สวัสดีค่ะ เราขอเข้าเรื่องเลยนะคะ คือเรากำลังเรียนอยู่ปี 1 ม.รัฐ แห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี พ่อของเราเป็นคนที่ค่อนข้างดุ เรากับน้องต้องทำอะไรๆ อยู่ในกฎระเบียบตลอด จนคิดว่าบางครั้งเราถูกตัดอิสระในการดำรงชีวิต ในการใช้ชีวิต ในการเลือกอะไรหลายๆอย่าง พ่อของเราแต่งงานใหม่กับผู้หญิงคนนึง โดยที่แม่ของเรามารู้ความจริงก็ตอนเรา อ.3 แล้ว
ลูกของแม่เลี้ยงก็อายุไล่เลี่ยกะเราห่างกันแค่ 10 เดือน หลังจากนั้นพ่อแม่ก็ตัดขาดกันไปเลย เรากับพี่ชายและน้องสาวฝาแฝดต้องมาอยู่กับพ่อ เปนธรรมดาเนอะ ที่แม่เลี้ยงจะรักลูกของเขามากกว่าอยู่แล้ว ทำไมเรารู้สึกได้เลยว่า ความลำเอียงภายในบ้านมีมากขึ้นทุกวัน โดยที่พ่อของเราแทบจะไม่สามารถปกป้องเราได้เลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราจะต้องถูกหยิบเข้าไปในบทสนทนาด้วยทุกครั้ง ว่าทำไมต้องมีเรา 3 คนด้วย จนพี่ชายจบ ม.3 ก็ทนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหว ขอหยุดเรียนและออกไปทำงานเอง 8 ปี ต่อมาเราเรียนอยู่ชั้น ม.6 น้องสาวฝาแฝด เกิดท้องขึ้นมา เราเหมือนถูกกักขังมากยิ่งขึ้น จนแทบจะไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเลย จากความคิดที่จะหนีจากบ้านหลังนี้ไปเรียนที่อื่นในระดับมหาลัยก็จบลง เราต้องทนเรียนในคณะที่ไม่ชอบ เราต้องทนอยู่ในบ้านนรกนี้ต่อ หลังจากเปิดเทอมมหาลัยได้แค่เดือนกว่าๆ เราก็ทะเลาะกับแม่เลี้ยงครั้งใหญ่ ซึ่งเปนครั้งที่เราโคตรจะหมดความอดทนกับผู้หญิง เห็นแก่ตัว คนนี้ ผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเองและลูก นางชอบเอาเราไปนินทาให้ชาวบ้านฟัง ว่าเราไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น พอน้องเราท้อง นาก็สาปแช่งให้เราท้องเหมือนน้อง ขอให้ชีวิตของเรา

ๆ เราตัดสินใจออกจากบ้านทันที โดยมีบัตรเอทีเอ็ม กับรถมอไซด์คันนึง ในบัตรเอทีเอ็ม มีเงินหลายแสน ให้เราใช้ แต่ตั้งแต่ออกจากบ้านมาพ่อโทหาเรานับครั้งได้ เขาเหมือนจะไม่ห่วงเราเลย โทมาก็พูดแค่ว่าใช้เงินประหยัดๆนะ อย่าขี้เกียจล่ะ พอเราไปหามีธุระจะคุยก็บอกว่าไม่ว่าง เราเหมือนถูกปล่อยลอยแพ ทั้งๆที่เราเปนลูก ถูกจำกัดสิทธิ์และความคิด มีเพียงเงินที่ส่งให้ใช้ แต่ไม่เคยมาดูดำดูดีเลยตั้งแต่เราออกจากบ้าน ทั้งๆที่เราเปนผู้ถูกกระทำ แต่พ่อปกป้องเราไม่ได้เลย
เราเหนื่อยที่จะต้องมาทำตามความคิดของพ่อ เอะอะอะไรก็พูดแต่ว่า " ถ้าเธอไม่รักดี เธอจะไม่ได้อะไรจากพ่อสักชิ้นเดียว" เราไม่เคยอยากได้สมบัติพวกนั้นสักนิด เราขอแค่โอกาสให้เราได้เรียนตามที่เราชอบ ขอโอกาสแค่ส่งเราเรียน แต่เรากลับถูกบงการให้เดินอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่ไปเรียนต่อ และกำลังเตรียมตัวจะแอดใหม่ โดยที่ไม่ปรึกษาพ่อ และคิดว่าหากพ่อรู้ความจริงแล้วไม่สนับสนุนเรา เราจะไม่ขอวุ่นวายกับเขาอีก แล้วออกมาทำงานส่งตัวเองเรียน ตามที่หวังไว้ แต่โลกมันก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น การที่จะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ไม่ใช่เรื่องง่าย มีใครเรียนภาคปกติ แล้วทำงานส่งตัวเองเรียนบ้างค่ะ ขอคำปรึกษาหน่อย ขอบคุณค่ะ
ส่งตัวเองเรียน โดยไม่พึ่งพ่อแม่ ไหวไหม ?
