ผมทำงานเป็น Creative Design และทำอาชีพเสริมคือ Tarot Reader หรือหมอดูนั่นเเหละครับ ตลอดเวลา 8 ปีที่เป็นหมอดู ได้ดูดวงให้คนเยอะมากๆ ผมไม่เคยเชื่อเรื่องชะตากรรม ดังนั้นในการดูไพ่ ผมจึงใช้โอกาสนี้ในการเรียนรู้จากลูกค้าที่ประสบความสำเร็จในชีวิตด้วย (นี่หลักฐาน
http://www.vittarot.com/ )
“ไม่รู้เพราะอะไร พี่เก็บเงินไม่เคยอยู่เลย มีเรื่องให้ใช้เงินตลอด”
“พี่สามารถหาเงินได้ปีหนึ่งเป็นล้านนะ แต่ไม่รู้เงินมันหายไปไหนหมด”
“ตอนนี้ต้องผ่อนบัตรเครดิต แค่ดอกเบี้ยก็ทำเอาผมหน้ามืดแล้ว”
“พี่พึ่งซื้อคอนโดไป แต่พี่ไม่ได้ไปอยู่เองนะ แค่รู้ว่ามันเป็นของเราก็มีความสุขแล้ว เปล่าเลย พี่ไม่ได้ให้ใครเช่า เพราะมันเป็นของพี่ พี่ไม่อยากให้มันเป็นของมือสอง แต่ตอนนี้พี่กำลังหมุนเงินไม่ทัน ทำยังไงดี…???”
ในยุคสมัยที่มนุษย์เงินเดือนต้องทุกข์ทรมานจากการจราจรที่ฆ่าคนได้ เงินเฟ้อจนนรกยังบ่นว่าเงินไม่พอใช้ ข่าวทุกช่องทางเต็มไปด้วยปล้น ฆ่า ข่มขืน ดาราเลิกกัน ละครที่มีแต่ความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เอาความเกลียดโยนเข้าหากัน ออฟฟิตมีการเมือง ทำงานดีให้ตายก็ไม่โต บลาๆๆ การไขว่คว้าหาความสุขในยุคนี้ยากมาก ยิ่งเปิด Social แล้วเห็นการอวดร่ำอวดรวยทุกนาทีด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่
สิ่งที่ผมค้นพบง่ายๆ ก็คือ “เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่มีเป้าหมายชีวิต คุณจะเป็นหนี้หัวโต…!!!”
พอไม่มีเป้าหมาย ชีวิตก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน พอเดินมั่วๆเข้าก็ไม่มีความสุข แล้วพอชีวิตไม่มีความสุขมากๆเปิด Social ปุ๊ป เสร็จเลย…!!!
เปิด Facebook เจอคนถอย iPhone 6 Plus
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มี iPhone นี่เอง จัดไป 0% 10 เดือน แชร์ลง Social
พอได้มาซักพัก ความรักที่มีต่อ iPhone เริ่มจืด เพราะใครๆเขาก็มีกัน
เปิด Facebook เจอคนออกรถป้ายแดง
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มีรถนี่เอง จัดไป ดาวน์ 20% 60 เดือน แชร์ลง Social
พอได้มาซักพัก เริ่มจืด เพราะใครๆเขาก็มีกัน (จนล้นถนน)
เปิด Facebook เจอคนออกบ้านหลังใหม่
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มีบ้านนี่เอง จัดไป ค่าจอง ค่าดาวน์ ค่าผ่อน 360 เดือน แชร์ลง Social
สุดท้ายคนที่ไม่มีเป้าหมายชีวิต ยอมใช้เงินเพื่อสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ แล้วก็ต้องเอารายได้เกือบทั้งหมดจ่ายเพื่อรักษาสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีเพื่ออะไร…!!! (ยุคเฟอร์บี้ น้องบลาย ยังจำกันได้ไหมครับ เเหะๆๆ)
ใช่ ทั้งหมดวนเป็นวงจรไม่รู้จักจบ ตอนนี้ประเทศไทยเรามีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในรอบ 2 ปีแล้ว
http://thaipublica.org/2014/09/household-debt-2/ คนส่วนใหญ่มีความสุข (ชั่วคราว) กับการใช้จ่ายจนเป็นหนี้
ผิดกันกับคนที่มีเป้าหมายทางการเงินชัดเจน เช่น ต้องการมี 1 ล้านแรกในชีวิต ต้องการเป็นนายตัวเองโดยไม่กินเงินเดือน ต้องการไปแบกเป้เที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง ต้องการทำธุรกิจ หรือต้องการเป็นผู้นำให้กับคนที่ต้องการที่พึ่งซักทาง แน่นอน คนเหล่านี้เลือกสร้างหนี้จนแต่น้อย เพราะเขามีเป้าหมายที่สูงกว่าวัตถุจะตอบโจทย์ได้ และมันต้องใช้เงิน
