เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องราวของเพื่อนของเจ้าของกระทู้ชื่อจันทร์จ๋ากับจักรยานแม่บ้านที่เธอตั้งชื่อว่าอังศุมาลิน
เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆที่ได้อ่านได้ออกมาขี่จักรยานกันนะคะ
‘ตีสามยี่สิบ รถจะออกจาก บขส.เก่า ไม่ได้นอนแน่ๆเลย โทรไปถามเมื่อกี๊ก็เที่ยงคืนแล้ว
กว่าจะรู้รอบรถทัวร์ที่เก๊ะกว้างพอจะใส่จักรยานทั้งคันได้ เอาเป็นว่าหลับบนรถก็แล้วกัน’
แค่วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกาฯนี้ ตอนเก้าโมงเช้า
ฉันเริ่มต้นเข้ารับการอบรมการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติที่สถาบันภาษาและวัฒนธรรมศุมา
ตรงข้ามกับสถาบันเกอเธ่ ในซอยสาทร 1 ฉันต้องตื่นเต้นถึงกับนอนไม่หลับขนาดนี้เชียวหรือ?...
คำตอบคือ หลังจากอบรมเสร็จ 4 โมงเย็นนี้ต่างหากที่ฉันต้องปั่นจักรยานคู่ใจต่อไปจุด start ที่แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสัน
เพื่อร่วมงาน สสส. Presents #adaybikefest2014 : Bangkok 100 Km. Ride Overnight ;
การปั่นจักรยานข้ามคืนพิชิต 100 กิโลเมตร ทั่วกรุงเทพฯ นั่นต่างหาก ทำให้ฉันตื่นเต้นกว่าว่า ฉันจะมีเวลางีบหลับได้ตอนไหน?
เพราะตั้งแต่สามทุ่มของวันที่ 1 จนถึงเช้าของวันที่ 2 ฉันจะต้องปั่นจักรยานข้ามคืนโดยไม่นอน! แม้แต่งีบเดียวก็ไม่ได้
เพราะเคยมีประสบการณ์ว่ายิ่งงีบเอาแรงยิ่งไปต่อไม่ไหว...
แล้วฉันจะทำยังไงดี... อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนละกัน นอนบนรถทัวร์ก่อน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
ฉันปั่นไปถึง บขส.เก่า ในตัวเมืองโคราชด้วยหน้าที่ไร้เมคอัพ แต่แต่งเต็มด้วยชุดที่คิดไว้คือ
เดรสผ้าลูกไม้สีครีมอมเหลืองพาสเทลจางๆ เครื่องประดับไม่ใส่ เพราะกะนอนเต็มที่ ไปถึงตอนตีสามสิบเอ็ด
ไม่นาน รถทัวร์ก็มาพอดี เอาจักรยานใส่เรียบร้อยตะแคงหนึ่งข้าง พับตะกร้า pannier ข้างขวาขึ้นมาเพื่อให้ตะแคงได้
แอบห่วงตะกร้าหวายข้างหน้าเล็กน้อยว่าจะเบี้ยวบิดผิดรูปเพราะการตะแคงนอนจักรยานลงกับพื้นเก๊ะรถหรือไม่
แต่ก็คิดว่าตัวเองก็ปรับขึงตะกร้าหน้าใหม่ และดามจนตึงเป๊ะดีแล้ว แล้วก็ขึ้นไปบนรถข่มตาหลับเสีย น่าแปลกที่ฉันหลับได้โดยง่าย
ตื่นมาอีกทีก็นับว่าหลับไม่เสียเที่ยว เพราะมาถึงฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต พอดี เบลอๆ และมองตึกไปพลาง
ผ่านดอนเมืองแล้ว ‘เดี๋ยวก็ใกล้ถึงหมอชิต 2 แล้วสินะ แต่งหน้าก่อนดีกว่า ได้รองพื้นก็ยังดี’ แล้วฉันก็ลงรองพื้นเสร็จพอดี
แต่ยังไม่ทันได้ลงแป้งเลย รถทัวร์ก็เทียบชานชาลาจอดเสียแล้ว ฉันรีบเก็บของ และไปช่วยดูช่วยพนักงานรถชายเอาจักรยานลงมา
cable tire เส้นเล็กที่ยึดตะแกรงตะกร้าหวายด้านหลังขาดออกสองเส้น แต่ยังเหลืออยู่สองเส้น
‘เอาน่ะ ยังไม่ขาดหมดซะหน่อย แถมตะขอก็ยังยึดอยู่อีกมุมนึง ไปต่อได้’
ตรวจดูสภาพตะกร้าหวายทั้งหน้าและหลังไม่มีบิดเบี้ยว Product ของ Sudsiam Bike Basket นี่เท่และทนจริงๆ
มั่นใจแล้วก็ปั่นไปหาข้าวกินใกล้ๆ ในเขตหมอชิต 2 นั่นเอง เพราะกระเพาะอาหารเรียกร้องข้าวเช้าแล้ว
ฉันจึงเลือกกระเพราไข่ดาว อุตส่าห์ดูแล้วว่า อย่างเดียว 35 สองอย่าง 40 แล้วนะ แต่ปรากฏว่า ต้องจ่าย 45 บาท
เพราะกระเพรา 35 บวกไข่ดาว 10 บาท เรื่องไม่คาดคิดมีเยอะแยะเสมอ เมื่อมากรุงเทพฯ แต่แทนที่ฉันจะนึกบ่นลุงคนขาย
ฉันก็ตระหนักสิ่งที่ดีกว่าได้แทนคือ ขอบคุณข้าวมื้อนี้ที่ต่อชีวิตของฉันไปอีกวัน
