สวัสดีคะ เราขอเล่าปัญหาของเรากับบริษัทรถให้ฟังก่อนนะคะ
ในปี2555รัฐบาลมีโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกซึ่งเราก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยจองซื้อรถยนต์กับบริษัทญี่ปุ่นรายหนึ่งที่มีสโลแกนว่า"เพื่อนที่แสนดี" โดยก่อนที่จะจองก็ได้คุยกับเซลล์ว่า ต้องการรับรถภายในสิ้นปี2555นะคะ ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งต้นเดือนธันวาคมเราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเซลล์ และก็ติดต่อเซลล์ไม่ได้ เราเลยเดินทางไปขอพบผู้จัดการสาขา ซึ่งทางผู้จัดการก็รับปากว่าจะดูให้และจะแจ้งกลับ และหลังจากนั้นอีก2วันผู้จัดการก็แจ้งกลับมาว่ารุ่นท้อปที่จองไว้มันขาดตลาดต้องใช้เวลาอีก1-2เดือน ถ้าลูกค้าต้องการรับรถเร็วก็ขอให้เปลี่ยนรุ่นรถเป็นรถรุ่นรองลงมา ซึ่งเราก็ตกลงเปลี่ยนตามคำแนะนำของผู้จัดการคะ และรับรถมาเมื่อวันที่7มกราคม 2556 โดยที่ผู้จัดการก็ไม่ได้มีการแจ้งอะไรเพิ่มเติมกับเรานะคะ ต่อมาในเดือนมีนาคมก็ดำเนินการรับป้ายขาวปกติ
พอถึงเดือนมีนาคม2557ที่ครบรอบการถือครองรถยนต์ครบ1ปี เราก็ยังไม่ได้รับเงินคืน ต่อมาเดือนกรกฎาคม2557เราจึงไปตามเรื่องที่กรมสรรพสามิต แต่ทางสรรพสามิตกลับแจ้งว่าเราไม่ได้รับเงินคืนเนื่องจากใบจองกับใบรับรถคนละรุ่นกัน
เราเลยรีบโทรไปหาผู้จัดการคนเดิมและถามว่า "คุณทราบมั้ยว่าคุณให้ดิฉันเปลี่ยนรุ่นรถยนตร์ทำให้ไม่ได้เงินคืน"
ผู้จัดการรีบตอบมาทันทีว่า"หนูไม่ผิด"
เราเลยถามกลับไปอีกรอบว่า"คุณรู้มั้ยว่าการที่คุณให้เปลี่ยนรุ่นรถยนต์ทำให้ไม่ได้เงินคืน ไม่ได้มาถามว่าใครผิดหรือถูก"
คำตอบที่เราได้คือ"หนูไม่ผิด ถ้าอยากได้เงินคืนให้ไปทวงกับสรรพสามิต"
เราคิดว่าในเมื่อพูดกันไม่เข้าใจและถูกปฎิเสธความรับผิดชอบแบบนี้คงไม่โอเค เราเลยทำหนังสือส่งไปที่รองผู้จัดการอาวุโสการตลาดและการขาย เพื่อถามหาความรับผิดชอบกับบริษัทแม่คะ ก็นับว่ายังดีนะคะที่หลังจากยื่นเรื่องไป3ชั่วโมงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ก็โทรมาแจ้งว่า ได้รับทราบจดหมายร้องเรียนเรียบร้อยแล้ว และขอเวลาบริษัทตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง และนำเรื่องเข้าที่ประชุม โดยจะแจ้งให้ทราบผลภายหลัง
พอผ่านไป2อาทิตย์ เรื่องก็ยังเงียบอยู่ เราเลยโทรไปตามที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ขอสมมติชื่อว่าคุณAนะคะ
เราโทรไปขอสายคุณAคนรับเรื่องเราตั้งแต่ครั้งแรก พนักงานที่รับสายก็แจ้งเราว่าคุณAติดสายอยู่และจะโทรกลับ เราเลยรอคะ ผ่านไป2อาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา เราเลยโทรไปใหม่ซึ่งเราก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่า"คุณAติดสายอยู่ เดี๋ยวจะติดต่อกลับไป"