ผมเห็นคนมากมายที่กัดฟันไม่ใช้เงินชั่วคราว เพื่อยอมทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมายชีวิตของเขา ความสุขของเขาคือการพิชิตโจทย์ที่ตัวเองตั้งขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเอาชนะได้มากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกดีต่อตัวเองเท่านั้น (ลองถามคนที่ลดน้ำหนัก สร้างรายได้ทางที่ 2 เก็บเงินได้แสนแรก หรือสร้างธุรกิจสำเร็จก็ได้ครับ พวกเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงมากๆ) เมื่อพวกเขาทำสำเร็จ เขาค่อยให้รางวัลตัวเองอย่างหนักทีหลังเสมอ
อาทิเช่น ผมไปเจอเพื่อนผมคนหนึ่งที่งานแต่ง ใช้มือถือราคาถูกมากๆ ไม่ใช่ 3G เเต่งตัวธรรมดา นอนหอพักพัดลม ไม่ติดแอร์ ไม่ใช่ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช้เงินสิ้นเปลือง ดูเหมือนงก แต่ในความเป็นจริงเขาคือคนที่เท่ห์ที่สุดในโต๊ะ เพราะตอนนี้เขามีบ้านพักเป็น Passive Income ให้นักศึกษาต่างจังหวัดเช่า แถมยังปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้พักอาศัยด้วยเงินตัวเองล้วนๆ ใช่ เขาอาจจะด้อยในแง่วัตถุ แต่ผมเชื่อว่าเขามีความสุขเพราะสิ่งที่เขาทำมันยิ่งใหญ่…!!! และมันคือความภาคภูมิใจที่กำลังพิชิตเป้าหมายของตัวเองได้สำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ใช่แค่เพื่อนผมคนนี้เท่านั้น ทุกๆคนที่มีเป้าหมายชีวิตล้วนหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ที่ทำให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายช้าขึ้น เวลามีอะไรใหม่ๆเข้ามาแล้วอยากได้ เขาจะบอกกับตัวเองและทุกคนเสมอว่า “ขี้เกียจผ่อน เหนื่อย รอซื้อเงินสดทีเดียวเลยดีกว่า ง่ายดี” แล้วก็พยายามรักษาสภาพคล่องเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังในอนาคตมาใช้ บางทีควรลองหยุดคิดซักนิด ว่าเงินที่จะต้องเป็นหนี้ก้อนนั้นจะนำพาชีวิตคุณไปทางไหน ชีวิตออกแบบได้ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเงินรับประกันว่าขนหัวลุกแน่ๆ หนี้หรือความมั่นคงทางการเงิน คุณเลือกได้ อย่าเป็นหนี้จนไม่มีเงินเก็บ โอกาสเข้ามาในชีวิตคุณปฏิเสธได้ แต่ถ้าวิกฤตเข้ามาคุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ตั้งเป้าหมายทางการเงินแล้วเดินไปให้ถึงกันดีกว่าครับ อย่าพึ่งสนใจวัตถุราคาแพงที่ไม่ช่วยทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเลย ไว้รวยเมื่อไหร่จะซื้อ iPhone ทีละ 4 เครื่องใส่กระเป้าหน้า 2 กระเป๋าหลัง 2 ยังได้
เมื่อ “ไลฟ์สไตล์” มันมาคู่กับ “ไร้สตางค์” การเป็นหนี้แบบ “ไร้สติ” จึงบังเกิด
วิชญ์
หมอดูขอเล่า : เหตุผลที่เป็นหนี้แบบไม่มีเหตุผล
“ไม่รู้เพราะอะไร พี่เก็บเงินไม่เคยอยู่เลย มีเรื่องให้ใช้เงินตลอด”
“พี่สามารถหาเงินได้ปีหนึ่งเป็นล้านนะ แต่ไม่รู้เงินมันหายไปไหนหมด”
“ตอนนี้ต้องผ่อนบัตรเครดิต แค่ดอกเบี้ยก็ทำเอาผมหน้ามืดแล้ว”
“พี่พึ่งซื้อคอนโดไป แต่พี่ไม่ได้ไปอยู่เองนะ แค่รู้ว่ามันเป็นของเราก็มีความสุขแล้ว เปล่าเลย พี่ไม่ได้ให้ใครเช่า เพราะมันเป็นของพี่ พี่ไม่อยากให้มันเป็นของมือสอง แต่ตอนนี้พี่กำลังหมุนเงินไม่ทัน ทำยังไงดี…???”
