โลงพยาบาล 4 (ตอน PART TIME)

“จบแล้วครับอาจารย์” นศพ.สุรศักดิ์ พูดขึ้นเมื่อเห็นว่าอาจารย์หมอยืนนิ่งหลังจากเขาเล่าจบ

“อ่อๆๆ ... โอเคสุรศักดิ์ ดูเหมือนเรื่องนี้จะทำให้ผมรู้สึกหลอนขึ้นมาได้บ้าง กว่าเรื่องก่อนๆ แต่ถึงกระนั้นผมว่าน่าจะมีอะไรที่มันหลอนได้กว่านี้อีก” ว่าแล้วอาจารย์ก็หันไปมองหน้าหมอธีร์  “ว่าไงหมอธีร์ จะแก้ตัวไม๊” อาจารย์ถาม
“เอิ่ม จริงๆผมก็พอมีเรื่องราวของผมเองที่อยากเล่าเหมือนกันครับ แต่กลัวว่าจารย์จะไม่หลอน” หมอธีร์ตอบ

“ฮึ้ย ผมว่ายังไงๆ มันก็น่าจะหลอนกว่าเรื่องหมอเอกที่คุณเล่ามาบ้างล่ะ เพราะอย่างน้อยมันก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับคุณเอง” อาจารย์หมอพูดพลางหยิบกาแฟเอสเปรสโซ่เข้มๆของแกขึ้นมาดื่ม

ฟืดดดดดดดดดดดดด
เสียงอาจารย์ลากถาดอวัยวะท่อนแขนของอาจารย์ใหญ่มาวางไว้ตรงหน้า

“แต่ก่อนที่หมอธีร์จะได้เล่าเรื่องราวอันสยองขวัญ... (หันไปสบตาหมอธีร์1ครั้ง) ...ของเขา....   ผมขออธิบายเรื่องการสอบแล็บกริ๊ง สำหรับ Gross Anatomy2 อีกครั้ง เพื่อให้นสพ.ทุกท่านได้เข้าใจตรงกันก่อนสอบในคาบหน้านี้”
“จะมีฐานทั้งหมด 20 ฐาน คือ 20 โต๊ะ แต่ละฐานจะมีคำถาม ฐานละ 2 ข้อ ทุกคนจะได้ชุดกระดาษคำตอบแบบอัตนัย สำหรับตอบคำถามแต่ละข้อ ไว้กับตัวเอง เมื่อเริ่มจับเวลาให้ทุกคนนั่งประจำฐานของตัวเองตามที่อาจารย์ระบุไว้ ทำข้อแรกคือข้อที่เป็นหมายเลขที่ตนเองนั่งประจำฐานนั้น และจากนั้นทุกๆ 4 นาที จะมีเสียงกระดิ่งดังขึ้น ทุกคนต้องลุกจากฐานตนเองทันที เสร็จไม่เสร็จก็ต้องลุก แล้วเดินไปยังฐานถัดไป โดยวนขวามือ เมื่อครบทุกฐาน ให้นั่งประจำที่ จนท.จะเดินเก็บกระดาษข้อสอบของคุณเอง”

“ตัวอย่างข้อสอบ เช่น ...” อาจารย์เลื่อนถาดอวัยวะส่วนแขนของอาจารย์ใหญ่ไปด้านหน้าให้นักศึกษาแพทย์ดู ที่ท่อนแขนปีป้ายกระดาษเขียนเลข 1 คล้องอยู่ที่เส้นประสาทเส้นหนึ่ง กับอีกตำแหน่งเป็นหมุดปักเข้าไปที่กล้ามเนื้อและมีเลข 2 อยู่  
“1.จง Identify!” “2.จงบอก Origins และ Insertions ของอวัยวะที่เห็น และ Nerve supply ของอวัยวะดังกล่าว”
สิ้นเสียงอาจารย์หมอ เหล่านักศึกษาแพทย์ก็วิพากวิจารย์กันแซ่ก

“เอาล่ะๆ เงียบๆๆ มันไม่ได้ยากเยิกอะไรเลย ถ้าพวกคุณเตรียมตัวมาดี ... แต่ก็นะ สำหรับคนที่เตรียมตัวไม่ทันจริงๆ ผมขอแนะนำทางเลือกประสิทธิภาพสูง เป็นทางเลือกสุดท้าย”

“ นั่นคือ ไปยืมตำราของหมอโจ้มาอ่านซะ!”

อาจารย์พูดติดตลก และหันไปส่งยิ้มให้กฤษดา ออกแนวแซวเล็กแซวน้อย สร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และลูกศิษย์ ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจ คิกคักๆ ของเหล่านักศึกษาแพทย์
“โอเค ก่อนจะพักเบรคแล้วมาต่อ Lab Gross กัน ขอให้หมอธีร์ staff หนุ่มของเราได้เล่าเรื่องราวอันสยดสยองพองขน (รึเปล่าไม่รู้) ของเขา ซักเรื่องนึงแล้วกัน อ่ะ เชิญๆ หมอธีร์”

"ครับผม..."
หมอธีร์เริ่มละเลงความสยองขวัญ  
....................................................................