แล้วฉันก็เติมน้ำที่ร้านใส่แก้วพกพาของฉันแล้วปั่นไปต่อ กลิ่นอุทัยทิพย์ในน้ำนั้นสดชื่นดีจริงๆ
‘ปั่นไปแอบแต่งหน้าต่อให้เสร็จในสวนรถไฟดีกว่า อยู่ใกล้ๆหมอชิตนี่เอง’ คิดได้ดังนั้นก็ปั่นออกไป
โอ้ว! พระเจ้า ถนนที่พังพินาศเป็นหลุมบ่อด้วยน้ำหนักรถขนาดใหญ่ที่วิ่งผ่านมากมาย แค่นี้ก็ว่าแย่แล้ว กลับเจิ่งนองไปด้วยน้ำขัง
ฉันจึงต้องปั่นหลบไปอีกทาง เจอกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ตรงทางออก แล้วจึงถามว่า สวนรถไฟไปทางไหน เพราะเริ่มหลงทิศ
พี่ๆเขาก็บอก ฉันถามต่อว่า "เมื่อคืนกรุงเทพฯฝนตกหรอคะ" เขาบอกว่า "ตกทุกวันแหละ" ฉันก็ได้แต่ถอนใจ ชุ
ดสวยของฉันโชคดี ที่ไม่เปื้อนโคลน ขอบคุณบังโคลนของน้องอังฯที่ช่วยชีวิตพี่ไว้
เพลง Sunshine Day ของบัว ชมพู ฟอร์ด จู่ๆ ก็ดังเข้ามาในหัว เหมือนจะปลอบประโลมฉันว่า
"เอาน่ะ ไหนๆ ตอนนี้ก็ฟ้าสดใสแล้ว หลบๆระวังน้ำขัง ค่อยๆปั่นไปนะ"
ฉันเข้าไปแถวซอยที่สามารถตัดผ่านเข้าไปที่สวนรถไฟได้ เขาบอกว่า "มีทางข้างๆแฟลตที่ไปถึงได้ครับ"
รู้สึกว่า เจ็ดโมงเช้าเองแต่จะ sunshine เกินไปหรือเปล่าเนี่ย? แดดร้อนจริงๆ และคอเสื้อเดรสลูกไม้
เริ่มทำให้ฉันอึดอัดบริเวณต้นคอ บางทีก็รู้สึกว่า มันตันไปหรือเปล่า แต่ชายกระโปรงนี่มีน้ำหนักดีจัง ไม่ยี่หระต่อลมแรงเลย
ยังไม่ทันถึง สวนรถไฟดีเลย ฉันก็เจอโรงอาหารหน้าแฟลต แต่เหมือนเพิ่งทำเสร็จหรืออะไรไม่ทราบ
ฝุ่นเกาะเยอะมาก แต่ฉันก็ไม่สนใจล่ะ แต่งหน้าต่อให้เสร็จดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปหาที่ทางในสวน ไปสาทรต่อได้เลย
ขณะแต่งหน้าไป น้องหมาก็มาเมียงมองสองตัว ฉันได้แต่แผ่เมตตาหนึ่งบทและคิดว่า 'อย่าเห่าไล่พี่นะ พี่ขออาศัยที่นี่แป๊บเดียว เดี๋ยวไปละ'
น้องหมาก็ดูเหมือนจะเข้าใจ เมียงมองอยู่สักพักและก็จากไปเงียบๆ
เอ๊ะ! หรือน้องหมารู้วาระจิตของฉันหลังจากแผ่เมตตาไปให้ ฉันยิ้มแล้วแต่งต่อจนเสร็จ ใส่มุกที่หู แขน และคอเข้า set ดูนาฬิกาล็อกเก็ต
‘ตายละ จะแปดโมงแล้ว จะปั่นไปทันได้ยังไง?’ ฉันเลือกใช้แผนสุดท้ายที่คิดไว้นั่นคือ
อาศัย BTS ให้พาฉันกับน้องอังศุมาลิน; จักรยานของฉัน ไปส่งที่ ศาลาแดง
แล้วปั่นไปต่ออีกหน่อยที่สาธร 1 เห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินสีลม ทำไมถึงบอกว่านี่คือวิธีสุดท้ายที่ฉันเลือก
เพราะฉันคิดว่า ฉันเคยเห็นคนเอาจักรยานขึ้นรถไฟฟ้าแล้วเกิดดราม่าประจำ ว่ามีจักรยานควรจะปั่นไปสิ
ทำไมจะต้องมาเอาขึ้นรถไฟฟ้าให้เกะกะด้วย ความจริง BTS เอื้อเฟื้อจักรยานทุกประเภท
แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ และฉันขอใช้สิทธิ์นั้น เพื่อจะไปให้ทันเรียน
ฉันจูงจักรยานจะขึ้นลิฟท์คนพิการที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต จูงขึ้นไปแล้วด้วย แต่ก็เห็นป้ายว่าสงวนไว้เฉพาะคนพิการและผู้สูงอายุ
‘น่าจะมีป้ายเพื่อชาวจักรยานบ้างเนาะ’ ฉันละอายแก่ใจและจูงจักรยานลงมา คนมองฉันด้วยความรู้สึกอะไรบ้าง
ฉันก็ไม่อยากคิดต่อ ฉันคิดว่า เอาวะ...15 กิโลกรัมเฉพาะจักรยาน กับข้าวของนิดหน่อย คงไม่หนักเกินไป ที่จะฝืนแรงโน้มถ่วงหรอก
ฉันมองไม่เห็นบันไดเลื่อน ฉันจึงต้องยกขึ้นเท่านั้น พี่วินมอเตอร์ไซค์ใจดีมากเกินไป ที่จะขอให้ฉันช่วยทิปค่ายกจักรยานให้ยี่สิบบาท
ฉันจึงบ่ายหน้าหนีและยกเองอย่างทระนง แต่ในใจก็คิดว่า ถ้ามีใครสักคนที่มีน้ำใจมาช่วยยกก็คงดี
ฉันยกจักรยานอันหนักอึ้งขึ้นไปอย่างทุลักทุเลจนถึงขั้นพัก ขอบคุณขั้นพักอันนี้จริงๆ ที่ช่วยให้ฉันหยุดหายใจสักนิดก่อนจะยกต่อ