ในยุคสมัยที่มนุษย์เงินเดือนต้องทุกข์ทรมานจากการจราจรที่ฆ่าคนได้ เงินเฟ้อจนนรกยังบ่นว่าเงินไม่พอใช้ ข่าวทุกช่องทางเต็มไปด้วยปล้น ฆ่า ข่มขืน ดาราเลิกกัน ละครที่มีแต่ความอิจฉาริษยา แก่งแย่งชิงดีชิงเด่น เอาความเกลียดโยนเข้าหากัน ออฟฟิตมีการเมือง ทำงานดีให้ตายก็ไม่โต บลาๆๆ การไขว่คว้าหาความสุขในยุคนี้ยากมาก ยิ่งเปิด Social แล้วเห็นการอวดร่ำอวดรวยทุกนาทีด้วยแล้ว ยิ่งไปกันใหญ่
สิ่งที่ผมค้นพบง่ายๆ ก็คือ “เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณไม่มีเป้าหมายชีวิต คุณจะเป็นหนี้หัวโต…!!!”
พอไม่มีเป้าหมาย ชีวิตก็ไม่รู้จะเดินไปทางไหน พอเดินมั่วๆเข้าก็ไม่มีความสุข แล้วพอชีวิตไม่มีความสุขมากๆเปิด Social ปุ๊ป เสร็จเลย…!!!
เปิด Facebook เจอคนถอย iPhone 6 Plus
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มี iPhone นี่เอง จัดไป 0% 10 เดือน แชร์ลง Social
พอได้มาซักพัก ความรักที่มีต่อ iPhone เริ่มจืด เพราะใครๆเขาก็มีกัน
เปิด Facebook เจอคนออกรถป้ายแดง
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มีรถนี่เอง จัดไป ดาวน์ 20% 60 เดือน แชร์ลง Social
พอได้มาซักพัก เริ่มจืด เพราะใครๆเขาก็มีกัน (จนล้นถนน)
เปิด Facebook เจอคนออกบ้านหลังใหม่
อ๋อ ที่เราไม่มีความสุข เพราะเราไม่มีบ้านนี่เอง จัดไป ค่าจอง ค่าดาวน์ ค่าผ่อน 360 เดือน แชร์ลง Social
สุดท้ายคนที่ไม่มีเป้าหมายชีวิต ยอมใช้เงินเพื่อสิ่งที่ตัวเองไม่ต้องการ แล้วก็ต้องเอารายได้เกือบทั้งหมดจ่ายเพื่อรักษาสิ่งที่ไม่รู้ว่ามีเพื่ออะไร…!!! (ยุคเฟอร์บี้ น้องบลาย ยังจำกันได้ไหมครับ เเหะๆๆ)
ใช่ ทั้งหมดวนเป็นวงจรไม่รู้จักจบ ตอนนี้ประเทศไทยเรามีหนี้ครัวเรือนสูงที่สุดในรอบ 2 ปีแล้ว http://thaipublica.org/2014/09/household-debt-2/ คนส่วนใหญ่มีความสุข (ชั่วคราว) กับการใช้จ่ายจนเป็นหนี้
ผิดกันกับคนที่มีเป้าหมายทางการเงินชัดเจน เช่น ต้องการมี 1 ล้านแรกในชีวิต ต้องการเป็นนายตัวเองโดยไม่กินเงินเดือน ต้องการไปแบกเป้เที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง ต้องการทำธุรกิจ หรือต้องการเป็นผู้นำให้กับคนที่ต้องการที่พึ่งซักทาง แน่นอน คนเหล่านี้เลือกสร้างหนี้จนแต่น้อย เพราะเขามีเป้าหมายที่สูงกว่าวัตถุจะตอบโจทย์ได้ และมันต้องใช้เงิน