เราเห็นว่าโดนละเลย เลยโทรไปหาเลขารองผู้จัดการใหญ่ให้ช่วยตามเรื่องให้ ซึ่งได้ผลคะ ไม่ถึง10นาที คุณAจากลูกค้าสัมพันธ์รีบโทรกลับมาทันทีว่า " ต่อไปไม่ต้องโทรไปรบกวนเลขาและรองผู้จัดการใหญ่อีก เพราะเรื่องถูกส่งมาให้ลูกค้าสัมพันธ์แล้ว และทางผู้ใหญ่ก็รับทราบแล้ว ซึ่งทางบริษัทขอแจ้งให้ทราบว่าทางบริษัทแม่ไม่มีอำนาจไปบังคับdealerได้ เป็นเรื่องของลูกค้ากับdealerต้องไปตกลงกันเอง ซึ่งจะตามเรื่องกับdealerให้ติดต่อกลับไปให้คะ" เราฟังคำตอบเสร็จก็งงเลยคะ ไหนว่าจะตั้งกรรมการให้เรา ตอนนี้กลับบอกว่าทำอะไรไม่ได้
ทางผู้จัดการก็โทรมานัดเราไปคุยที่สาขาเค้าคะ คำแรกที่ผู้จัดการบอกคือ "เซลล์ลาออกไปแล้ว หนูซวยที่มารับเรื่องนี้" และเธอก็บอกอีกว่าสามีเป็นตำรวจและมีเพื่อนที่เรียนMBAด้วยกันที่มหาวิทยาลัยแถวสนามหลวงเป็นใหญ่ที่สรรสามิต เดี๋ยวจะให้เพื่อนช่วยดูให้ ขอเวลาเธอหน่อย ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าตลอดระยะเวลาการสนทนา เธอไม่เคยพูดถึงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเราเลย
หลังจากนั้นเรารอให้เธอติดต่อกลับมาคะ แต่เรื่องก็เงียบเหมือนเดิม ผ่านไป1เดือนเราเลยโทรไปตามกับทางผู้จัดการคนเดิม เธอก็ขอเวลาอีก2อาทิตย์คะ เราก็ใจดีตกลงอีก2อาทิตย์ พอเข้าอาทิตย์ที่3เรื่องเงียบเหมือนเดิม เราเลยโทรไปตามกับเธอคะ ซึ่งเธอก็บอกว่าขอเวลาถึงสิ้นเดือน(ตุลาคม)นะคะตามเรื่องให้อยู่และจะโทรมาแจ้งเอง พอต้นเดือนพฤศจิกายนโทรไปตามทางผู้จัดการก็ยังเงียบอีก
ความอดทนของคนเราต้องมีที่สิ้นสุดคะ
ตั้งแต่ทราบเรื่องนี้เดือนกรกฎาคมจนถึงวันนี้ 16พฤจิกายนมันเป็นเวลานานเกินกว่าที่บริษัทรถจะพิจารณาเรื่องเล็กๆแค่นี้ เพราะทั้งบริษัทรถและผู้จัดการก็ไม่เคยโทรหาเราเลย และการที่คนของคุณปฎิเสธว่าบริษัทแม่ไม่มีอำนาจไปบังคับdealerได้ เค้าพูดในนามบริษัทหรือไม่ ถ้าใช่เราขอบอกเลยว่าบริษัทข้ามชาตินี้ไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง คุณมาทำมาหากินในเมืองไทย เอากำไรกลับประเทศ แต่พอมีปัญหาคุณกลับไม่กล้ารับผิดชอบ นี่เหรอเพื่อนที่แสนดีที่สโลแกนของคุณว่าไว้ ถ้าเพื่อนทำกับเพื่อนอย่างนี้ จะให้คนไทยที่มีปัญหากับบริษัทรถในทำนองนี้ทนต่อไปอีกนานแค่ไหนคะ
เราอยากจะขอคำแนะนำดีๆจากเพื่อนๆชาวพันทิพย์ค่ะ ว่าพอมีทางไหนที่เราจะทำได้บ้างมั้ย
ปล.ความจริงเรื่องมันยาวกว่านี้เราตัดเอามาแต่ประเด็นสำคัญ และขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ฝากช่วยกันแชร์ด้วยนะคะ
