จากเสื่อผืน หมอนใบ เรื่องราวของพ่อกับแม่ที่กว่าจะมีทุกวันนี้ได้…..
กระทู้แรกของเราเลย ตื่นเต้นสุดๆ เรื่องที่เราจะแชร์นั้นเป็นเรื่องจริง 100 % เป็นเรื่องของครอบครัวเราเองค่ะ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วค่ะ
ครอบครัวของแม่กับพ่อเป็นครอบครัวที่ทำไร่ ทำนา ฐานะไม่สู้ดีนัก เข้าขั้นยากจน แต่แม่มีวิชาติดตัวนั้นคือเย็บผ้า ส่วนพ่อมีพรสวรรค์คือ ทำเฟอร์นิเจอร์ ตู้ เตียง โต๊ะ บลาๆ พ่อกับแม่ตัดสินใจทิ้งไร่นาเข้าเมือง และได้เข้าสู่ความจนอย่างเต็มรูปแบบ มีเงินติดตัวมาไม่สิบบาทบาท ตั้งแต่เราเกิดมาเราจำความได้ว่านมที่เรากิน ไม่ใช่ดูมง ดูแมค อะไรค่ะ เป็นนมข้มหวานที่ใส่ผสมน้ำอุ่นให้เรากิน บ้านของเราเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆมืดๆพื้นขัดมันปูทับด้วยเสื่อน้ำมันเก่าๆขาดๆฝนตกทีก้อจะมีงู เงี้ยว เขี้ยว ขอ ออกมาให้สยองเกล้ากันไป ฝาผนังเป็นคราบปูน คราบน้ำฝนหยดย้อยทั่วทั้งห้อง ส่วนห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน ห้องรับแขก อยู่ที่เดียวกันไม่มีกำแพงกั้นห้อง ทุกอย่างอยู่รวมกันในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆด้วยค่าเช่าเดือนละ 700 บาท ภายในบ้านมีเตียงไม้ผุๆ เก่าๆ และก้อเตาถ่านดำๆแตกแล้วแตกอีก กับหม้อสังกะสีเก่าๆ ที่ปะแล้วปะอีก รั่วแล้ว รั่วอีก นี่คือภาพแรกที่เราเห็นตั้งแต่เราจำความได้…
ตอนนั้นแม่กับพ่อทำงานกับเฒ่าแก่ซึ่งต้องเดินทางห่างจากบ้านไปเกือบ 10 กิโล ค่ารถตุ๊กๆ 3 บาท พ่อกับแม่ก็ไม่นั่งค่ะ แกยอมเดิน อะไรประหยัดได้ก้อประหยัด พ่อกับแม่ก็เดินมาทำงานทุกวันๆเป็นเวลาหลายปีอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งเฒ่าแก่คงเห็นใจแกเลยให้จักรยานเก่าๆโซ่หลุดๆมาถีบไปทำงานพ่อก็รับไว้และหลังจากนั้นไม่กี่ปี แม่ก็ท้องเราเลยต้องออกจากงานมาเย็บผ้าจ้างอยู่ที่บ้าน ส่วนพ่อทำงานจ้างกับเฒ่าแก่ต่อไป พ่อกับแม่ทำงานเก็บตังมาเรื่อยๆ พอหลายปีเข้าเก็บเงินได้ก็เอาไปซื้อทอง สมัยก่อนทองบาทละ 4 พันกว่า พอโรงเรียนเราเปิดเทอมมาทีก้อต้องจำนำทองกันล่ะค่ะ แต่พ่อแม่เราก้อไม่เคยเป็นหนี้ใคร ไม่เคยไปยืมเงินใคร กลัวเค้าตามฆ่า 55555และ ด้วยค่าจ้างวันละไม่กี่สิบบาท ก้ออยู่กันแบบประหยัดสุดๆ กินข้าวไข่เจียว กับ แกง 1 ถุง ต้องทำสถิติกินให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนวันนึงพ่อกับแม่ก็คิดว่าถ้าครอบครัวเรายังอยู่แบบนี้ยังเข้าโรงจำนำ ลูกก็โตขึ้นเรื่อยๆ เรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็เยอะขึ้น ลุกเจ็บไข้ไม่สบายกับไอเงินเก็บอันน้อยนิดมันไม่พอยาไส้ ลำพังทำงานเป็นลุกจ้างเค้าคงไม่พอแน่นอน พ่อเลยให้แม่ออกมาเย็บผ้าอยู่ที่บ้าน เพราะต้องดุแลเราด้วยแต่กว่าแม่จะได้ค่าตัดผ้าสักตัว มันต้องใช้เวลานาน พ่อกับแม่เลยคิดว่าอาชีพอะไรก็ได้ที่ทำงานแล้วได้เงินทุกวันโดยที่ไม่ต้องรอเงินเดือนจากเฒ่าแก่ และไม่ต้องรอเย็บผ้าเสร็จ นั้นคือ อาชีพ ค้าขายเพราะอย่างน้อยเราก็ได้จับเงินทุกวัน มากน้อยก็ช่าง พ่อกับแม่คิดตัดสินใจจะขายลูกชิ้นทอด
จากจุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนของครอบครัวเราค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ

