[CR] On the road trip 2014 ซ้อนท้ายสองล้อเที่ยวเพลิน ๆ 10 วัน จากลาดพร้าวถึงเหนือสุดสยาม คะ by คุณนายโคลัมเบีย

กะจะเขียนเล่าเรื่องทริปขับมอร์ไซด์ตะลอนขึ้นเหนือของเราสองตั้งแต่กลับจากทริปแล้วละแต่ผลัดวันประกันพรุ่งรอให้มีอารมณ์เขียนก็ไม่มีซะที วันนี้เลยตัดสินใจเขียนเพื่อปลุกอารมณ์ตัวเองแทนแล้วกัน ทริปที่ว่านี้ใช้เวลาทั้งหมด 10 วัน (ปล.คำเตือนรูปหน้าเราเยอะมากฉะนั้นอาจจะเบื่อได้ ห้ามว่ากันเพราะนี่มันทริปแห่งความสุขของเรา อาจจะไม่มีสาระสำหรับใครที่อยากได้ข้อมูลท่องเที่ยวนะฮ๊าบ)

          คือด้วยความที่สามีเคยขับมอร์ไซด์เที่ยวแบบค่ำไหนนอนนั่นเมื่อปีที่แล้ว ทริปปีที่แล้วไปกันกับกลุ่มเพื่อนฮีคะไปกัน 4 หนุ่มขับล่องใต้กัน ตอนนั้นฮีบอกสนุกมากแต่เสียอย่างเดียวเวลาตะวันตกดินคิดถึงภริยามาก(ปากหวานมากคะ) และจากทริปนั้นฮีก็พูดตลอด ๆ ว่าอยากมีทริปขับมอร์ไซด์อีกแต่ขอไปกันสองคนนะ คุยกันหลายรอบ วางแผนกันอยู่นานจนพอดีช่วงนี้ภรรยาตกงานเลยได้โอกาสทำความอยากให้เป็นจริงซะเลย ทริปนี้บอกเลยว่าคุ้มมาก และดีใจที่เราตัดสินใจกันตอนที่มีแรงอยู่เพราะทริปขับมอร์ไซด์นี่เหนื่อยมากขอบอก

           ทริปวันที่ 1 : เราออกเดินทางออกจากบ้านตอนตี 3 วันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2557 คือก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเช้าขนาดนั๊นฮีให้เหตุผลว่ากลัวรถติด (อืม!!! ชั่งเถอะจะด้วยเหตุอันใดแต่เช้าเกิ๊น) รถเราไม่ใช่รถหรูคันใหญ่นะคะ 125cc.นี่แหละคะ(เก่าด้วย) พร้อมกระเป๋า 1 ใบผ้าห่ม 1 ผืน มีแผนที่ 1 ใบ (ตามรูปเลยคะเหลือที่ให้สก๊อยนิดหน่อย) เครื่องแต่งกายของนักบิดก็อย่างที่เห็นคะ ที่สำคัญปลอดภัยสุดหมวกกันน็อกคะ ความเร็วก็พอ ๆ กับขับรถไปซื้อกับข้าว…ปลอดภัยคะ
          
          จุดหมายปลายทางเราก็ออกจากกรุงเทพขับเรื่อยเปื่อยขึ้นเหนือสุดเชียงราย เชียงแสนประมาณนั้นแหละคะ แล้วก็ขับวนกลับลงมาขึ้นรถไฟที่เชียงใหม่ กลับกรุงเทพโดยสวัสดิภาพ
          เส้นทางที่ใช้เราจะเลี่ยงถนนหลวงกันคะ เบื่อรถคันใหญ่และอีกอย่างถนนสายรองวิวข้างถนนดีกว่าเป็นไหน ๆ ระยะทางดูตามแผนที่แล้วเหมือนจะเป็นทางลัดในบางครั้ง แต่เอาเข้าจริง ๆ ก็ไม่ลัดนะ ทางที่เราใช้คือทางที่ขนานไปกับเส้นทางหลักคะ (ขนานไปกับเส้นสีแดงในแผนที่ หรือบางทีก็ไม่ได้ขนานเอาแน่เอานอนไม่ค่อยจะได้) แต่ไม่ถึงกับเปลี่ยวมากมาย วิ่งไปตามแผนที่เลย
          