บริษัทรถสัญชาติญี่ปุ่นพ่นพิษใส่ลูกค้าโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกแบบไร้สำนึกรับผิดชอบ
ในปี2555รัฐบาลมีโครงการคืนภาษีรถยนต์คันแรกซึ่งเราก็เป็นคนหนึ่งที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้ โดยจองซื้อรถยนต์กับบริษัทญี่ปุ่นรายหนึ่งที่มีสโลแกนว่า"เพื่อนที่แสนดี" โดยก่อนที่จะจองก็ได้คุยกับเซลล์ว่า ต้องการรับรถภายในสิ้นปี2555นะคะ ทุกอย่างก็ดำเนินไปด้วยความเรียบร้อย จนกระทั่งต้นเดือนธันวาคมเราก็ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเซลล์ และก็ติดต่อเซลล์ไม่ได้ เราเลยเดินทางไปขอพบผู้จัดการสาขา ซึ่งทางผู้จัดการก็รับปากว่าจะดูให้และจะแจ้งกลับ และหลังจากนั้นอีก2วันผู้จัดการก็แจ้งกลับมาว่ารุ่นท้อปที่จองไว้มันขาดตลาดต้องใช้เวลาอีก1-2เดือน ถ้าลูกค้าต้องการรับรถเร็วก็ขอให้เปลี่ยนรุ่นรถเป็นรถรุ่นรองลงมา ซึ่งเราก็ตกลงเปลี่ยนตามคำแนะนำของผู้จัดการคะ และรับรถมาเมื่อวันที่7มกราคม 2556 โดยที่ผู้จัดการก็ไม่ได้มีการแจ้งอะไรเพิ่มเติมกับเรานะคะ ต่อมาในเดือนมีนาคมก็ดำเนินการรับป้ายขาวปกติ
พอถึงเดือนมีนาคม2557ที่ครบรอบการถือครองรถยนต์ครบ1ปี เราก็ยังไม่ได้รับเงินคืน ต่อมาเดือนกรกฎาคม2557เราจึงไปตามเรื่องที่กรมสรรพสามิต แต่ทางสรรพสามิตกลับแจ้งว่าเราไม่ได้รับเงินคืนเนื่องจากใบจองกับใบรับรถคนละรุ่นกัน
เราเลยรีบโทรไปหาผู้จัดการคนเดิมและถามว่า "คุณทราบมั้ยว่าคุณให้ดิฉันเปลี่ยนรุ่นรถยนตร์ทำให้ไม่ได้เงินคืน"
ผู้จัดการรีบตอบมาทันทีว่า"หนูไม่ผิด"
เราเลยถามกลับไปอีกรอบว่า"คุณรู้มั้ยว่าการที่คุณให้เปลี่ยนรุ่นรถยนต์ทำให้ไม่ได้เงินคืน ไม่ได้มาถามว่าใครผิดหรือถูก"
คำตอบที่เราได้คือ"หนูไม่ผิด ถ้าอยากได้เงินคืนให้ไปทวงกับสรรพสามิต"
เราคิดว่าในเมื่อพูดกันไม่เข้าใจและถูกปฎิเสธความรับผิดชอบแบบนี้คงไม่โอเค เราเลยทำหนังสือส่งไปที่รองผู้จัดการอาวุโสการตลาดและการขาย เพื่อถามหาความรับผิดชอบกับบริษัทแม่คะ ก็นับว่ายังดีนะคะที่หลังจากยื่นเรื่องไป3ชั่วโมงฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ก็โทรมาแจ้งว่า ได้รับทราบจดหมายร้องเรียนเรียบร้อยแล้ว และขอเวลาบริษัทตั้งกรรมการสอบหาข้อเท็จจริง และนำเรื่องเข้าที่ประชุม โดยจะแจ้งให้ทราบผลภายหลัง
พอผ่านไป2อาทิตย์ เรื่องก็ยังเงียบอยู่ เราเลยโทรไปตามที่ฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ ขอสมมติชื่อว่าคุณAนะคะ