และสุดท้ายก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยฉันยกท้ายจักรยานขึ้นไปจนถึงสถานี ฉันดีใจและขอบคุณเขา
และรีบไปจอดค้นกระเป๋าสตางค์หยิบแบงค์ร้อยมาซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์เลยโดยไม่ไปกดที่ตู้เอง พนักงานยื่นบัตรราคา 42 บาท
พร้อมหยิบเงินทอนให้ ฉันจูงจักรยานเข้าไป พนักงานรถไฟฟ้าอีกคนบอกให้ฉันเสียบบัตร ฉันก็เสียบและรอรับบัตร
เสร็จแล้วก็จูงเข้าไปในช่องพิเศษที่พนักงานเปิดให้ทุกพาหนะล้อเลื่อนเข้าไปได้ ฉันจูงไปที่บันไดเลื่อนอีกครั้งเพื่อจะขึ้นไปที่ชานชาลา
เลือกขวาสุด ท้ายสุดของขบวนเพราะไม่อยากเกะกะผู้โดยสารท่านอื่น โชคดีที่เป็นสถานีแรก จึงยังมีที่มากมาย
ฉันต้องทนประดักประเดิดกับความรู้สึกกระดากละอายอะไรบางอย่างจากสายตาคนกรุงร่วมโลกบางคนที่มองมาด้วยสายตาที่เย็นชา
ฉันได้แต่บอกใครก็ตามที่ทยอยเข้ามาในสถานีถัดมาๆ ด้วยประโยคที่ว่า “ขอโทษนะคะ เดี๋ยวลงแล้วค่ะ”
ฉันถามคนในนั้นและประมวลเอาเองด้วยว่า ถ้าลงสถานีชิดลม ฉันจะปั่นไปต่อง่ายกว่า สถานีสยาม
เพราะว่า คนเยอะและพลุกพล่าน ที่สำคัญ ฉันไม่อยากจะเปลี่ยนขบวนไปสายสีลมที่สถานีสยาม แค่นี้ฉันก็รู้สึกแย่มากแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจลงชิดลมและปั่นต่อไปเองจะดีกว่า เมืองที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคนเดินและจักรยานเป็นหลัก
แต่สร้างขึ้นมาเพื่อหลีกหนีการจราจรที่รถยนต์เป็นใหญ่ ก็เป็นเช่นนี้แล
ฉันจูงจักรยานออกจากสถานีชิดลมและลงบันไดที่หน้าแมคโดนัลด์ ที่ชั้นพัก ฉันคิดว่าน่าจะมีใครช่วยฉันหน่อย
มองไป เห็นผู้ชายกำยำคนหนึ่ง ‘อ้าว คนนี้อยู่โบกี้เดียวกับเราเมื่อกี๊นี่’ แต่สุดท้ายเขาก็เดินผ่านไป
ฉันก็ได้แต่ถอนใจและบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร อีกนิดเดียว ยกได้ แม้จะหนักแค่ไหนก็ตาม แต่ลงไปก็จะสบายแล้ว
ฉันปั่นไปทางสถานีราชดำริ และเลี้ยวซ้ายไปทางหน้าผับแถวหลังสวน ถามไปเรื่อยๆว่า สาธร 1 อยู่ที่ไหน
ฉันปั่นผ่าน Alliance ฝรั่งเศสนี่อยู่ใกล้ๆเยอรมัน (Goethe) เลยเนาะ แต่ก็ไม่ใกล้กันสักทีเดียว
ก็ต้องข้ามไฟแดงใหญ่ไปอีก สาธร1 อยู่ซ้ายมือ
ฉันปั่นเข้าไปในซอย เขาบอกว่าประมาณ 500 เมตร จะถึงซอยเกอเธ่ และต้องผ่านโรงเรียนอนุบาลเธียรประสิทธิ์ก่อน
อืม...เห็นโรงเรียนแล้ว ฉันปั่นต่อไปตามทาง อา... ซอยเกอเธ่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ศุมาอยู่ตรงข้ามเกอเธ่ และฉันก็เจอ
แต่เลยไปนิด เป็น L’ecole สอนทำอาหารฝรั่งเศส 'อืม...แถวนี้นี่มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งเก๋ไก๋ดีจังแฮะ'
ฉันถอยจักรยานมาหน่อยเห็นป้ายสถาบันภาษาและวัฒนธรรมศุมา อยู่ตรงข้ามสถาบันภาษาเยอรมัน Goethe จริงๆด้วยแฮะ
พนักงานธุรการของศุมาออกมาถามว่า "คุณชาฎา ใช่ไหมคะ?" ฉันบอกว่า "ใช่ค่ะ" เธอจึงบอกว่าไปจอดด้านหลังที่โรงจอดรถก็ได้
(แต่มีที่จำกัดจริงๆ มิน่าเขาถึงบอกคนที่มาอบรมทั้งหลายว่าควรใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสีลมแล้วเดินต่อเข้ามา)
ฉันก็จอดใกล้ๆกับรถเก๋งคันหนึ่ง อาจเป็นของครูที่นี่สักคนกระมัง นี่คือข้อดีของสถานประกอบการที่อยู่ในที่ที่เอื้อกับการโดยสารสาธารณะที่สะดวก
ควรจะส่งเสริมให้มีการเดินทางแบบนี้นี่ล่ะ
ฉันมาสายไปห้านาที จึงบอกครูไปว่าฉันปั่นจักรยานมาเพิ่งถึง ครูถามว่าปั่นมาจากหมอชิตหรือ?