          เส้นทางที่เราเลือกคือออกจากกรุงเทพวิ่งไปทางสระบุรี เอ๊! ทำไมไม่เข้าอยุธยา ก็อย่างที่บอกแหละคะทริปนี้ตามใจอยากกันจริง ๆ ขับไปทางสระบุรี เข้าเส้นรองออกวังม่วง แวะถ่ายรูปที่เขื่อนป่าสัก แต่เราไม่ได้เข้าในเขื่อนกันนะคะแค่แวะถ่ายรูปกับพระองค์ใหญ่
          ขับยังไม่ถึงไหนเลยพลขับเกิดง่วงซะงั้น ก็น่าจะง่วงแหละนอนดึกตื่นกันตี 2 มาง่วงกันระหว่างทางเราก็เลยต้องหาที่พักกันแต่ไม่ใช่ศาลาข้างทางนะคะคงนอนไม่หลับหรอก ร้อนโฮก..เราได้ที่พักข้างทางราคาชั่วคราว 200 บาทมีแอร์ด้วยคุ้มสะอาด
          
          พอพลขับหลับเต็มตื่นเราก็ออกเดินทางกันต่อคะ ขับไม่รีบไม่ร้อนดูวิวข้างทางไปเรื่อย รถราเพื่อนร่วมทางก็ไม่ค่อยเยอะถนนโล่งปลอดภัยดีคะ
          
          วันแรกไปจบที่เพชรบูรณ์คะ กะจะไปให้ถึงเขาค้อแต่ไม่ไหว จริง ๆ ฝนตกตลอดทางหนาวมาก ถึงตัวเมืองเพชรบูรณ์ 6 โมงเย็น ขับหาโรงแรมไม่เจอวน 1 รอบเห็นป้ายรีสอร์ท สรุปนอนที่นี่แหละม่านรูด 400 บาทสะอาดใช้ได้คะ ไม่ต้องคิดมากสะอาดเป็นพอ จะโมเต็ลหรือโฮเต็ลก็ไม่ต่างกันมั๊งคะนาทีนี้ เหนื่อย หิว
          ทริปวันที่ 2: เราตื่นสายกันในวันต่อมาเพราะเหนื่อยมาก ทริปวันแรกนั่งมอร์ไซด์จากกรุงเทพถึงเพชรบูรณ์ ก้นบานคะไม่ต้องสงสัย ทริปวันนี้เราเลยไม่มีแผนการอะไรยิ่งใหญ่มากมาย ออกจากตัวเมืองตอน 9 โมงเช้าขับชิลมากแป๊บเดียวถึงเขาค้อ คุณสามีติดใจเขาค้อมากเราเลยขับกินลมกันบนเขาค้อนั่นแหละคะสำหรับวันที่สอง
          
          ชิล ๆ เรื่อยเปื่อยกันสองตายาย
          
          เขาค้อจะมีอะไรแจ่มไปกว่านั่งจิปกาแฟ เมาท์มอย ถ่ายรูป เมาเบียร์ ดื่มด่ำวิว อืมมมมม…เมืองไทยไม่ไปก็ไม่เห็นว่าสวยแค่ไหน
          
          จิบเบียร์กาแฟกันเสร็จแล้วก็ไปต่อคะ ขับขึ้นพระตำหนักกัน สนุกดีไม่มีรถคันอื่นเลย ทำให้เราสนุกกับการถ่ายรูปกันมาก คือลงทุนซื้อไม้เซลฟี่เพื่อการนี้บอกเลยว่าคุ้มนะคะ…ข้อดีของการเที่ยวนอกฤดูท่องเที่ยว เที่ยววันที่คนอื่นทำงานกันนี่มันดีจริง ๆนะคะ
          
