เมื่อคืนกะจะลองดูเกมริษยาซักตอนนึง พอดีว่างๆอยู่ กลายเป็นว่า เฮ้ย มันไม่ใช่เรื่องราวดราม่าในออฟฟิศธรรมดาๆนะ ดูแบบเพลินจบหมด 6 ตอนเลย (จบตีสาม ดีที่ออนแค่ตอนละ 1 ชม

) พล็อตร่วมสมัยกับเรื่องราวมนุษย์เงินเดือน โปรดักชันก็ดีทั้งภาพและซาวด์ นักแสดงก็แสดงดีเข้าถึงบทบาท
อย่างแรกเลย คือ มันสนุก โดยเฉพาะพวกคนในออฟฟิศที่ชอบไลน์มาเม้าส์กัน มันทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับบริบทของละคร คือตอนแรกก็คิดว่าอยากมีกระทู้รายงานสดเม้าส์ละครเรื่องนี้จัง แต่เกรงว่าจะเม้าส์ไม่มันส์และขำเท่าพวกนี้ ตัวละครมีหลายตัวแต่เขียนบทได้พัวพันอย่างมีชั้นเชิง น่าติดตาม มีหักมุมกับดราม่าของแต่ละคนที่ค่อยๆปล่อยออกมา จะเกลียดจะหมั่นใส้ตัวไหนใครก็ไม่เต็มที่เพราะมีมุมให้สงสารด้วย
อย่างที่สอง คือ มันสะท้อนสภาพสังคมการทำงานแข่งกันในบริษัทได้ดี เริ่มมาก็โป๊ะเชะเลย ไม่ว่าจะเก่งยังไง สุดท้ายผู้ได้บริหารก็คือทายาทวัยเยาว์ของเจ้าของอยู่ดี ๕๕๕ การขัดขากันเพื่อตำแหน่งในบริษัทโดยใช้ stragtegy ที่หลากหลาย ใช้เล่ห์กลสารพัด ทำตัวเป็นผู้หวังดีแอบประสงค์ร้าย การสะท้อนให้เห็นถึงเจ้านายในแบบ มารดำ คือซื้อใจลูกน้องด้วยความกลัวเกรง หรือ จะเป็นแบบมารขาวเจ้านายที่หวังดีกับลูกน้อง หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พกพาความสำเร็จมาจากเมืองนอก อาจจะไม่ได้ดังใจเมื่อกลับมาอยู่ไทย เป็นต้น
และสุดท้าย คือ ดูแล้วสะเทือนอารมณ์เหมือนกันนะ
ตัวละครแรกที่ทำให้สะเทือนอารมณ์ก็คือ บุ๋ม เลขาสาวที่ใช้ทุกมุกคลุกวงในเพื่อใต่เต้าหรือใช้เต้าใต่เพื่อให้ได้การงานที่ดีขึ้น หรือแอบ sabotage งานของเจ้านายเพื่อเข้าทางหากินของตัวเองเรื่องที่ดิน ดูไปก็หมั่นใส้ไป แต่น้ำตาตกในเมื่อเห็นมานอนกอดลูกสาว คือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนี่เอง ชอบประโยคบอกลูกว่า "ถ้าเราเข้มแข็ง ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้" (หลังจากที่หนุ่มที่มาติดพันถอยห่างเพราะเห็นว่ามีลูก)
ต่อมาคือ จิมมี่ ชอบมาดผู้บริหารไฟแรงมาก บางทีก็อึ้งกับการตอกกลับคนทำงานรุ่นเก่าแต่ก็จริงของจิมนะ คนรุ่นเก่ามองอะไรแบบเดิมๆ ไม่ differentiate แต่แอบหมั่นใส้ ให้คนไปทำอย่างหนึ่งสุดท้ายตัวเองก็เวิร์กเองด้วยแล้วก็เลือกที่ตัวเองทำ (แต่ชอบที่เอาประเด็นการสร้าง connection ในธุรกิจที่ได้เรียนรู้มาจากเมืองนอกมาใช้ เพราะจริงๆพวกที่เข้ามหาลัยดังๆในเมกาน่ะ ก็เพื่อสร้าง connection ทั้งนั้นเลย) เลยดูเหมือนจิมเอาแต่ใจตัวเอง เผด็จการไปนิด แต่ก็ลุ้นให้ประสบความสำเร็จนะ (ตอนแรกที่ลุกหนีการประชุม เราก็นึก ไอ้นี่มาแนวสั่งๆแล้วไปนี่หว่า) ยิ่งพอรู้เรื่องที่พ่อไม่เคยฟังความคิดเห็นของจิมเลย มันเลยกลายเป็นปมที่ตัวจิมก็คงยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อ