ฉันบอกแบบกลัวคนอื่นเสียเวลาว่า ค่ะ "มาจากหมอชิต มาจากโคราชเลยค่ะ เอาจักรยานใส่รถทัวร์มา"
จากนั้นฉันก็เข้ารับอบรมการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติวันแรกด้วยความรู้สึกที่ดี สนุกสนาน
ได้ความรู้มากมายจากผู้เชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ แต่ฉันก็ตาจะปิดแล้ว จึงไปชงกาแฟเข้มๆด้วยตัวเอง ใส่ไปสองช้อนชา
เพื่อทำให้ตัวเองตื่น ตอนพักเที่ยงก็ดื่มโคคาโคล่า เพราะมีกาเฟอีนนิดๆเพื่อให้ไม่ง่วงและสดชื่น เรียนจนจบสี่โมงเย็น
ได้ด้วยความรู้สึกที่ไม่เบลอนี่ นับว่าเป็นบุญแล้ว
เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ ฉันเพิ่งรู้ว่ารถยนต์อีกคันเป็นของผู้ที่มาอบรมเหมือนกัน แต่จอดได้คันเดียวก็เต็มแล้วจริงๆ
ที่จอดรถมีจำกัดจริงๆ โชคดีที่ฉันใช้จักรยาน ฉันปั่นออกไป ส่งเสียงกระดิ่งทักทายเพื่อนๆร่วมชั้น
บางคนเห็นก็บอกว่า จักรยานเท่จังเลย น่ารักมาก ฉันบอกลาเพื่อนๆ ด้วยความรู้สึกสะดวกและมีความสุขที่จะใช้จักรยานปั่นไปที่อื่นต่อ
นั่นก็คือแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสันที่ที่รวมพลนักปั่นนับพันๆคนในทริปปั่นข้ามคืน 100 กิโลฯทั่วกรุงเทพฯในคืนนี้
ฉันกังวลเพราะนอนน้อยเหลือเกิน อืม ต้องปั่นไปที่นั่น ก็น่าจะผ่านทางตลาดประตูน้ำ ฉันจึงตัดสินใจตัดเข้าสวนลุมฯ
เพื่อให้ได้หลีกเลี่ยงการจราจรแบบกรุงเท้พฯ กรุงเทพฯ บ้าง แวะเติมหน้านิดหน่อยในห้องน้ำที่สวนลุมฯ
เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง ที่ตอนเรียนไม่ทักฉันสักคำ แต่พอเห็นว่าฉันปั่นจักรยานมาและเห็นจักรยานฉัน
เราก็ต่างมีบทสนทนาระหว่างกันขึ้นมา ภูเขาน้ำแข็งที่ฉันรู้สึกกลับทลายลงไปต่อหน้า กลายเป็นความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ขอบคุณนะอังศุมาลิน ที่ช่วยให้พี่ได้คุยกับเพื่อนใหม่ ฉันยิ้มและปั่นต่อไปตามที่ รปภ.บอกให้ตัดผ่านเข้าไปทางสวนปาล์ม
และฉันก็ออกไปทางถนนที่ทอดยาวไปทางสถานีรถไฟฟ้าราชดำริตามเดิม ข้ามสี่แยกราชประสงค์
และตรงไปเรื่อยๆ จนเห็นสถานีแอร์พอร์ตลิ้งค์ ราชปรารภ ใช่ ฉันจำได้แล้ว มาถูกทางแล้ว จึงเลียบไปตามแนวรางรถไฟ
จนถึงสถานีแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสันในที่สุด
หนึ่งราตรีกับหนึ่งร้อยกิโลเมตรในหนึ่งมหานคร
เผื่อจะเป็นแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆที่ได้อ่านได้ออกมาขี่จักรยานกันนะคะ
‘ตีสามยี่สิบ รถจะออกจาก บขส.เก่า ไม่ได้นอนแน่ๆเลย โทรไปถามเมื่อกี๊ก็เที่ยงคืนแล้ว
กว่าจะรู้รอบรถทัวร์ที่เก๊ะกว้างพอจะใส่จักรยานทั้งคันได้ เอาเป็นว่าหลับบนรถก็แล้วกัน’
แค่วันเสาร์ที่ 1 พฤศจิกาฯนี้ ตอนเก้าโมงเช้า
ฉันเริ่มต้นเข้ารับการอบรมการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติที่สถาบันภาษาและวัฒนธรรมศุมา
ตรงข้ามกับสถาบันเกอเธ่ ในซอยสาทร 1 ฉันต้องตื่นเต้นถึงกับนอนไม่หลับขนาดนี้เชียวหรือ?...