          คือทางขึ้นพระตำหนักนี่ชันมาก ม้าน้อยเราไม่สามารถบิดขึ้นไปได้เลยต้องเลื้อยกันนิดหน่อย...แต่สก๊อยข้างหลังก็ยังชิลแม้ถึงช่วงลำบากของชีวิตก็เถอะ
          
          
          ลงมาจากพระตำหนักก็หาอะไรกินกัน อยากกินขนมจีนแต่หาไม่เจอ เที่ยวกันซะเพลินลืมไปว่าเราไม่มีที่พักนะราคาที่พักที่เขาค้อนี่ราคาเทศกาลท่องเที่ยวหรือวันธรรมดานี่ราคาก็พอ ๆ กันนะคะเราว่า พันต้น ๆ เราไม่มีเวลาเลือกมากนักเพราะนี่ก็พระอาทิตย์ตกแล้วคะหนาวมากเพราะฝนตกด้วย ได้ที่พักมาราคา 1500โอเคสะอาดวิวดี เสร็จก็ไปชอปปิ้งของกินจากตลาดสดกันคะ ซื้อมาเยอะแยะกินไม่หมด
          
          
          ทริปวันที่ 3: เมื่อคืนก็เมาท์มอยกันท่ามกลางสายหมอก ตื่นสายได้ไม่รีบร้อน เปิดแผนที่ไปไหนกันต่อดีหนอ วัดผาถ้ำแก้ว (ถ้าชื่อผิดก็ขออภัยนะคะ) เห็นพี่ๆร้านกาแฟแนะนำ สวยคะสวยมาก แต่คนก็เยอะมากเหมือนกันนะเนี่ย เสียดายเมื่อวานเราน่าจะมาค้างคืนแถวนี้
          
          
          เที่ยววัดเสร็จไปต่อกันคะ ขับมุ่งหน้าขึ้นหนือ แต่แผนเดิมกันนะคะเลี่ยงทางหลวง ทำให้ไปโผล่ซะไกลเลย อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ อีก 80กม.จะถึงชายแดนลาวแล้วคะ ฝนเจ้ากรรมนี่ก็ตกตลอดทางเลย เราทั้งเหนื่อยหิว เริ่มมืด ตอนแรกกะว่าจะเข้าไปหาที่พักที่เขื่อนสิริกิตเพราะคิดว่าน่าจะมีที่พักเยอะเพราะอาจจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว แต่ปรากฎว่าเราได้ข้อมูลจากชาวบ้านว่าไปอ.น้ำปาดดีกว่ามีที่พักเยอะกว่า
          รูปตอนนี้ยังมีอารมณืสนุกกันอยู่ ถ่ายรูปกันชิล ๆ แต่หลังจากนี้มีแอบทะเลาะกันด้วย เพราะความเหนื่อยล้าของพลขับ บวกกับความหิวของสก๊อย เม้งกันนิดหน่อยก่อนที่จะจับมือคืนดีกัน เพราะเรามากันสองคนอย่าเอาเหตุผลของความเหนื่อยและหิวมาระบายใส่กันซิ ขับรถฝ่าฝนกันจนหาที่พักได้ค่ะ
          
          คืนนี้นอนนี่คะ อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์ สวยมั๊ยละที่พักเรา 450 บาทอยากจะนอนซัก 2 คืนเลย
          
          เหนื่อยกันมากเลยไม่ได้ตะลอนกันคะ แต่เป็นอำเภอที่น่าอยู่มาก มีภูเขาทะเลทุ่งข้าวสวยมาก แต่เราก็แค่ออกไปซื้อของกินจากโลตัสมานั่งเมาท์มอยกันอีกตามเคย อากาศเย็น ๆ อะไรจะเหมาะไปกว่าต้มมาม่าแกล้มเบียร์ พร้อมฝึกสมองไปด้วยคะ(นั่งเล่นไพ่ )
          
