ต้องติดต่อ Supplier ต่างประเทศ ทำพวกของนำเข้า
>ทุกวันนี้ภาษาพูดได้ดี แต่เวลาใช้ในการทำงานมันก็ผิดพลาดบ้าง พูดกับฝรั่งยังไม่ได้คล่องขนาดนั้น ที่อยากไปเรียนนู่นก็เพราะแบบนี้ ไม่ได้มีเจตนาจะไปเป็นโรบินฮู้ดเลยจริงๆ!! ด้วยความว่าตำแหน่งเป็น Manager ด้วย แถมอายุยังน้อย เลยอยากไปหาอะไรมาพัฒนาตัวเองให้มันเห็นได้ชัดเจนหน่อย ทั้งนี้ก็เพื่อการสมัครงานในครั้งหน้านี่แหละ เพราะตอนนี้บอกตรงๆว่า เป็น Manager ทำงานเท่า Manger คนอื่น แต่ยังได้เงินเดือนแค่ 20K ด้วยสาเหตุว่าอายุแฟนยังน้อย ประสบการณ์ยังไม่มากพอ
____กงศุลบอกว่า บริษัทไม่ได้บอกว่าจะรับคุณเข้าทำงานต่อหากเรียนจบจากที่นั่นแล้ว + บริษัทไม่ได้บอกว่าจะโปรโมทคุณหลังจากกลับมา____
- บอกเลยว่าไม่รู้จะอุดเหตุผลนี้ยังไงดี จริงๆทำได้นะให้บริษัทออกรับรองให้ว่าจะกลับมาทำงานนี่ แต่พูดตรงๆว่าไม่อยากทำ ไม่ได้อยากจะโกหก แล้วถามจริงว่าจะมีสักกี่บริษัทที่มีนโยบายมารอพนักงาน (- -") ทีของเรา เราก็ต้องลาออกก่อนไปเรียน ยังไม่โดนถามแบบนี้... อธิบายเค้าไปหมดแล้วว่าตอนแรกเข้ามาทำเป็น Assist แต่ทำไปทำมา Manager ดันลาออกพร้อมๆกัน เค้าเลยให้ลองดูแบรนด์ดีลกับ Supplier ในประเทศก่อน หลังๆมาถึงเพิ่งได้ดูแบรนด์ต่างประเทศ (ในพาสปอร์ตมีวีซ่าไป Business Trip ยุโรปอยู่ 2 ครั้ง) แฟนเราเรียนก็เกียรตินิยมด้วย หน้าที่การงานก็ดี ไม่ได้คิดโดดเลยจริงๆอะ!!