คำตอบคือ หลังจากอบรมเสร็จ 4 โมงเย็นนี้ต่างหากที่ฉันต้องปั่นจักรยานคู่ใจต่อไปจุด start ที่แอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสัน
เพื่อร่วมงาน สสส. Presents #adaybikefest2014 : Bangkok 100 Km. Ride Overnight ;
การปั่นจักรยานข้ามคืนพิชิต 100 กิโลเมตร ทั่วกรุงเทพฯ นั่นต่างหาก ทำให้ฉันตื่นเต้นกว่าว่า ฉันจะมีเวลางีบหลับได้ตอนไหน?
เพราะตั้งแต่สามทุ่มของวันที่ 1 จนถึงเช้าของวันที่ 2 ฉันจะต้องปั่นจักรยานข้ามคืนโดยไม่นอน! แม้แต่งีบเดียวก็ไม่ได้
เพราะเคยมีประสบการณ์ว่ายิ่งงีบเอาแรงยิ่งไปต่อไม่ไหว...
แล้วฉันจะทำยังไงดี... อย่าเพิ่งคิดมากไปก่อนละกัน นอนบนรถทัวร์ก่อน ได้แค่ไหนเอาแค่นั้น
ฉันปั่นไปถึง บขส.เก่า ในตัวเมืองโคราชด้วยหน้าที่ไร้เมคอัพ แต่แต่งเต็มด้วยชุดที่คิดไว้คือ
เดรสผ้าลูกไม้สีครีมอมเหลืองพาสเทลจางๆ เครื่องประดับไม่ใส่ เพราะกะนอนเต็มที่ ไปถึงตอนตีสามสิบเอ็ด
ไม่นาน รถทัวร์ก็มาพอดี เอาจักรยานใส่เรียบร้อยตะแคงหนึ่งข้าง พับตะกร้า pannier ข้างขวาขึ้นมาเพื่อให้ตะแคงได้
แอบห่วงตะกร้าหวายข้างหน้าเล็กน้อยว่าจะเบี้ยวบิดผิดรูปเพราะการตะแคงนอนจักรยานลงกับพื้นเก๊ะรถหรือไม่
แต่ก็คิดว่าตัวเองก็ปรับขึงตะกร้าหน้าใหม่ และดามจนตึงเป๊ะดีแล้ว แล้วก็ขึ้นไปบนรถข่มตาหลับเสีย น่าแปลกที่ฉันหลับได้โดยง่าย
ตื่นมาอีกทีก็นับว่าหลับไม่เสียเที่ยว เพราะมาถึงฟิวเจอร์ปาร์ค รังสิต พอดี เบลอๆ และมองตึกไปพลาง
ผ่านดอนเมืองแล้ว ‘เดี๋ยวก็ใกล้ถึงหมอชิต 2 แล้วสินะ แต่งหน้าก่อนดีกว่า ได้รองพื้นก็ยังดี’ แล้วฉันก็ลงรองพื้นเสร็จพอดี
แต่ยังไม่ทันได้ลงแป้งเลย รถทัวร์ก็เทียบชานชาลาจอดเสียแล้ว ฉันรีบเก็บของ และไปช่วยดูช่วยพนักงานรถชายเอาจักรยานลงมา
cable tire เส้นเล็กที่ยึดตะแกรงตะกร้าหวายด้านหลังขาดออกสองเส้น แต่ยังเหลืออยู่สองเส้น
‘เอาน่ะ ยังไม่ขาดหมดซะหน่อย แถมตะขอก็ยังยึดอยู่อีกมุมนึง ไปต่อได้’
ตรวจดูสภาพตะกร้าหวายทั้งหน้าและหลังไม่มีบิดเบี้ยว Product ของ Sudsiam Bike Basket นี่เท่และทนจริงๆ
มั่นใจแล้วก็ปั่นไปหาข้าวกินใกล้ๆ ในเขตหมอชิต 2 นั่นเอง เพราะกระเพาะอาหารเรียกร้องข้าวเช้าแล้ว
ฉันจึงเลือกกระเพราไข่ดาว อุตส่าห์ดูแล้วว่า อย่างเดียว 35 สองอย่าง 40 แล้วนะ แต่ปรากฏว่า ต้องจ่าย 45 บาท
เพราะกระเพรา 35 บวกไข่ดาว 10 บาท เรื่องไม่คาดคิดมีเยอะแยะเสมอ เมื่อมากรุงเทพฯ แต่แทนที่ฉันจะนึกบ่นลุงคนขาย
ฉันก็ตระหนักสิ่งที่ดีกว่าได้แทนคือ ขอบคุณข้าวมื้อนี้ที่ต่อชีวิตของฉันไปอีกวัน
แล้วฉันก็เติมน้ำที่ร้านใส่แก้วพกพาของฉันแล้วปั่นไปต่อ กลิ่นอุทัยทิพย์ในน้ำนั้นสดชื่นดีจริงๆ
‘ปั่นไปแอบแต่งหน้าต่อให้เสร็จในสวนรถไฟดีกว่า อยู่ใกล้ๆหมอชิตนี่เอง’ คิดได้ดังนั้นก็ปั่นออกไป
โอ้ว! พระเจ้า ถนนที่พังพินาศเป็นหลุมบ่อด้วยน้ำหนักรถขนาดใหญ่ที่วิ่งผ่านมากมาย แค่นี้ก็ว่าแย่แล้ว กลับเจิ่งนองไปด้วยน้ำขัง
ฉันจึงต้องปั่นหลบไปอีกทาง เจอกลุ่มวินมอเตอร์ไซค์ตรงทางออก แล้วจึงถามว่า สวนรถไฟไปทางไหน เพราะเริ่มหลงทิศ
