เรื่องของ "สมภพ"

กระทู้สนทนา
ตัวอ่อน นอนคดเคี้ยว ลอยเคว้งคว้าง ราวกับ นักบินบนยานอวกาศ กำลังโคจรอยู่นอกดาวอังคาร  ขณะนั้น สพภพ รู้ดีว่า เค้าชื่อ สพภพ เป็นบุตรชายของ นักธุรกิจใหญ่ที่ เดินทางข้ามโพ้นทะเลมาจากจีนแผ่นใหญ่ และเริ่มก่อร่างสร้างตัวบนประเทศใจดีที่เปิดโอกาศให้ชาวต่างชาติ ได้ลืมตาอ้าปาก จากชีวิตที่ต้องดิ้นรนขวนขวาย เพื่อการดำรงอยู่ พ่อของเขาครอบครองอานาจักรธุรกิจที่ทำรายได้ต่อปีมากว่า จีดีพี ของประเทศ​เล็กๆในแอฟริกาใต้เสียอีก เขาเป็นลูกชายคนเดียว และได้รับการดูแลราวกับเจ้าชายแห่งดูไบ สมภพ มองเห็นทุกอย่าง อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ของความรุ่งอรุน โชติช่วงแห่งชีวิต ไม่มีสิ่งใดให้ต้องกังวล หลับตายิ้มปริ่ม ดูดดื่มอาหารชั้นเลิสผ่านลงมาทางสายสะดือ

หลังจาก การเสียชีวิต ของพ่อ สมภพ ก็ได้ครอบครองทุกอย่าง ในอนาจักรแห่งนั้น เขาพำนักอยู่ในคฤหาสหลังใหญ่ ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ใจกลางเมืองหลวงที่ราคาที่ดินแพงพอๆกับทองคำ

ถัดออกไปจากรั้วบ้านอันกว้างใหญ่ ชายวัยกลางคน เนื้อตัวมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง พักอาศัยอยู่ใต้เพิงที่ทำแบบง่าย ใช้วัสดุที่พึงมีเก็บมาได้ตามข้างถนน เขาใช้ชีวิตอย่างไร้จุดหมาย วันและคืนเคลื่อนไปโดยไม่ทิ้งความหวังและความฝันใดๆใว้เบื้องหลัง แต่สิ่งที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้สร้างความ ทุกข์ระทมใดๆ ให้กับเขา เขารู้แจ้งมาตลอดตั้งแต่วันที่ลืมตาขึ้นมา โลกนั่นเล็กกระจ้อยล่อย นับประสาอะไรกับชีวิตมนุษย์ ช่วงเวลาแห่งชีวิตของเรานั้น เป็นช่วงเวลาน้อยกว่าการกระพริบตาเป็นล้านๆๆเท่า เขาไม่เคยคิดท้อแท้ อดสู ถึงโชคชตาแห่งชีวิต ใครๆเขาก็มีอัตตา เย่อหยิ่งในความเป็นมนุษย์ สำหรับเขาทั้งหมดทั้งสิ้นเป็นเรื่องไร้สาระ ทั้งยังเข้าใจทุกสรรพสิ่งแจ่มแจ้ง ลึกซึ้ง ภายในของเขานั้นต่างจาก รูปลักษณ์ภายนอกโดยสิ้นเชิง

ในรั้วประสาท หลังใหญ่ สมภพ ใช้ชีวิตอย่างอู้ฝ้า และต้องรับช่วงบริหารธุรกิจ อันยิ่งใหญ่ของพ่อเขา ถึงแม้บริษัทจะทำกำไรได้อย่างมหาสาร แต่เขาก็ไม่เคยคิดที่จะหยุด ขยายธุรกิจ เพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่า เขาทำได้ดีกว่า ภายในใจเต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน ดิ้นรนต่อสู้ในทางธุรกิจ จนบางครั้งทำให้กินไม่ได้ นอนไม่หลับ ไหนจะต้องคอยระวังเรื่องทรัพย์สิน ที่เหล่าจิ้งจอก หมาป่าทั้งหลาย คอยจ้องอยู่ตาเป็นมัน

เขาไม่เคยอยู่ในสายตาสมภพ ถึงจะอยู่ใกล้กันเพียงไหน สภาพความเป็นอยู่
ที่ต่างราวฟ้ากับเหว ทั้งสองคนไม่มีทางที่จะได้ร่วมบทสนทนาแม้แต่กะปริ สมภพไม่มีเวลาแม้แต่ชายตามองไปยังเขา ในขณะที่เขามีเวลามากมายพอที่จะนั่งมองความเป็นไปของสรรพสิ่ง และเขาก็รู้จัก สมภพเป็นอย่างดีตั้งแต่วันแรกที่ได้ลืมตาดูโลก ทุกครั้งที่เขามองไปยัง สมภพ แววตาของเขาคละเคล้าไปด้วยความสงสาร และเห็นอกเห็นใจเป็นอย่างยิ่ง และได้แต่หวังว่า วันหนึ่ง สมภพ จะได้พบพานกับตัวเขา ซึ่งได้ปลอดแอกจากพันธนาการ ที่ผู้คนอีกมากมายถวิลหา

หลังจากลอยเท้งเต้งอย่างสุขารม ในถุงน้ำคล้ำของผู้เป็นแม่ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2523 สมภพ ก็ได้ลืมตาดูโลกภายนอกเป็นครั้งแรก อยู่ในถังขยะข้างๆคฤหาสหลังหนึ่งในใจกลางเมืองหลวงแห่งนั้น.............
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่