ความมั่นคงทางการเงิน
>ป้าแท้ๆของแฟนเป็นสปอนเซอร์ให้ เงิน 8 แสน ซึ่งโอเคเราเข้าใจว่ามัน 8 แสนถ้วนเลย แต่ก็มีสเตทเม้นย้อนหลังให้เค้าเห็นว่ามันอยู่มานานตั้งแต่ต้นปีแล้วนะ ไม่ได้เพิ่งเอามาใส่เพื่อแต่งบัญชี แล้วก็มียอดเข้าทุกเดือน เหมือนเป็นดอกเบี้ยอ่ะค่ะ แต่เหมือนป้าก็ถอนดอกเบี้ยนั้นออกไป (ข้อนี้เราก็ไม่ค่อยเข้าใจป้าเค้าเหมือนกัน เหมือนเค้ามีเงิน เลยเอาเงินมาวางนอนไว้เพื่อเอาดอกเบี้ยเฉยๆล่ะมั้งนะคะ... แต่จะถอนดอกออกทำไมเราก็งง เหอๆๆ หรือมันเป็น process อะไรของธนาคาร ข้อนี้เราไม่รู้จริงๆ)
>ทุกวันนี้ป้าทำงานบริษัท ตำแหน่ง Manager บริษัทใหญ่อยู่เหมือนกัน ก็เอาใบรับรองการทำงานให้เค้าไปด้วยทำมาตั้งแต่ปี 19XX แล้ว
>รอบแรกไม่ได้ยื่นแม่ไป รอบนี้เลยยื่นแม่ไปด้วยจะได้ดูมีหลักแหล่ง แต่จริงๆสเตทเม้นแม่ไม่ได้สวยเลย เพราะที่บ้านทำธุรกิจส่วนตัว เปิดมา 20 กว่าปีแล้ว เอาใบจดทะเบียนบริษัทให้เค้าไป เป็นบริษัทเล็กๆ ธุรกิจ SME เฉยๆไม่ได้ใหญ่มาก ทุนจดทะเบียนเกือบล้าน ทุกวันนี้มียอดเข้าออกตลอดทุกวัน ส่วนใหญ่หลักหมื่นตั้งแต่หมื่นต้นๆ ถึงหมื่นปลายๆ หลักแสนก็มีบ้าง มีสรุปยอดเข้าออกหมุนเวียนหกล้าน แต่ยอดล่าสุดมีอยู่แค่เกือบ 2 แสน
>แม่เคยติดเครดิตบูโร แต่นานมากๆๆๆๆแล้ว 20-30 ปี++ ไม่รู้เกี่ยวรึเปล่านะคะ?
____ตอนเจ้าหน้าที่คนไทยมาคุย ถามละเอียดเลยว่าป้าจะออกให้เท่าไหร่/แม่จะออกให้เท่าไหร่ ทุกวันนี้บริษัทแม่กำไรเท่าไหร่พอรู้ไหม____
- ตอนมาถามบอกตรงๆว่าแฟนเราก็ไม่ได้เตรียมข้อมูลข้อนี้ไป แล้วเค้าก็ไม่ค่อยรู้รายละเอียดเรื่องเงินด้วย เพราะตอนสมัครเรียนเราจัดการให้เค้าหมด เค้ารู้แค่ว่าเงินมันพอ... ตอนตอบอาจตอบไม่ค่อยดี คือตอบแบบประมาณๆไป คิดสดเลยอ่ะ... อาจจะพลาด (แต่เขียนในจดหมายแนะนำตัวไปแล้วนะคะว่าป้าจะออกค่าเรียน ค่าเดินทางทั้งเครื่องบิน-ค่าเดินทางภายในอเมริกา ค่าที่อยู่อาศัย ส่วนแม่จะออกค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ) ไม่ได้คิดว่าเค้าจะมาถามละเอียด อย่างกับขอวีซ่าท่องเที่ยวแบบนี้ (- -")
- เรื่องกำไรบริษัทแม่... คือกำไรมันก็มี ที่รู้ๆคือเค้าต้องหารายได้ คือทำยอดอย่างน้อยให้ได้อาทิตย์ละแสน แต่พอมีเงินเข้าเค้าก็เอาไปอยู่ในเงินหมุน คือมันเป็นธุรกิจที่ต้องให้เครดิตลูกค้าอ่าค่ะ ไม่ใช่ธุรกิจเงินสด มันก็เลยหมุนๆกันอยู่ในบัญชีเดียวกันเนี่ยแหละ

ระยะเวลาที่มาขอมันติดกันเกินไป
>อันนี้ยอมรับเลย แฟนเราเค้าเป็นคนใจร้อน คืออยากทำให้มันจบๆ จะได้เดินหน้าต่อ ไม่ใช่มานั่งรอเป็นเดือน เค้าคิดแบบนี้อ่าาา เลยรีบไปอีกรอบเลย