พี่ๆเขาก็บอก ฉันถามต่อว่า "เมื่อคืนกรุงเทพฯฝนตกหรอคะ" เขาบอกว่า "ตกทุกวันแหละ" ฉันก็ได้แต่ถอนใจ ชุ
ดสวยของฉันโชคดี ที่ไม่เปื้อนโคลน ขอบคุณบังโคลนของน้องอังฯที่ช่วยชีวิตพี่ไว้
เพลง Sunshine Day ของบัว ชมพู ฟอร์ด จู่ๆ ก็ดังเข้ามาในหัว เหมือนจะปลอบประโลมฉันว่า
"เอาน่ะ ไหนๆ ตอนนี้ก็ฟ้าสดใสแล้ว หลบๆระวังน้ำขัง ค่อยๆปั่นไปนะ"
ฉันเข้าไปแถวซอยที่สามารถตัดผ่านเข้าไปที่สวนรถไฟได้ เขาบอกว่า "มีทางข้างๆแฟลตที่ไปถึงได้ครับ"
รู้สึกว่า เจ็ดโมงเช้าเองแต่จะ sunshine เกินไปหรือเปล่าเนี่ย? แดดร้อนจริงๆ และคอเสื้อเดรสลูกไม้
เริ่มทำให้ฉันอึดอัดบริเวณต้นคอ บางทีก็รู้สึกว่า มันตันไปหรือเปล่า แต่ชายกระโปรงนี่มีน้ำหนักดีจัง ไม่ยี่หระต่อลมแรงเลย
ยังไม่ทันถึง สวนรถไฟดีเลย ฉันก็เจอโรงอาหารหน้าแฟลต แต่เหมือนเพิ่งทำเสร็จหรืออะไรไม่ทราบ
ฝุ่นเกาะเยอะมาก แต่ฉันก็ไม่สนใจล่ะ แต่งหน้าต่อให้เสร็จดีกว่า จะได้ไม่ต้องไปหาที่ทางในสวน ไปสาทรต่อได้เลย
ขณะแต่งหน้าไป น้องหมาก็มาเมียงมองสองตัว ฉันได้แต่แผ่เมตตาหนึ่งบทและคิดว่า 'อย่าเห่าไล่พี่นะ พี่ขออาศัยที่นี่แป๊บเดียว เดี๋ยวไปละ'
น้องหมาก็ดูเหมือนจะเข้าใจ เมียงมองอยู่สักพักและก็จากไปเงียบๆ
เอ๊ะ! หรือน้องหมารู้วาระจิตของฉันหลังจากแผ่เมตตาไปให้ ฉันยิ้มแล้วแต่งต่อจนเสร็จ ใส่มุกที่หู แขน และคอเข้า set ดูนาฬิกาล็อกเก็ต
‘ตายละ จะแปดโมงแล้ว จะปั่นไปทันได้ยังไง?’ ฉันเลือกใช้แผนสุดท้ายที่คิดไว้นั่นคือ
อาศัย BTS ให้พาฉันกับน้องอังศุมาลิน; จักรยานของฉัน ไปส่งที่ ศาลาแดง
แล้วปั่นไปต่ออีกหน่อยที่สาธร 1 เห็นบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดินสีลม ทำไมถึงบอกว่านี่คือวิธีสุดท้ายที่ฉันเลือก
เพราะฉันคิดว่า ฉันเคยเห็นคนเอาจักรยานขึ้นรถไฟฟ้าแล้วเกิดดราม่าประจำ ว่ามีจักรยานควรจะปั่นไปสิ
ทำไมจะต้องมาเอาขึ้นรถไฟฟ้าให้เกะกะด้วย ความจริง BTS เอื้อเฟื้อจักรยานทุกประเภท
แต่ฉันไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ และฉันขอใช้สิทธิ์นั้น เพื่อจะไปให้ทันเรียน
ฉันจูงจักรยานจะขึ้นลิฟท์คนพิการที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต จูงขึ้นไปแล้วด้วย แต่ก็เห็นป้ายว่าสงวนไว้เฉพาะคนพิการและผู้สูงอายุ
‘น่าจะมีป้ายเพื่อชาวจักรยานบ้างเนาะ’ ฉันละอายแก่ใจและจูงจักรยานลงมา คนมองฉันด้วยความรู้สึกอะไรบ้าง
ฉันก็ไม่อยากคิดต่อ ฉันคิดว่า เอาวะ...15 กิโลกรัมเฉพาะจักรยาน กับข้าวของนิดหน่อย คงไม่หนักเกินไป ที่จะฝืนแรงโน้มถ่วงหรอก
ฉันมองไม่เห็นบันไดเลื่อน ฉันจึงต้องยกขึ้นเท่านั้น พี่วินมอเตอร์ไซค์ใจดีมากเกินไป ที่จะขอให้ฉันช่วยทิปค่ายกจักรยานให้ยี่สิบบาท
ฉันจึงบ่ายหน้าหนีและยกเองอย่างทระนง แต่ในใจก็คิดว่า ถ้ามีใครสักคนที่มีน้ำใจมาช่วยยกก็คงดี
ฉันยกจักรยานอันหนักอึ้งขึ้นไปอย่างทุลักทุเลจนถึงขั้นพัก ขอบคุณขั้นพักอันนี้จริงๆ ที่ช่วยให้ฉันหยุดหายใจสักนิดก่อนจะยกต่อ
และสุดท้ายก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาช่วยฉันยกท้ายจักรยานขึ้นไปจนถึงสถานี ฉันดีใจและขอบคุณเขา