          ทริปวันที่ 4: เป้าหมายต่อไปวันนี้คือจ.น่านคะ ออกจาก อ.น้ำปาดด้วยความสดชื่นมุ่งหน้าสู่ อ.นาน้อยกันต่อคะ คือทางนี่ได้บรรยากาศความเป็นเขามากมาย เราขับอยู่นานเพิ่งจะมาเจอร้านค้าเลยต้องแวะเติมน้ำมันทั้งคนและรถคะ
          
          แวะชมวิวถ่ายรูปกันไปตามเรื่องคะ คือมีกันอยู่สองคนเลยไม่ต้องรีบร้อนให้ทันใครเค้า สงสารก็แต่คุณสามีแหละคะทั้งขับรถแล้วยังจะต้องเป็นตากล้องและนายแบบที่ต้องดูไม่เหนื่อยด้วยนะ ต้องมีความสุขด้วยที่สำคัญ
          
                    
          ถ่ายรูปสมใจละ ขับต่อคะ ขับมาซักพักเกิดเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นในชีวิต และเป็นเรื่องที่ทำให้เรางงกันมาก (ดูหน้าคนขับดิว่างงแค่ไหน) คือขับ ๆ ตามถนนมาเรื่อย ๆ ปรากฎว่าทางหายซะงั้นแผนที่ก็ไม่ได้บอกอะไรขับมาเจออย่างที่เห็นนะคะ คือไม่ใช่แม่น้ำนะคะแต่เป็นทะเลสาปหลังเขื่อน(คือไม่รู้จะเรียกไรดี)
          
          ตกใจกันยกใหญ่ เราก็เลยตรงดิ่งไปถามลุงที่แพข้างล่างนั่น สรุปเป็นแพขายอาหาร ได้ความว่าไม่ต้องตกใจถ้าจะไปต่อก็ต้องข้ามน้ำไปต่อถนนฝั่งโน้น เดี๋ยวลุงเรียกเรือใหญ่มารับค่าข้าม 100บาท โอเคโล่งอก ระหว่างรอนี่แหละกินเป็นดีที่สุด
          
          ตกใจรอบที่ 2 เพราะลุงบอกว่าเรือใหญ่ มันใช่เรือใหญ่ซะที่ไหนเป็นเรือหางยาว ไม้กระดานพาด
          
          
          อึ้งกันไปแต่แกยืนยันว่าปลอดภัยนี่แหละเค้าข้ามกันแบบนี้แหละ แต่ข้างหลังเราแอบเห็นคุณพี่ผู้ชายมีเรือยาวลากโป๊ธ ดูดีน่าปลอดภัยกว่าเราอีก….อืมมมม
          แต่สุดท้ายก็ปลอดภัยสนุกสนานกันอีกตามเคย ถ่ายรูปแก้เครียดคะ
          
          
          ท้ายสุดขึ้นฝั่งอย่างปลอดภัยคะ
          
          สวยเหมือนกันนะเนี่ยหมู่บ้านชาวประมงอำเภอนาน้อย
          
          พอเจอถนนเราก็ไปต่อคะ วันนี้ตอนแรกเลยแพลนว่าจะไปให้ถึงตัวจ.น่านแต่เอาเข้าจริง ๆ เราก็เหนื่อยกันเกินไปที่จะตั้งหน้าตั้งตาขับ เลยเปลี่ยนแผนขับชมวิวไปเรื่อย เจอที่พักตรงไหนสะอาดดูปลอดภัยก็ค่อยหยุดพักกัน
          
          
          
          คืนนี้นอนแถวอำเภอนาน้อยนี่แหละ กินเหล้าปั่นนั่งฟังเพลงฝรั่งก็ไม่เลวนะคะ
          
          ทริปวันที่ 5: นาน้อยจ.น่าน  พะเยา
          แพ็คกระเป๋าออกเดินทาง บ้านน้อยหลังละ 400 ทำให้เรารักเมืองไทยมากเลย สะอาดปลอดภัยเหมือนอยู่บ้านเราเอง
          
ชื่อสินค้า:   ขับมอร์ไซด์เที่ยวไทย
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่