เมื่อรู้สึกว่าใจมันหงุดหงิด ใจไม่ดี โกรธ เราก็ร้อง
ฮึ
เวลาใจดีขึ้นมาก็ร้อง
ฮึ ว่ามันไม่เที่ยงดอก
ถ้ามันรักคนนั้นขึ้นมาในใจก็
ฮึ
ถ้ามันจะโกรธคนนั้นขึ้นมาก็
ฮึ
เข้าใจไหม ไม่ต้องไปดูลึก ไม่ต้องไปดูพระไตรปิฎกหรอก
ไอ้
ฮึ นี่เรียกว่ามันไม่เที่ยง
ความรักนี่มันก็ไม่เที่ยง ความชังนี่มันก็ไม่เที่ยง
ความดีมันก็ไม่เที่ยง ความชั่วมันก็ไม่เที่ยง
มันเที่ยงอย่างไรเล่า มันจะเที่ยงตรงไหม
มันเที่ยงก็เพราะของเหล่านั้นมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
คือมันเที่ยงอย่างนี้มันไม่แปรเป็นอย่างอื่น มันเป็นอย่างนั้น
นี่เรียกว่าความเที่ยง เที่ยงก็เพราะว่ามันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
มันไม่ได้แปรเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวมันก็รักเดี๋ยวมันก็ชัง
มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้ นี่คือมันเที่ยงอย่างนี้
ฉะนั้น จึงจะบอกว่าเมื่อความรักเกิดขึ้น เราก็บอก
ฮึ
มันไม่เปลืองเวลาดี ไม่ต้องว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว
ถ้าโยมขี้เกียจภาวนามาก เอาง่ายๆ ดีกว่า
คือ ถ้ามันเกิดมีความรักขึ้นมา มันจะหลง ก็ร้อง
ฮึ เท่านี้แหละ
อะไรๆ มันก็ไม่เที่ยงทั้งนั้นมัน เที่ยงก็เพราะมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
เห็นเท่านี้ก็เห็นแก่นของธรรมะ คือสัจธรรม
อันนี้ถ้าเรามา
ฮึ กันบ่อยๆ ค่อย ๆ ทะยอยไป
อุปาทานก็จะน้อยไป น้อยไปอย่างนี้แหละ
ความรักนี้ฉันก็ไม่ติดใจ ความชั่วฉันก็ไม่ติดใจ
อะไรๆ ฉันก็ไม่ติดใจทั้งนั้น อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น
เชื่อสัจธรรมอย่างเดียว รู้ธรรมะเท่านี้ก็พอแล้วโยม จะไปดูที่ไหนอีกเล่า
ถ้าโยมขี้เกียจภาวนามาก เอาง่ายๆ ดีกว่า
เมื่อรู้สึกว่าใจมันหงุดหงิด ใจไม่ดี โกรธ เราก็ร้อง ฮึ
เวลาใจดีขึ้นมาก็ร้อง ฮึ ว่ามันไม่เที่ยงดอก
ถ้ามันรักคนนั้นขึ้นมาในใจก็ ฮึ
ถ้ามันจะโกรธคนนั้นขึ้นมาก็ ฮึ
เข้าใจไหม ไม่ต้องไปดูลึก ไม่ต้องไปดูพระไตรปิฎกหรอก
ไอ้ ฮึ นี่เรียกว่ามันไม่เที่ยง
ความรักนี่มันก็ไม่เที่ยง ความชังนี่มันก็ไม่เที่ยง
ความดีมันก็ไม่เที่ยง ความชั่วมันก็ไม่เที่ยง
มันเที่ยงอย่างไรเล่า มันจะเที่ยงตรงไหม
มันเที่ยงก็เพราะของเหล่านั้นมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
คือมันเที่ยงอย่างนี้มันไม่แปรเป็นอย่างอื่น มันเป็นอย่างนั้น
นี่เรียกว่าความเที่ยง เที่ยงก็เพราะว่ามันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
มันไม่ได้แปรเป็นอย่างอื่น เดี๋ยวมันก็รักเดี๋ยวมันก็ชัง
มันเป็นของมันอยู่อย่างนี้ นี่คือมันเที่ยงอย่างนี้
ฉะนั้น จึงจะบอกว่าเมื่อความรักเกิดขึ้น เราก็บอก ฮึ
มันไม่เปลืองเวลาดี ไม่ต้องว่าอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาแล้ว
ถ้าโยมขี้เกียจภาวนามาก เอาง่ายๆ ดีกว่า
คือ ถ้ามันเกิดมีความรักขึ้นมา มันจะหลง ก็ร้อง ฮึ เท่านี้แหละ
อะไรๆ มันก็ไม่เที่ยงทั้งนั้นมัน เที่ยงก็เพราะมันเป็นของมันอยู่อย่างนั้น
เห็นเท่านี้ก็เห็นแก่นของธรรมะ คือสัจธรรม
อันนี้ถ้าเรามา ฮึ กันบ่อยๆ ค่อย ๆ ทะยอยไป
อุปาทานก็จะน้อยไป น้อยไปอย่างนี้แหละ
ความรักนี้ฉันก็ไม่ติดใจ ความชั่วฉันก็ไม่ติดใจ
อะไรๆ ฉันก็ไม่ติดใจทั้งนั้น อย่างนี้จึงจะเรียกว่า ไม่เชื่ออะไรทั้งนั้น
เชื่อสัจธรรมอย่างเดียว รู้ธรรมะเท่านี้ก็พอแล้วโยม จะไปดูที่ไหนอีกเล่า
เนื้อหาบางส่วนจาก ทำใจให้เป็นบุญ - หลวงปู่ชา สุภัทโท
http://anuchah.com/making-the-heart-good/