และรีบไปจอดค้นกระเป๋าสตางค์หยิบแบงค์ร้อยมาซื้อตั๋วที่เคาน์เตอร์เลยโดยไม่ไปกดที่ตู้เอง พนักงานยื่นบัตรราคา 42 บาท
พร้อมหยิบเงินทอนให้ ฉันจูงจักรยานเข้าไป พนักงานรถไฟฟ้าอีกคนบอกให้ฉันเสียบบัตร ฉันก็เสียบและรอรับบัตร
เสร็จแล้วก็จูงเข้าไปในช่องพิเศษที่พนักงานเปิดให้ทุกพาหนะล้อเลื่อนเข้าไปได้ ฉันจูงไปที่บันไดเลื่อนอีกครั้งเพื่อจะขึ้นไปที่ชานชาลา
เลือกขวาสุด ท้ายสุดของขบวนเพราะไม่อยากเกะกะผู้โดยสารท่านอื่น โชคดีที่เป็นสถานีแรก จึงยังมีที่มากมาย
ฉันต้องทนประดักประเดิดกับความรู้สึกกระดากละอายอะไรบางอย่างจากสายตาคนกรุงร่วมโลกบางคนที่มองมาด้วยสายตาที่เย็นชา
ฉันได้แต่บอกใครก็ตามที่ทยอยเข้ามาในสถานีถัดมาๆ ด้วยประโยคที่ว่า “ขอโทษนะคะ เดี๋ยวลงแล้วค่ะ”
ฉันถามคนในนั้นและประมวลเอาเองด้วยว่า ถ้าลงสถานีชิดลม ฉันจะปั่นไปต่อง่ายกว่า สถานีสยาม
เพราะว่า คนเยอะและพลุกพล่าน ที่สำคัญ ฉันไม่อยากจะเปลี่ยนขบวนไปสายสีลมที่สถานีสยาม แค่นี้ฉันก็รู้สึกแย่มากแล้ว
ฉันจึงตัดสินใจลงชิดลมและปั่นต่อไปเองจะดีกว่า เมืองที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อคนเดินและจักรยานเป็นหลัก
แต่สร้างขึ้นมาเพื่อหลีกหนีการจราจรที่รถยนต์เป็นใหญ่ ก็เป็นเช่นนี้แล
ฉันจูงจักรยานออกจากสถานีชิดลมและลงบันไดที่หน้าแมคโดนัลด์ ที่ชั้นพัก ฉันคิดว่าน่าจะมีใครช่วยฉันหน่อย
มองไป เห็นผู้ชายกำยำคนหนึ่ง ‘อ้าว คนนี้อยู่โบกี้เดียวกับเราเมื่อกี๊นี่’ แต่สุดท้ายเขาก็เดินผ่านไป
ฉันก็ได้แต่ถอนใจและบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร อีกนิดเดียว ยกได้ แม้จะหนักแค่ไหนก็ตาม แต่ลงไปก็จะสบายแล้ว
ฉันปั่นไปทางสถานีราชดำริ และเลี้ยวซ้ายไปทางหน้าผับแถวหลังสวน ถามไปเรื่อยๆว่า สาธร 1 อยู่ที่ไหน
ฉันปั่นผ่าน Alliance ฝรั่งเศสนี่อยู่ใกล้ๆเยอรมัน (Goethe) เลยเนาะ แต่ก็ไม่ใกล้กันสักทีเดียว
ก็ต้องข้ามไฟแดงใหญ่ไปอีก สาธร1 อยู่ซ้ายมือ
ฉันปั่นเข้าไปในซอย เขาบอกว่าประมาณ 500 เมตร จะถึงซอยเกอเธ่ และต้องผ่านโรงเรียนอนุบาลเธียรประสิทธิ์ก่อน
อืม...เห็นโรงเรียนแล้ว ฉันปั่นต่อไปตามทาง อา... ซอยเกอเธ่ เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลย ศุมาอยู่ตรงข้ามเกอเธ่ และฉันก็เจอ
แต่เลยไปนิด เป็น L’ecole สอนทำอาหารฝรั่งเศส 'อืม...แถวนี้นี่มุ้งมิ้งฟรุ้งฟริ้งเก๋ไก๋ดีจังแฮะ'
ฉันถอยจักรยานมาหน่อยเห็นป้ายสถาบันภาษาและวัฒนธรรมศุมา อยู่ตรงข้ามสถาบันภาษาเยอรมัน Goethe จริงๆด้วยแฮะ
พนักงานธุรการของศุมาออกมาถามว่า "คุณชาฎา ใช่ไหมคะ?" ฉันบอกว่า "ใช่ค่ะ" เธอจึงบอกว่าไปจอดด้านหลังที่โรงจอดรถก็ได้
(แต่มีที่จำกัดจริงๆ มิน่าเขาถึงบอกคนที่มาอบรมทั้งหลายว่าควรใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดินสีลมแล้วเดินต่อเข้ามา)
ฉันก็จอดใกล้ๆกับรถเก๋งคันหนึ่ง อาจเป็นของครูที่นี่สักคนกระมัง นี่คือข้อดีของสถานประกอบการที่อยู่ในที่ที่เอื้อกับการโดยสารสาธารณะที่สะดวก
ควรจะส่งเสริมให้มีการเดินทางแบบนี้นี่ล่ะ
ฉันมาสายไปห้านาที จึงบอกครูไปว่าฉันปั่นจักรยานมาเพิ่งถึง ครูถามว่าปั่นมาจากหมอชิตหรือ?