(หาวิธีใส่รูปประกอบแปบ แฮๆ)
ชีวิตที่เริ่มจากห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ เก่าๆ...จนกระทั่ง ลูกชิ้นเปลี่ยนชีวิต
กระทู้แรกของเราเลย ตื่นเต้นสุดๆ เรื่องที่เราจะแชร์นั้นเป็นเรื่องจริง 100 % เป็นเรื่องของครอบครัวเราเองค่ะ เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้วค่ะ
ครอบครัวของแม่กับพ่อเป็นครอบครัวที่ทำไร่ ทำนา ฐานะไม่สู้ดีนัก เข้าขั้นยากจน แต่แม่มีวิชาติดตัวนั้นคือเย็บผ้า ส่วนพ่อมีพรสวรรค์คือ ทำเฟอร์นิเจอร์ ตู้ เตียง โต๊ะ บลาๆ พ่อกับแม่ตัดสินใจทิ้งไร่นาเข้าเมือง และได้เข้าสู่ความจนอย่างเต็มรูปแบบ มีเงินติดตัวมาไม่สิบบาทบาท ตั้งแต่เราเกิดมาเราจำความได้ว่านมที่เรากิน ไม่ใช่ดูมง ดูแมค อะไรค่ะ เป็นนมข้มหวานที่ใส่ผสมน้ำอุ่นให้เรากิน บ้านของเราเป็นห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆมืดๆพื้นขัดมันปูทับด้วยเสื่อน้ำมันเก่าๆขาดๆฝนตกทีก้อจะมีงู เงี้ยว เขี้ยว ขอ ออกมาให้สยองเกล้ากันไป ฝาผนังเป็นคราบปูน คราบน้ำฝนหยดย้อยทั่วทั้งห้อง ส่วนห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนอน ห้องรับแขก อยู่ที่เดียวกันไม่มีกำแพงกั้นห้อง ทุกอย่างอยู่รวมกันในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆด้วยค่าเช่าเดือนละ 700 บาท ภายในบ้านมีเตียงไม้ผุๆ เก่าๆ และก้อเตาถ่านดำๆแตกแล้วแตกอีก กับหม้อสังกะสีเก่าๆ ที่ปะแล้วปะอีก รั่วแล้ว รั่วอีก นี่คือภาพแรกที่เราเห็นตั้งแต่เราจำความได้…
ตอนนั้นแม่กับพ่อทำงานกับเฒ่าแก่ซึ่งต้องเดินทางห่างจากบ้านไปเกือบ 10 กิโล ค่ารถตุ๊กๆ 3 บาท พ่อกับแม่ก็ไม่นั่งค่ะ แกยอมเดิน อะไรประหยัดได้ก้อประหยัด พ่อกับแม่ก็เดินมาทำงานทุกวันๆเป็นเวลาหลายปีอยู่เหมือนกัน จนกระทั่งเฒ่าแก่คงเห็นใจแกเลยให้จักรยานเก่าๆโซ่หลุดๆมาถีบไปทำงานพ่อก็รับไว้และหลังจากนั้นไม่กี่ปี แม่ก็ท้องเราเลยต้องออกจากงานมาเย็บผ้าจ้างอยู่ที่บ้าน ส่วนพ่อทำงานจ้างกับเฒ่าแก่ต่อไป พ่อกับแม่ทำงานเก็บตังมาเรื่อยๆ พอหลายปีเข้าเก็บเงินได้ก็เอาไปซื้อทอง สมัยก่อนทองบาทละ 4 พันกว่า พอโรงเรียนเราเปิดเทอมมาทีก้อต้องจำนำทองกันล่ะค่ะ แต่พ่อแม่เราก้อไม่เคยเป็นหนี้ใคร ไม่เคยไปยืมเงินใคร กลัวเค้าตามฆ่า 55555และ ด้วยค่าจ้างวันละไม่กี่สิบบาท ก้ออยู่กันแบบประหยัดสุดๆ กินข้าวไข่เจียว กับ แกง 1 ถุง ต้องทำสถิติกินให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนวันนึงพ่อกับแม่ก็คิดว่าถ้าครอบครัวเรายังอยู่แบบนี้ยังเข้าโรงจำนำ ลูกก็โตขึ้นเรื่อยๆ เรียนมากขึ้นเรื่อยๆ ค่าใช้จ่ายก็เยอะขึ้น ลุกเจ็บไข้ไม่สบายกับไอเงินเก็บอันน้อยนิดมันไม่พอยาไส้ ลำพังทำงานเป็นลุกจ้างเค้าคงไม่พอแน่นอน พ่อเลยให้แม่ออกมาเย็บผ้าอยู่ที่บ้าน เพราะต้องดุแลเราด้วยแต่กว่าแม่จะได้ค่าตัดผ้าสักตัว มันต้องใช้เวลานาน พ่อกับแม่เลยคิดว่าอาชีพอะไรก็ได้ที่ทำงานแล้วได้เงินทุกวันโดยที่ไม่ต้องรอเงินเดือนจากเฒ่าแก่ และไม่ต้องรอเย็บผ้าเสร็จ นั้นคือ อาชีพ ค้าขายเพราะอย่างน้อยเราก็ได้จับเงินทุกวัน มากน้อยก็ช่าง พ่อกับแม่คิดตัดสินใจจะขายลูกชิ้นทอด จากจุดนี้เป็นจุดเปลี่ยนของครอบครัวเราค่ะ
เดี๋ยวมาต่อค่ะ