สวัสดีครับทุกคน
เรื่องที่ผมจะเล่ามันอาจวุ่นวายเล็กน้อยนะครับ
เข้าเรื่อง พ่อแม่ทุกคนล้วนหวังดีกับลูกใช่มั้ยครับิยากเห็นลูกได้ดี นั่นแหละครับเป็นจุดเริ่มต้น แม่ผมเป็นคนน่ารักครับใครบอกอะไรดีเชื่อเค้าหมด ที่สำคัญอะไรที่เกี่ยวกับงานราชกาลแกจะชอบมากเพราะเเกเปิดร้านทำผมต่างจังหวัด ลูกค้าเกือบ100% เป็นคุณครูครับ ช่วงผมอยู่ม.3แม่กับพ่อชอบมากรอกหูตลอดว่าเป็นทหารมั้ยเป็นตำรวจมั้ย พ่อรู้จักผู้พันเค้าพร้อมเลี้ยงเรา แม่ก็เฮโลตามไปเพราะแม่ชอบดูดวงไปหาพ่อปู่ตามสำนัก พ่อปู่ก็จะบอกลูกชายนี่ถ้าได้ทำงานราชกาลนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตนะมีน่ามีตาเลยนะ เเล้วก็มาเล่าๆๆๆว่าดวงผมเหมาะเป็นทหารตำรวจมากๆๆ ผมก็คือแบบ...ดีที่ช่วงนั้นมีนิสัยเป็นเด็กกิจกรรมเป็นผู้นำสารพัด และรู้ตัวว่าอยากเรียนนิเทศตั้งแต่ม.2 เพราะอยากมีรายการเป็นของตัวเอง
ที่นี้จุดพีคตอนม.3อยู่ตรงที่พ่อพาผู้พันคนนั้นมาบ้านมาอธิบายโน่นนี่นั้น ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบอาชีพราชการนะแต่มันไม่ใช่ผมครับ ผมเลยตอบผู้พันคนนั้นไปว่า อาชีพทหารไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย พ่อผมก็หน้าชาสิครับ ไม่คุยกับผมเป็นเดือนแม่ก็ด่า แต่ก็ปล่อยผมเรียนม.ปลายต่อไป
แน่นอนว่าช่วงชีวิตผู้ชายม.ปลายที่ไม่อยากจับใบดำ-แดง ต้องเรียนรด. ซึ่งผมเองก็ไปสมัครครับเเต่ไม่ฟิตพอวิ่งไม่ผ่านวิดพื้นไม่ผ่าน เสียเวลาฝึกไป1ปี ได้เรียน รด.จริงๆตอนม.5 ซึ่งผมต้องไปเรียนกับน้องๆม.4จนจบม.6 ผมไปต่อ รด.ปี3 ตอนเรียนมหาลัยปี1อีก ซึ่งตลอด1ปีทั้งมหาลัยมีคนเรียน รด.ปี3 อยู่คนเดียวคือผมครับ ทุกๆวันที่ไปเรียนรด.ผมจะเจอเพื่อนใหม่ที่เป็นน้องๆม.ปลาย ใหม่ๆเสอมผมเรียนที่ศูนย์ใหญ่วิภาวดีนะครับ
แน่นอนว่าการเรียนคนเดียวผมต้องทำเรื่องส่งเอกสารไรทุกอย่างเองคนเดียว ดูเเลตัวเองคนเดียวรวมไปถึงกินข้าวคนเดียว ซึ่งผมเฉยๆ รวมไปถึงการไปเขาชนไก่ผมก็ ต้องไปคนเดียว เวลาเข้าเเถวนี่จะเป็นอะไรที่เขิลมากหลังๆชิน เพราะทุกโรงเรียนเเถวมันจะยาว แต่พอมาถึงผมมันจะสั้นเพราะมีคนเดียว ซึ่งเวลาเรียกชื่อนี่จะเขินๆหน่อยเพราะทุกคนจะมองมาทางผมหมด ว่ากล้ามากมาเรียนคนเดียว ที่สำคัญ นามสกุลผมก็ไม่ธรรมดาซะด้วย ( ชนะสงคราม ) โดนเรียกซื่อเมื่อไหร่หือฮากันทั้งกอง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกมาก ตลอด3ปีที่ผ่านมา การเรียน รด. คนเดียวมันราบรื่นไร้อุปสรรค์มาก มีคนแปลกๆที่ผมไม่รู้จักในกรมทหาร อยู่ดีๆเดินมาหาผมชี้ทางส่งเอกสาร รด.ต่างๆ แบบงง ๆ บางครั้งก็กวักมือเรียกเวลาผมหลงทาง สถานที่เรียน แถมรู้จักชื่อนามสกุลผมด้วย ทั้งที่ผมไม่รู้จักมาก่อนเลย