ฉันบอกแบบกลัวคนอื่นเสียเวลาว่า ค่ะ "มาจากหมอชิต มาจากโคราชเลยค่ะ เอาจักรยานใส่รถทัวร์มา"
จากนั้นฉันก็เข้ารับอบรมการสอนภาษาไทยให้ชาวต่างชาติวันแรกด้วยความรู้สึกที่ดี สนุกสนาน
ได้ความรู้มากมายจากผู้เชี่ยวชาญและเป็นมืออาชีพ แต่ฉันก็ตาจะปิดแล้ว จึงไปชงกาแฟเข้มๆด้วยตัวเอง ใส่ไปสองช้อนชา
เพื่อทำให้ตัวเองตื่น ตอนพักเที่ยงก็ดื่มโคคาโคล่า เพราะมีกาเฟอีนนิดๆเพื่อให้ไม่ง่วงและสดชื่น เรียนจนจบสี่โมงเย็น
ได้ด้วยความรู้สึกที่ไม่เบลอนี่ นับว่าเป็นบุญแล้ว
เมื่อทุกคนต่างแยกย้ายกันกลับ ฉันเพิ่งรู้ว่ารถยนต์อีกคันเป็นของผู้ที่มาอบรมเหมือนกัน แต่จอดได้คันเดียวก็เต็มแล้วจริงๆ
ที่จอดรถมีจำกัดจริงๆ โชคดีที่ฉันใช้จักรยาน ฉันปั่นออกไป ส่งเสียงกระดิ่งทักทายเพื่อนๆร่วมชั้น
บางคนเห็นก็บอกว่า จักรยานเท่จังเลย น่ารักมาก ฉันบอกลาเพื่อนๆ ด้วยความรู้สึกสะดวกและมีความสุขที่จะใช้จักรยานปั่นไปที่อื่นต่อ
นั่นก็คือแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสันที่ที่รวมพลนักปั่นนับพันๆคนในทริปปั่นข้ามคืน 100 กิโลฯทั่วกรุงเทพฯในคืนนี้
ฉันกังวลเพราะนอนน้อยเหลือเกิน อืม ต้องปั่นไปที่นั่น ก็น่าจะผ่านทางตลาดประตูน้ำ ฉันจึงตัดสินใจตัดเข้าสวนลุมฯ
เพื่อให้ได้หลีกเลี่ยงการจราจรแบบกรุงเท้พฯ กรุงเทพฯ บ้าง แวะเติมหน้านิดหน่อยในห้องน้ำที่สวนลุมฯ
เจอเพื่อนที่เรียนด้วยกันคนหนึ่ง ที่ตอนเรียนไม่ทักฉันสักคำ แต่พอเห็นว่าฉันปั่นจักรยานมาและเห็นจักรยานฉัน
เราก็ต่างมีบทสนทนาระหว่างกันขึ้นมา ภูเขาน้ำแข็งที่ฉันรู้สึกกลับทลายลงไปต่อหน้า กลายเป็นความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง
ขอบคุณนะอังศุมาลิน ที่ช่วยให้พี่ได้คุยกับเพื่อนใหม่ ฉันยิ้มและปั่นต่อไปตามที่ รปภ.บอกให้ตัดผ่านเข้าไปทางสวนปาล์ม
และฉันก็ออกไปทางถนนที่ทอดยาวไปทางสถานีรถไฟฟ้าราชดำริตามเดิม ข้ามสี่แยกราชประสงค์
และตรงไปเรื่อยๆ จนเห็นสถานีแอร์พอร์ตลิ้งค์ ราชปรารภ ใช่ ฉันจำได้แล้ว มาถูกทางแล้ว จึงเลียบไปตามแนวรางรถไฟ
จนถึงสถานีแอร์พอร์ตเรลลิ้งค์มักกะสันในที่สุด