ถ้าจะไปขออีกรอบจริงๆ(ควรดีรึเปล่า? แต่ความรู้สึกเรามันเหมือนติดอีกนิดเดียวจริงๆอ่ะ ไม่งั้นเค้าคงไม่ถามละเอียดขนาดนี้)
... แก้แบบนี้พอจะได้ไหมคะ?
>รอสักช่วงหลังวันพ่อค่อยไปยื่นใหม่อีกรอบ (เอาจริงไม่อยากให้ต้องถึงสิ้นเดือนธันวาอ่ะ เราเดินทางต้นกุมภา ค่าตั๋วพุ่งแน่ๆ)
>เพิ่มบัญชีออมทรัพย์อีกบัญชีของป้าไป เป็นบัญชีที่มีเดินบัญชีตลอด แต่ยอดอาจจะไม่สูง คิดว่าคงแค่หลักหมื่น หรืออาจแค่แสนต้นๆ
>ครั้งที่แล้วใบรับรองการทำงานของป้าไม่ได้ระบุเงินเดือน... เอาจริงๆเราก็ไม่รู้ว่าเงินเดือนป้าเค้าเท่าไหร่ ไม่กล้าถามเรื่องแบบนี้ แต่ถ้าเงินเดือนเค้ามันไม่ได้สูงมากเท่าไหร่ เราก็คิดว่าไม่ควรเขียนลงไปรึเปล่าคะ?
>เขียนรายละเอียดค่าใช้จ่ายไปเลยว่าต่อเดือนใช้เท่าไหร่ ใครออกส่วนไหนให้บ้าง ทำเหมือนวีซ่าท่องเที่ยวเลย ถ้าจะต้องการละเอียดขนาดนี้อ่ะนะ!!
>รายได้ของแม่... ไม่รู้ว่าจะยังไงดี เอาใบเสนอราคา/ใบวางบิลที่ให้ลูกค้าจ่ายมายื่นไปได้มั้ย (- -") ลูกค้าเจ้าดังๆก็มีเยอะนะ

ไม่รู้ยังไงดีแล้วค๊าาา... แนะนำที ตอนนี้มีหลายทางเลือก เหอๆๆ
จะต่อโท จะไปออสแทน (วีซ่าจะยังไงก็ไม่รู้ ค่าทำก็โหด) หรือจะยื่นอเมริกาอีกรอบ???
เราแค่คิดว่าถ้าไปเมืองนอกก็ควรจะรีบไปได้แล้ว เพราะอย่างที่บอกว่าแฟนเราทำงานสายนี้ ที่ต้องติดต่อต่างประเทศ ยังไงเค้าก็คงทำงานสายนี้ต่อไป
ถ้าอายุเยอะกว่านี้ + ประสบการณ์การทำงานเยอะกว่านี้ มันจะดูไม่สมเหตุสมผลรึเปล่า เหมือนก็เห็นว่าที่ผ่านมาคุณก็ทำงานที่ต้องใช้ภาษามาตลอดอ่ะ
หรือถ้าบอกอายุเยอะแล้วจะไปเรียนโทเมืองนอกแทน ก็ไม่มีปัญญาจ่ายขนาดนั้นค่ะ (- -")

ตอนนี้มันอยู่ในช่วงจุดเปลี่ยนเรื่องงานด้วยแหละ เพราะยังไงสิ้นปีนี้ก็จะลาออก ถ้าจะรอไปเมืองนอกปีหน้าก็เท่ากับว่าที่ทำงานใหม่ทำได้แค่ปีเดียวก็ต้องออก... เลยคงต้องรีบตัดสินใจแล้ว... จะหางานใหม่ดี หรือจะไปเมืองนอกเลยดีน้าาาาา

ปล. พอดีรู้จักกับเอเจ้นพวกรับทำวีซ่าเรียนต่อเป็นการส่วนตัวอยู่บ้าง... เห็นเค้าบอกว่าช่วงนี้เด็กที่ไปโดนปฏิเสธวีซ่ากันเยอะเลย... ช่วงนี้โหดเหรอคะ? นึกจะโหดก็โหด? คิดแต่แง่ลบของแฟนเราหมดเลยนะ (- -") ทำไมเราผ่านมาง่ายๆเลยฟะ!! ไม่โดนถามไรเลย เงินก็พอๆกัน 8 แสน เรียน 4 เดือน สถาบันก็มีชื่อ ตอนนี้ทำงานบริษัทต่างชาติ หัวหน้าโดยตรงก็คนต่างชาติ ไม่ขอดูอะไรเราเลยนอกจาก transcript (เกียรตินิยมก็เหมือนเหมือนแฟน)  กับใบรับรองการเงิน พอเราจะยื่นใบจดทะเบียนการค้า ที่ที่บ้านเราทำธุรกิจร้านค้าให้ ตอนที่เค้าถามเราว่าพ่อแม่เราทำอะไร เค้ายังไม่เอาเลยยยยยย...
เม่าเหม่อ
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่