ล่าสุดก็ดราม่า ปัทธมน กับ พิธาน มารดำขาว ที่เคยรักกันมาก่อนที่ความเข้าใจผิดทำให้ต้องอยู่กันคนละข้าง ชอบตอนที่ทะเลาะกัน พิธานพูดว่า "เธอเปลี่ยนไปเยอะนะ" แล้วปัทพูดว่า "เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย"
ส่วนพวกเหลาะแหละก็มีให้เห็นทั้ง คนที่อยู่บนสุดของปิรามิด อย่าง พราว ลูกสาวเจ้าของบริษัทที่กลายมาเป็นเจ้าของ กับคนที่อยู่ล่างสุดของปิรามิด อย่าง น๊อต ขนาดรู้ตัวเองว่าแย่ก็ไม่ค่อยสำเหนียกเท่าไหร่ ๕๕๕ แต่ก็แอบสงสารพราวในแง่ที่ว่า นางคงไม่ได้มีพ่อเป็นโรลโมเดลเท่าไหร่ ตอนพ่อตายเลยไม่รู้สึกเสียใจ และดูจะปลื้มจิมมากที่มาคอยดูแลเหมือนเด็กเหงาขาดพ่อคนหนึ่ง ส่วนน็อตก็รู้สึกด้อยค่าในตัวที่ผลงานก็ไม่เข้าตา แถมจากที่เคยป๊อบในวัยรุ่นกลับไม่ได้ถีบตัวให้เฉิดฉายเท่า เพื่อนเนิร์ดๆแบบจิมมี่ที่กลับมาในมาดผู้บริหารได้เลย ก็แอบเอาใจช่วยสองคนนี้ให้เอาดีอยู่นะ
ส่วนที่คน "น่าริษยา" ที่สุดในเกมริษยา ก็คือ แอ้ม เพื่อนของพราว เป็นคนที่ได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการแม้จะถูกบังคับกลายๆจากพ่อและแม่ก็ตาม
ใครดูมาแล้วบ้างมาคุยแลกเปลี่ยนกัน
เกมริษยา สนุก สะท้อน สะเทือน
อย่างแรกเลย คือ มันสนุก โดยเฉพาะพวกคนในออฟฟิศที่ชอบไลน์มาเม้าส์กัน มันทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมไปกับบริบทของละคร คือตอนแรกก็คิดว่าอยากมีกระทู้รายงานสดเม้าส์ละครเรื่องนี้จัง แต่เกรงว่าจะเม้าส์ไม่มันส์และขำเท่าพวกนี้ ตัวละครมีหลายตัวแต่เขียนบทได้พัวพันอย่างมีชั้นเชิง น่าติดตาม มีหักมุมกับดราม่าของแต่ละคนที่ค่อยๆปล่อยออกมา จะเกลียดจะหมั่นใส้ตัวไหนใครก็ไม่เต็มที่เพราะมีมุมให้สงสารด้วย
อย่างที่สอง คือ มันสะท้อนสภาพสังคมการทำงานแข่งกันในบริษัทได้ดี เริ่มมาก็โป๊ะเชะเลย ไม่ว่าจะเก่งยังไง สุดท้ายผู้ได้บริหารก็คือทายาทวัยเยาว์ของเจ้าของอยู่ดี ๕๕๕ การขัดขากันเพื่อตำแหน่งในบริษัทโดยใช้ stragtegy ที่หลากหลาย ใช้เล่ห์กลสารพัด ทำตัวเป็นผู้หวังดีแอบประสงค์ร้าย การสะท้อนให้เห็นถึงเจ้านายในแบบ มารดำ คือซื้อใจลูกน้องด้วยความกลัวเกรง หรือ จะเป็นแบบมารขาวเจ้านายที่หวังดีกับลูกน้อง หรือผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรง ที่พกพาความสำเร็จมาจากเมืองนอก อาจจะไม่ได้ดังใจเมื่อกลับมาอยู่ไทย เป็นต้น