เราโทรไปขอสายคุณAคนรับเรื่องเราตั้งแต่ครั้งแรก พนักงานที่รับสายก็แจ้งเราว่าคุณAติดสายอยู่และจะโทรกลับ เราเลยรอคะ ผ่านไป2อาทิตย์ก็ยังไม่ได้รับการติดต่อกลับมา เราเลยโทรไปใหม่ซึ่งเราก็ได้รับคำตอบเหมือนเดิมว่า"คุณAติดสายอยู่ เดี๋ยวจะติดต่อกลับไป"
เราเห็นว่าโดนละเลย เลยโทรไปหาเลขารองผู้จัดการใหญ่ให้ช่วยตามเรื่องให้ ซึ่งได้ผลคะ ไม่ถึง10นาที คุณAจากลูกค้าสัมพันธ์รีบโทรกลับมาทันทีว่า " ต่อไปไม่ต้องโทรไปรบกวนเลขาและรองผู้จัดการใหญ่อีก เพราะเรื่องถูกส่งมาให้ลูกค้าสัมพันธ์แล้ว และทางผู้ใหญ่ก็รับทราบแล้ว ซึ่งทางบริษัทขอแจ้งให้ทราบว่าทางบริษัทแม่ไม่มีอำนาจไปบังคับdealerได้ เป็นเรื่องของลูกค้ากับdealerต้องไปตกลงกันเอง ซึ่งจะตามเรื่องกับdealerให้ติดต่อกลับไปให้คะ" เราฟังคำตอบเสร็จก็งงเลยคะ ไหนว่าจะตั้งกรรมการให้เรา ตอนนี้กลับบอกว่าทำอะไรไม่ได้
ทางผู้จัดการก็โทรมานัดเราไปคุยที่สาขาเค้าคะ คำแรกที่ผู้จัดการบอกคือ "เซลล์ลาออกไปแล้ว หนูซวยที่มารับเรื่องนี้" และเธอก็บอกอีกว่าสามีเป็นตำรวจและมีเพื่อนที่เรียนMBAด้วยกันที่มหาวิทยาลัยแถวสนามหลวงเป็นใหญ่ที่สรรสามิต เดี๋ยวจะให้เพื่อนช่วยดูให้ ขอเวลาเธอหน่อย ซึ่งต้องบอกก่อนนะคะว่าตลอดระยะเวลาการสนทนา เธอไม่เคยพูดถึงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเราเลย
หลังจากนั้นเรารอให้เธอติดต่อกลับมาคะ แต่เรื่องก็เงียบเหมือนเดิม ผ่านไป1เดือนเราเลยโทรไปตามกับทางผู้จัดการคนเดิม เธอก็ขอเวลาอีก2อาทิตย์คะ เราก็ใจดีตกลงอีก2อาทิตย์ พอเข้าอาทิตย์ที่3เรื่องเงียบเหมือนเดิม เราเลยโทรไปตามกับเธอคะ ซึ่งเธอก็บอกว่าขอเวลาถึงสิ้นเดือน(ตุลาคม)นะคะตามเรื่องให้อยู่และจะโทรมาแจ้งเอง พอต้นเดือนพฤศจิกายนโทรไปตามทางผู้จัดการก็ยังเงียบอีก
ความอดทนของคนเราต้องมีที่สิ้นสุดคะ
ตั้งแต่ทราบเรื่องนี้เดือนกรกฎาคมจนถึงวันนี้ 16พฤจิกายนมันเป็นเวลานานเกินกว่าที่บริษัทรถจะพิจารณาเรื่องเล็กๆแค่นี้ เพราะทั้งบริษัทรถและผู้จัดการก็ไม่เคยโทรหาเราเลย และการที่คนของคุณปฎิเสธว่าบริษัทแม่ไม่มีอำนาจไปบังคับdealerได้ เค้าพูดในนามบริษัทหรือไม่ ถ้าใช่เราขอบอกเลยว่าบริษัทข้ามชาตินี้ไร้ความรับผิดชอบอย่างสิ้นเชิง คุณมาทำมาหากินในเมืองไทย เอากำไรกลับประเทศ แต่พอมีปัญหาคุณกลับไม่กล้ารับผิดชอบ นี่เหรอเพื่อนที่แสนดีที่สโลแกนของคุณว่าไว้ ถ้าเพื่อนทำกับเพื่อนอย่างนี้ จะให้คนไทยที่มีปัญหากับบริษัทรถในทำนองนี้ทนต่อไปอีกนานแค่ไหนคะ
เราอยากจะขอคำแนะนำดีๆจากเพื่อนๆชาวพันทิพย์ค่ะ ว่าพอมีทางไหนที่เราจะทำได้บ้างมั้ย
ปล.ความจริงเรื่องมันยาวกว่านี้เราตัดเอามาแต่ประเด็นสำคัญ และขอบคุณทุกคนมากนะคะที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ ฝากช่วยกันแชร์ด้วยนะคะ