ลูกของแม่เลี้ยงก็อายุไล่เลี่ยกะเราห่างกันแค่ 10 เดือน หลังจากนั้นพ่อแม่ก็ตัดขาดกันไปเลย เรากับพี่ชายและน้องสาวฝาแฝดต้องมาอยู่กับพ่อ เปนธรรมดาเนอะ ที่แม่เลี้ยงจะรักลูกของเขามากกว่าอยู่แล้ว ทำไมเรารู้สึกได้เลยว่า ความลำเอียงภายในบ้านมีมากขึ้นทุกวัน โดยที่พ่อของเราแทบจะไม่สามารถปกป้องเราได้เลย ทุกครั้งที่ทะเลาะกัน เราจะต้องถูกหยิบเข้าไปในบทสนทนาด้วยทุกครั้ง ว่าทำไมต้องมีเรา 3 คนด้วย จนพี่ชายจบ ม.3 ก็ทนรับสภาพแบบนี้ไม่ไหว ขอหยุดเรียนและออกไปทำงานเอง 8 ปี ต่อมาเราเรียนอยู่ชั้น ม.6 น้องสาวฝาแฝด เกิดท้องขึ้นมา เราเหมือนถูกกักขังมากยิ่งขึ้น จนแทบจะไม่มีสิทธิ์ที่จะทำอะไรเลย จากความคิดที่จะหนีจากบ้านหลังนี้ไปเรียนที่อื่นในระดับมหาลัยก็จบลง เราต้องทนเรียนในคณะที่ไม่ชอบ เราต้องทนอยู่ในบ้านนรกนี้ต่อ หลังจากเปิดเทอมมหาลัยได้แค่เดือนกว่าๆ เราก็ทะเลาะกับแม่เลี้ยงครั้งใหญ่ ซึ่งเปนครั้งที่เราโคตรจะหมดความอดทนกับผู้หญิง เห็นแก่ตัว คนนี้ ผู้หญิงคนนี้ทำได้ทุกอย่างเพื่อตัวเองและลูก นางชอบเอาเราไปนินทาให้ชาวบ้านฟัง ว่าเราไม่ดีอย่างนี้อย่างนั้น พอน้องเราท้อง นาก็สาปแช่งให้เราท้องเหมือนน้อง ขอให้ชีวิตของเรา
เราเหนื่อยที่จะต้องมาทำตามความคิดของพ่อ เอะอะอะไรก็พูดแต่ว่า " ถ้าเธอไม่รักดี เธอจะไม่ได้อะไรจากพ่อสักชิ้นเดียว" เราไม่เคยอยากได้สมบัติพวกนั้นสักนิด เราขอแค่โอกาสให้เราได้เรียนตามที่เราชอบ ขอโอกาสแค่ส่งเราเรียน แต่เรากลับถูกบงการให้เดินอย่างนั้นอย่างนี้ เราไม่ไปเรียนต่อ และกำลังเตรียมตัวจะแอดใหม่ โดยที่ไม่ปรึกษาพ่อ และคิดว่าหากพ่อรู้ความจริงแล้วไม่สนับสนุนเรา เราจะไม่ขอวุ่นวายกับเขาอีก แล้วออกมาทำงานส่งตัวเองเรียน ตามที่หวังไว้ แต่โลกมันก็ไม่ได้สวยขนาดนั้น การที่จะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ไม่ใช่เรื่องง่าย มีใครเรียนภาคปกติ แล้วทำงานส่งตัวเองเรียนบ้างค่ะ ขอคำปรึกษาหน่อย ขอบคุณค่ะ