ปมปริศนาเกมทวงคืนพลังงาน ไฉน ‘บางจาก-พิชัย’ จึงลอยตัว!!

กระทู้ข่าว
แม้ว่าขณะนี้ยังมีการประกาศใช้กฏอัยการศึกอยู่ก็ตาม และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะ คสช. จะประกาศชัดเจนถึงแนวทางในการปฏิรูปประเทศไทย 11 ด้านด้วยกัน ซึ่งแน่นอนว่ามีเรื่องของการปฏิรูปพลังงานที่ถือเป็นประเด็นที่เผ็ดร้อนทางการเมืองประเด็นหนึ่งก็ว่าได้ โดยที่มีเป้าใหญ่สุดคือ การทวงคืน ปตท.

เหตุผลของกลุ่มทวงคืน ปตท. ก็คือ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) แม้ว่าจะมีภาพว่ากระทรวงคลังถือหุ้นใหญ่ แต่ก็ถือหุ้นเพียงแค่ 51.11 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่เหลืออีก 48.89 เปอร์เซ็นต์ เป็นการถือโดยภาคเอกชน นักลงทุนต่างประเทศและนักลงทุนไทย ซึ่งกลุ่มทวงคืน ปตท.มองว่า เป็นการถือจำนวนหุ้นใกล้เคียงกันมากๆ ทั้งๆที่ควรจะเป็นบริษัทของคนไทย

แล้วก็ใช้สูตรเดียวกัน ในการกล่าวอ้างว่าพลังงานคือทรัพยากรของคนไทยทั้งชาติ แต่ทำไมกลุ่มของ ปตท จึงกลายเป็นเอกชนเข้ามาถือหุ้นเป็นจำนวนมาก อย่าง ปตท.สผ. ที่ปตท.ถือหุ้น 65.92 % ก็คือเป็นของกระทรวงการคลัง 33.37 % เป็นของเอกชน 31.92 % และเมื่อรวมกับผู้ถือหุ้นเอกชนอื่นๆอีก 34.71% เท่ากับ ปตท.สผ.เป็นของเอกชน 66.63 % จึงไม่ใช่ของกระทรวงการคลัง หรือไม่ใช่คนไทยแต่อย่างใด

อ้างว่าเมื่อคิดด้วยวิธีเดียวกัน ในบริษัทอย่าง PTTGC เอกชนถือหุ้นเท่ากับ 75.01 % TOP เป็นของเอกชน 74.90 % IRPC เอกชนถือหุ้นเท่ากับ 80.32 % ดังนั้นจึงต้องทวงคืน ปตท. โดยมีกลุ่มมีขบวนการดำเนินการเรื่องนี้กันอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งหลายคนคุ้นหน้า และหลายคนก็มาจากเวที กปปส. นั่นเอง

แต่น่าคิดว่าทำไมการทวงคืน ปตท. จึงไม่เน้นการทวงคืน บริษัท บางจาก จำกัด(มหาชน) ทั้งๆที่หากใช้วิธีคิดของกลุ่มทวงคืน จะพบว่าบางจากก็มีเอกชนถือหุ้นอยู่เท่ากับ 76.11% เลยทีเดียว ในขณะที่เมื่อก่อนกระทรวงการคลังถือเต็ม 100% แต่ปัจจุบันกระทรวงการคลังถือหุ้นตรงแค่ 9.98 เปอร์เซ็นต์ อีกส่วนหนึ่งถือหุ้นผ่านปตท. ซึ่งรวมแล้วจะเท่ากับกระทรวงการคลังถือหุ้นบางจากเพียงแค่ 23.89 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น

หรือที่บางจากไม่ตกเป็นเป้า เพราะหนึ่งในกลุ่มเคลื่อนไหวทวงคืน ปตท. ก็คือ นายโสภณ สุภาพงษ์ อดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บางจาก และอดีตสมาชิกวุฒิสภา ที่ถูกเรียกขานกันว่าเป็นหนึ่งในกลุ่ม “ลูกป๋า” และได้มีการสร้างเครือข่าย ตลอดจนวางตัวบุคคลเอาไว้ในบางจากชนิดที่ต้องเรียกว่าเป็นการวางแผนระยะยาวเลยก็ว่าได้

อย่างอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่เพิ่งพ้นตำแหน่งไปเมื่อปีก่อน คือนายอนุสรณ์ แสงนิ่มนวล ก็เป็นคนที่ใกล้ชิดผูกพันกับนายโสภณเป็นอย่างมาก และขึ้นมานั่งเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่นานถึง 8 ปีเต็ม จากปี 2548 ถึงปี 2555
แถมหวุดหวิดจะได้ต่อเทอมอีก 2 ปี ชนิดกะให้ลือลั่นไปเลยว่านั่งยาว 10 ปี เพราะช่วงปลายยุคนายอนุสรณ์นั้น ได้มีการสรรหาผู้จัดการใหญ่คนใหม่ โดยกำหนดวิธีการสรรหาเอาไว้ 3 ขยักก็คือ...