หรือว่า ดวงผมจะเหมาะกับอาชีพทหารจริงๆ
ซึ่งผมไม่เชื่อครับ
วันเวลาผ่านไป ผมก็เรียนคณะนิเทศจนจบ ช่วงเวลาเดินหางานนี่เหนื่อยมาก อย่างกะในหนังเลยเดินตากแดดถือซองน้ำตาลเข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่นขึ้นรถเมล์ปาดเหงื่อ แต่ผมสู้นะสมัครไปเกือบ30ที่ โดนเรียกไปสัมภาษณ์บ้างเเต่เค้าไม่เอา จนในที่สุดก็ได้งาน กับช่องๆนึงเเถวบ้านด้วยเงินเดือนโอเคเลย ป.ตรี
ทำๆไปสักพักแม่ชอบบ่นว่า
จะเลี้ยงแม่ไหวมั้ย จะไปสู้ราชการได้ใง
เบิกไรก็ไม่ได้ ผมได้เเต่ไม่ต้องห่วงหรอกผมไม่ทิ้งแม่แน่ๆผมจะไม่ให้แพ้ ราชการเลย
วันอื่นๆเเม่ก็ชอบเอาลูกคนนี้คนโน่นมาเล่าให้ฟัง ทำงานเป็นตำรวจ เป็นหมอ พ่อแม่เค้าเบิกรักษาได้สบาย
ผมนี่ยืนขึ้นเลย คือแม่ผมเค้าค่อนข้างไม่เข้าใจอาชีพสื่อสารมวลชน อธิบายกี่รอบก็บอกว่า เต้นกินรำกิน เมื่อไหร่จะรวย
ส่วนตัวผมไม่ได้ไม่ชอบอาชีพราชการ ทหารตำรวจนะ แต่บางทีก็แบบทำไมไม่ให้กำลังใจลูกว่ะ
คือ แบบเสียใจ
เข้าใจว่า เป็นห่วงอยากเห็นลูก นอนกิน บำนาญ สบายๆ เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ดีๆ
แต่บางทีก็ให้กำลังใจหน่อย นี่ผมทำงานได้ไม่ถึงปีเลยนะ คาดหวังกันขนาดนี้เลยเหรอ ขอเวลานิดนึง จะทำให้ดีไม่แพ้ ทหาร หมอ ตำรวจ ให้ดู
รักแม่นะ
ปล.ผมอยู่กับพ่อ แม่อยู่กับน้อง แยกกันอยู่มาสิบ กว่าปีแล้วนะครับ นานๆๆๆๆเจอกันที ได้คุยแต่ทางมือถือ
เหนื่อยเถียงกับแม่เรื่องอาชีพทหาร ราชกาล พูดเลย
เรื่องที่ผมจะเล่ามันอาจวุ่นวายเล็กน้อยนะครับ
เข้าเรื่อง พ่อแม่ทุกคนล้วนหวังดีกับลูกใช่มั้ยครับิยากเห็นลูกได้ดี นั่นแหละครับเป็นจุดเริ่มต้น แม่ผมเป็นคนน่ารักครับใครบอกอะไรดีเชื่อเค้าหมด ที่สำคัญอะไรที่เกี่ยวกับงานราชกาลแกจะชอบมากเพราะเเกเปิดร้านทำผมต่างจังหวัด ลูกค้าเกือบ100% เป็นคุณครูครับ ช่วงผมอยู่ม.3แม่กับพ่อชอบมากรอกหูตลอดว่าเป็นทหารมั้ยเป็นตำรวจมั้ย พ่อรู้จักผู้พันเค้าพร้อมเลี้ยงเรา แม่ก็เฮโลตามไปเพราะแม่ชอบดูดวงไปหาพ่อปู่ตามสำนัก พ่อปู่ก็จะบอกลูกชายนี่ถ้าได้ทำงานราชกาลนี้จะเป็นคนใหญ่คนโตนะมีน่ามีตาเลยนะ เเล้วก็มาเล่าๆๆๆว่าดวงผมเหมาะเป็นทหารตำรวจมากๆๆ ผมก็คือแบบ...ดีที่ช่วงนั้นมีนิสัยเป็นเด็กกิจกรรมเป็นผู้นำสารพัด และรู้ตัวว่าอยากเรียนนิเทศตั้งแต่ม.2 เพราะอยากมีรายการเป็นของตัวเอง
ที่นี้จุดพีคตอนม.3อยู่ตรงที่พ่อพาผู้พันคนนั้นมาบ้านมาอธิบายโน่นนี่นั้น ผมเองก็ไม่ได้ไม่ชอบอาชีพราชการนะแต่มันไม่ใช่ผมครับ ผมเลยตอบผู้พันคนนั้นไปว่า อาชีพทหารไม่ได้อยู่ในหัวผมเลย พ่อผมก็หน้าชาสิครับ ไม่คุยกับผมเป็นเดือนแม่ก็ด่า แต่ก็ปล่อยผมเรียนม.ปลายต่อไป