และสุดท้าย คือ ดูแล้วสะเทือนอารมณ์เหมือนกันนะ
ตัวละครแรกที่ทำให้สะเทือนอารมณ์ก็คือ บุ๋ม เลขาสาวที่ใช้ทุกมุกคลุกวงในเพื่อใต่เต้าหรือใช้เต้าใต่เพื่อให้ได้การงานที่ดีขึ้น หรือแอบ sabotage งานของเจ้านายเพื่อเข้าทางหากินของตัวเองเรื่องที่ดิน ดูไปก็หมั่นใส้ไป แต่น้ำตาตกในเมื่อเห็นมานอนกอดลูกสาว คือเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวนี่เอง ชอบประโยคบอกลูกว่า "ถ้าเราเข้มแข็ง ก็จะไม่มีใครทำอะไรเราได้" (หลังจากที่หนุ่มที่มาติดพันถอยห่างเพราะเห็นว่ามีลูก)
ต่อมาคือ จิมมี่ ชอบมาดผู้บริหารไฟแรงมาก บางทีก็อึ้งกับการตอกกลับคนทำงานรุ่นเก่าแต่ก็จริงของจิมนะ คนรุ่นเก่ามองอะไรแบบเดิมๆ ไม่ differentiate แต่แอบหมั่นใส้ ให้คนไปทำอย่างหนึ่งสุดท้ายตัวเองก็เวิร์กเองด้วยแล้วก็เลือกที่ตัวเองทำ (แต่ชอบที่เอาประเด็นการสร้าง connection ในธุรกิจที่ได้เรียนรู้มาจากเมืองนอกมาใช้ เพราะจริงๆพวกที่เข้ามหาลัยดังๆในเมกาน่ะ ก็เพื่อสร้าง connection ทั้งนั้นเลย) เลยดูเหมือนจิมเอาแต่ใจตัวเอง เผด็จการไปนิด แต่ก็ลุ้นให้ประสบความสำเร็จนะ (ตอนแรกที่ลุกหนีการประชุม เราก็นึก ไอ้นี่มาแนวสั่งๆแล้วไปนี่หว่า) ยิ่งพอรู้เรื่องที่พ่อไม่เคยฟังความคิดเห็นของจิมเลย มันเลยกลายเป็นปมที่ตัวจิมก็คงยังไม่รู้หรอกว่าตัวเองก็ไม่ต่างอะไรกับพ่อ
ล่าสุดก็ดราม่า ปัทธมน กับ พิธาน มารดำขาว ที่เคยรักกันมาก่อนที่ความเข้าใจผิดทำให้ต้องอยู่กันคนละข้าง ชอบตอนที่ทะเลาะกัน พิธานพูดว่า "เธอเปลี่ยนไปเยอะนะ" แล้วปัทพูดว่า "เธอก็ไม่เคยเปลี่ยนเลย"
ส่วนพวกเหลาะแหละก็มีให้เห็นทั้ง คนที่อยู่บนสุดของปิรามิด อย่าง พราว ลูกสาวเจ้าของบริษัทที่กลายมาเป็นเจ้าของ กับคนที่อยู่ล่างสุดของปิรามิด อย่าง น๊อต ขนาดรู้ตัวเองว่าแย่ก็ไม่ค่อยสำเหนียกเท่าไหร่ ๕๕๕ แต่ก็แอบสงสารพราวในแง่ที่ว่า นางคงไม่ได้มีพ่อเป็นโรลโมเดลเท่าไหร่ ตอนพ่อตายเลยไม่รู้สึกเสียใจ และดูจะปลื้มจิมมากที่มาคอยดูแลเหมือนเด็กเหงาขาดพ่อคนหนึ่ง ส่วนน็อตก็รู้สึกด้อยค่าในตัวที่ผลงานก็ไม่เข้าตา แถมจากที่เคยป๊อบในวัยรุ่นกลับไม่ได้ถีบตัวให้เฉิดฉายเท่า เพื่อนเนิร์ดๆแบบจิมมี่ที่กลับมาในมาดผู้บริหารได้เลย ก็แอบเอาใจช่วยสองคนนี้ให้เอาดีอยู่นะ
ส่วนที่คน "น่าริษยา" ที่สุดในเกมริษยา ก็คือ แอ้ม เพื่อนของพราว เป็นคนที่ได้ทำอะไรตามที่ใจต้องการแม้จะถูกบังคับกลายๆจากพ่อและแม่ก็ตาม
ใครดูมาแล้วบ้างมาคุยแลกเปลี่ยนกัน