ขยักแรกให้เปิดรับผู้สมัครทั้งคนในและนอกบางจากฯ ซึ่งตอนนั้นมีผู้สมัครจำนวน 3 คน แต่ไม่ผ่านการสรรหา จึงมาใช้ขยักที่ 2 ที่เตรียมไว้คือคัดเลือกจากผู้บริหารคนในบางจากฯ และยอมรับที่จะดำรงตำแหน่ง หากตรงนี้ไม่ได้ ก็จะเข้าสู่ขยักที่ 3 คือ ดึงนายอนุสรณ์กลับมาดำรงตำแหน่งไปอีก 2 ปี เพื่อที่ระหว่างนั้นจะได้สรรหาใหม่

แต่บังเอิญ นายวิเชียร อุษณาโชติ ซึ่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ที่มีอาวุโสอยู่ในขณะนั้น ยอมรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ก็เลยเข้ามาเป็นกรรมการผู้จัดการใหญ่คนปัจจุบันอยู่ในขณะนี้

โดยที่มี นายพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งเป็นอดีตลูกหม้อ ปตท. นั่งเป็นประธานกรรมการ ซึ่งนายพิชัยนั้นโตมาจากกลุ่ม ปตท จริงๆก็น่าจะช่วยชี้แจงกับกลุ่มทวงคืนได้ แต่นายพิชัยก็เลือกที่จะไม่เปลืองตัว เพราะอยู่อย่างมีความสุขที่บางจากในเวลานี้คงคิดว่าดีอยู่แล้ว เรื่องอะไรที่จะไป “เรียกแขก” ให้เข้าเนื้อตัวเอง

และยิ่งหากมองไปถึงคณะกรรมการคนอื่น ก็ยิ่งน่าคิดว่า หรือนี่คือจิ๊กซอว์ที่ทำให้ บางจาก ไม่ตกอยู่ในวังวนทวงคืนอย่างที่ควรจะเป็น เพราะว่านอกจากจะมีอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่บางจากอยู่ในกลุ่มทวงคืนแล้ว ปัจจุบัน รองประธานกรรมการ ยังชื่อ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ซึ่งนั่งเป็นกรรมการที่บางจากมาตั้งแต่ปี 2546 หรือนั่งเป็นกรรมการยาวนานเกิน 10 ปีแล้วด้วย ซึ่งจุดยืนของนายชัยอนันต์เป็นขั้วการเมืองไหน สีอะไรก็รู้ๆกันอยู่

และกรรมการใหม่ถอดด้ามที่น่าสนใจอีกคนหนึ่งก็คือ พลตรี อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นรองแม่ทัพภาคที่ 1 โดยที่เมื่อปี 2555 เป็นผู้บัญชาการ กองพลทหารราบที่ 11 ซึ่งพล.ต.อภิรัชต์ เข้ามาเป็นกรรมการบางจากเมื่อ 26 กันยายน 2557 นี่เอง

ถ้า ปตท. ถูกมองว่าเอกชนเข้ามาถือหุ้น และมีการขยายการลงทุนไปยังเครือข่ายด้านพลังงานอย่างมากมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ จึงจำเป็นที่จะต้องทวงคืน แล้วทำไม "บางจาก" จึงไม่ตกเป็นเป้า??

ทั้งๆที่ก็มีสัดส่วนการถือหุ้นโดยเอกชนสูงถึง 76.11% และมีการขยายการลงทุนทั้งในและต่างประเทศด้วยเช่นกัน อย่างการตั้งบริษัท BCP Energy International Pte. Ltd. ขึ้นในประเทศสิงคโปร์ แล้วก็เพิ่งจะไปซื้อ บริษัท Nido Petroleum Limited ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ประเทศออสเตรเลีย ปัจจุบันได้รับสัมปทานขุดเจาะแหล่งปิโตรเลียมในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย

หรือจริงๆแล้ว การเมืองได้เข้ามาซึมลึกอยู่ในบางจากมาเนิ่นนานตั้งแต่สมัยของ นายโสภณ สุภาพงษ์

สิ่งที่น่าจับตาก็คือ วันนี้ ปตท กำลังจะขายหุ้นส่วนของปตท.ใน โรงกลั่นบางจาก จำนวน 27.22 % ออกไปเพื่อลดแรงกดดัน แต่ยังไม่ได้ยินเสียงจากกลุ่มทวงคืน หรือจากคณะกรรมการจากผู้บริหารของบางจากสักแอะ ว่าสมควรให้กระทรวงคลังมารับซื้อหุ้นในส่วนนี้ไป เพื่อจะได้คงสถานะให้รัฐเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบางจาก

หรือโครงสร้างผลประโยชน์ของบางจาก วันนี้ลึกซึ้งไปไกล เกินกว่าที่จะกลับไปอยู่ใต้บังเหียนกระทรวงการคลังเสียแล้ว คงต้องให้คนชื่อ “พิชัย ชุณหวชิร” เป็นคนตอบ

ไม่เช่นนั้น ตอนต่อไปก็คงหนีไม่พ้นที่น่าจะชำแหละโครงสร้างธุรกิจ และตัวเลขผลประกอบการของบางจากในยุคนี้กันดูบ้างเสียแล้ว

กลุ่มต่อต้านการทวงคืนมั่วๆ

เครดิต http://www.bangkok-today.com/node/1399
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่