ผมเห็นคนมากมายที่กัดฟันไม่ใช้เงินชั่วคราว เพื่อยอมทำทุกอย่างให้บรรลุเป้าหมายชีวิตของเขา ความสุขของเขาคือการพิชิตโจทย์ที่ตัวเองตั้งขึ้นไปเรื่อยๆ ยิ่งเอาชนะได้มากเท่าไหร่ ยิ่งรู้สึกดีต่อตัวเองเท่านั้น (ลองถามคนที่ลดน้ำหนัก สร้างรายได้ทางที่ 2 เก็บเงินได้แสนแรก หรือสร้างธุรกิจสำเร็จก็ได้ครับ พวกเขามีความภาคภูมิใจในตัวเองสูงมากๆ) เมื่อพวกเขาทำสำเร็จ เขาค่อยให้รางวัลตัวเองอย่างหนักทีหลังเสมอ
อาทิเช่น ผมไปเจอเพื่อนผมคนหนึ่งที่งานแต่ง ใช้มือถือราคาถูกมากๆ ไม่ใช่ 3G เเต่งตัวธรรมดา นอนหอพักพัดลม ไม่ติดแอร์ ไม่ใช่ชีวิตฟุ้งเฟ้อ ไม่ใช้เงินสิ้นเปลือง ดูเหมือนงก แต่ในความเป็นจริงเขาคือคนที่เท่ห์ที่สุดในโต๊ะ เพราะตอนนี้เขามีบ้านพักเป็น Passive Income ให้นักศึกษาต่างจังหวัดเช่า แถมยังปลูกบ้านให้พ่อแม่ได้พักอาศัยด้วยเงินตัวเองล้วนๆ ใช่ เขาอาจจะด้อยในแง่วัตถุ แต่ผมเชื่อว่าเขามีความสุขเพราะสิ่งที่เขาทำมันยิ่งใหญ่…!!! และมันคือความภาคภูมิใจที่กำลังพิชิตเป้าหมายของตัวเองได้สำเร็จซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่ใช่แค่เพื่อนผมคนนี้เท่านั้น ทุกๆคนที่มีเป้าหมายชีวิตล้วนหลีกเลี่ยงการสร้างหนี้ที่ทำให้ตัวเองไปถึงเป้าหมายช้าขึ้น เวลามีอะไรใหม่ๆเข้ามาแล้วอยากได้ เขาจะบอกกับตัวเองและทุกคนเสมอว่า “ขี้เกียจผ่อน เหนื่อย รอซื้อเงินสดทีเดียวเลยดีกว่า ง่ายดี” แล้วก็พยายามรักษาสภาพคล่องเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝัน
เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณกำลังในอนาคตมาใช้ บางทีควรลองหยุดคิดซักนิด ว่าเงินที่จะต้องเป็นหนี้ก้อนนั้นจะนำพาชีวิตคุณไปทางไหน ชีวิตออกแบบได้ เงินไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต แต่ถ้าไม่มีเงินรับประกันว่าขนหัวลุกแน่ๆ หนี้หรือความมั่นคงทางการเงิน คุณเลือกได้ อย่าเป็นหนี้จนไม่มีเงินเก็บ โอกาสเข้ามาในชีวิตคุณปฏิเสธได้ แต่ถ้าวิกฤตเข้ามาคุณไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ ตั้งเป้าหมายทางการเงินแล้วเดินไปให้ถึงกันดีกว่าครับ อย่าพึ่งสนใจวัตถุราคาแพงที่ไม่ช่วยทำให้ชีวิตคุณดีขึ้นเลย ไว้รวยเมื่อไหร่จะซื้อ iPhone ทีละ 4 เครื่องใส่กระเป้าหน้า 2 กระเป๋าหลัง 2 ยังได้
เมื่อ “ไลฟ์สไตล์” มันมาคู่กับ “ไร้สตางค์” การเป็นหนี้แบบ “ไร้สติ” จึงบังเกิด
วิชญ์