แน่นอนว่าช่วงชีวิตผู้ชายม.ปลายที่ไม่อยากจับใบดำ-แดง ต้องเรียนรด. ซึ่งผมเองก็ไปสมัครครับเเต่ไม่ฟิตพอวิ่งไม่ผ่านวิดพื้นไม่ผ่าน เสียเวลาฝึกไป1ปี ได้เรียน รด.จริงๆตอนม.5 ซึ่งผมต้องไปเรียนกับน้องๆม.4จนจบม.6 ผมไปต่อ รด.ปี3 ตอนเรียนมหาลัยปี1อีก ซึ่งตลอด1ปีทั้งมหาลัยมีคนเรียน รด.ปี3 อยู่คนเดียวคือผมครับ ทุกๆวันที่ไปเรียนรด.ผมจะเจอเพื่อนใหม่ที่เป็นน้องๆม.ปลาย ใหม่ๆเสอมผมเรียนที่ศูนย์ใหญ่วิภาวดีนะครับ
แน่นอนว่าการเรียนคนเดียวผมต้องทำเรื่องส่งเอกสารไรทุกอย่างเองคนเดียว ดูเเลตัวเองคนเดียวรวมไปถึงกินข้าวคนเดียว ซึ่งผมเฉยๆ รวมไปถึงการไปเขาชนไก่ผมก็ ต้องไปคนเดียว เวลาเข้าเเถวนี่จะเป็นอะไรที่เขิลมากหลังๆชิน เพราะทุกโรงเรียนเเถวมันจะยาว แต่พอมาถึงผมมันจะสั้นเพราะมีคนเดียว ซึ่งเวลาเรียกชื่อนี่จะเขินๆหน่อยเพราะทุกคนจะมองมาทางผมหมด ว่ากล้ามากมาเรียนคนเดียว ที่สำคัญ นามสกุลผมก็ไม่ธรรมดาซะด้วย ( ชนะสงคราม ) โดนเรียกซื่อเมื่อไหร่หือฮากันทั้งกอง
ซึ่งเป็นเรื่องน่าแปลกมาก ตลอด3ปีที่ผ่านมา การเรียน รด. คนเดียวมันราบรื่นไร้อุปสรรค์มาก มีคนแปลกๆที่ผมไม่รู้จักในกรมทหาร อยู่ดีๆเดินมาหาผมชี้ทางส่งเอกสาร รด.ต่างๆ แบบงง ๆ บางครั้งก็กวักมือเรียกเวลาผมหลงทาง สถานที่เรียน แถมรู้จักชื่อนามสกุลผมด้วย ทั้งที่ผมไม่รู้จักมาก่อนเลย
หรือว่า ดวงผมจะเหมาะกับอาชีพทหารจริงๆ
ซึ่งผมไม่เชื่อครับ
วันเวลาผ่านไป ผมก็เรียนคณะนิเทศจนจบ ช่วงเวลาเดินหางานนี่เหนื่อยมาก อย่างกะในหนังเลยเดินตากแดดถือซองน้ำตาลเข้าออกบริษัทเป็นว่าเล่นขึ้นรถเมล์ปาดเหงื่อ แต่ผมสู้นะสมัครไปเกือบ30ที่ โดนเรียกไปสัมภาษณ์บ้างเเต่เค้าไม่เอา จนในที่สุดก็ได้งาน กับช่องๆนึงเเถวบ้านด้วยเงินเดือนโอเคเลย ป.ตรี
ทำๆไปสักพักแม่ชอบบ่นว่า
จะเลี้ยงแม่ไหวมั้ย จะไปสู้ราชการได้ใง
เบิกไรก็ไม่ได้ ผมได้เเต่ไม่ต้องห่วงหรอกผมไม่ทิ้งแม่แน่ๆผมจะไม่ให้แพ้ ราชการเลย
วันอื่นๆเเม่ก็ชอบเอาลูกคนนี้คนโน่นมาเล่าให้ฟัง ทำงานเป็นตำรวจ เป็นหมอ พ่อแม่เค้าเบิกรักษาได้สบาย
ผมนี่ยืนขึ้นเลย คือแม่ผมเค้าค่อนข้างไม่เข้าใจอาชีพสื่อสารมวลชน อธิบายกี่รอบก็บอกว่า เต้นกินรำกิน เมื่อไหร่จะรวย
ส่วนตัวผมไม่ได้ไม่ชอบอาชีพราชการ ทหารตำรวจนะ แต่บางทีก็แบบทำไมไม่ให้กำลังใจลูกว่ะ
คือ แบบเสียใจ
เข้าใจว่า เป็นห่วงอยากเห็นลูก นอนกิน บำนาญ สบายๆ เบิกค่ารักษาพยาบาลได้ดีๆ
แต่บางทีก็ให้กำลังใจหน่อย นี่ผมทำงานได้ไม่ถึงปีเลยนะ คาดหวังกันขนาดนี้เลยเหรอ ขอเวลานิดนึง จะทำให้ดีไม่แพ้ ทหาร หมอ ตำรวจ ให้ดู
รักแม่นะ
ปล.ผมอยู่กับพ่อ แม่อยู่กับน้อง แยกกันอยู่มาสิบ กว่าปีแล้วนะครับ นานๆๆๆๆเจอกันที ได้คุยแต่ทางมือถือ