เรื่องนี้เกิดขึ้นกับตัวผมเอง เมื่อราวๆ 1 ปีก่อน
เป็นเรื่องราวความสยองขวัญของคลินิกแห่งหนึ่ง ผมขอตั้งชื่อเรื่องว่า “Part Time”

ผมชื่อหมอธีร์ เป็นแพทย์ที่ทำงาน part time อยู่ในกรุงเทพ แพทย์ที่ทำงาน part time ก็คือแพทย์ที่ไม่ได้ประจำอยู่ที่ไหนเป็นหลักแหล่งครับ ที่ไหนประกาศรับแพทย์ผมก็ติดต่อไปเป็นครั้งๆ มีข้อดีคือเราสามารถเลือกที่ทำงานที่เราชอบได้ และไม่มีอะไรผูกมัดเรา อยากหยุดอยากพักผ่อนเมื่อไรก็ได้ตามแต่เรา แต่ก็มีข้อเสียคือมันไม่มีความแน่นอนในอาชีพ และทุกวันนี้ก็มีแพทย์ part time แบบผมเยอะขึ้น ผมจึงต้องแข่งขันกับแพทย์ part time คนอื่นมากขึ้นด้วย และไม่ใช่ผมไม่อยากทำ full time หรืองานประจำนะครับ แต่ว่างานประจำยิ่งหายากขึ้นไปอีก ยิ่ง full time ดีๆไม่เอาเปรียบเรา ยิ่งเหมือนงมเข็มในมหาสมุทร  โดยเฉพาะในเมืองกรุงที่มีการเฟ้อของแพทย์อย่างกรุงเทพมหานครนี้

วันนั้นก็เช่นกัน ผมเข้าเว็บ ThaiClinic เพื่อดูประกาศรับแพทย์ Part time ตามปกติอย่างที่ผมเคยทำ ผมเจออยู่คลินิกหนึ่งประกาศรับแพทย์ในวันที่ผมว่างอยู่พอดี จึงโทรกลับไปยังเบอร์ที่โพสไว้
“สวัสดีครับ” ปลายสายเป็นเสียงผู้ชายอายุน่าจะราว 20 กว่า ดูเสียงยังเด็กอยู่เลย
“สวัสดีครับ ผมหมอธีร์ครับ โทรมาสอบถามเรื่องที่ประกาศรับแพทย์ วันที่ 2 พ.ค. น่ะครับ”
“อ๋อครับ ยังว่างอยู่ครับ 9 โมงเช้า ถึง 6 โมงเย็น ไม่มีบัตรทอง ไม่มีประกันสังคม รับคนไข้วอร์คอินอย่างเดียวครับ” ปลายสายตอบผมและให้รายละเอียดอย่างดี ไม่มีหมกเม็ด
“โทษนะครับ ทางคลินิกให้เท่าไรครับ” ผมถามกลับ
“ก็ตามที่โพสไว้เลยครับ ที่อยู่ก็ตามนั้นเลย รบกวนคุณหมอเอาใบประกอบ กับสำเนาบัตรปชช.มาด้วยนะครับ”
“อ่อ ถ้าคุณหมอมาไม่ถูกยังไง โทรหาผมเบอร์นี้นะครับ เผอิญคลินิกหายากนิดนึง เพราะต้องเข้าซอยไปหน่อย ปากซอยอาจจะดูเปลี่ยวๆ แต่ข้างในเป็นย่านชุมชนครับ ส่วนใหญ่คนไข้ก็คนแถวนั้นล่ะครับ” น้องผู้ชายปลายทางยังคงให้รายละเอียดที่ค่อนข้างชัดเจนดี
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ผมมีรถส่วนตัว เดี๋ยวผมขับไปได้ มีที่จอดไม๊ครับ” ผมตอบกลับไปอย่างนั้นเพราะการใช้รถตัวเองน่าจะสะดวกกว่า
“ที่จอดหน้าคลินิกมันจะจอดไม่ได้ครับ ถนนมันแคบ แต่คุณหมอสามารถจอดหน้าปากซอยแล้วเดินเข้ามานิดนึงได้ครับ ไม่ไกลมาก”
“โอเครับ ตามนั้นครับ” แล้วผมก็วางหูไป

พอถึงวันนั้น ผมก็ขับรถไปตามที่อยู่ที่คลินิกระบุไว้ในประกาศ กว่าจะหาปากซอยเจอหลงไป 2 รอบ เพราะเข้าซอยผิด
ผมหยุดรถตรงหน้าปากซอย เห็นป้ายบอกว่าให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอย 100 เมตร ก็จะถึงคลินิก
อืมมม เปลี่ยวจริงๆครับ

หน้าปากซอยเป็นตึกอาคารพานิชย์ร้างๆ ที่เหมือนสร้างไม่เสร็จเพราะหมดทุน เจ๊ง อะไรทำนองอย่างนั้น คราบตะไคร่ คราบสีที่ผุร่อนและเศษอิฐเศษปูนตกกระจัดกระจายระเกะระกะอยู่เบื้องล่าง ผมสังเกตเห็นตึกร้างห้องนึงเหมือนมีคนอยู่อาศัยมีซาเล้งเก่าๆจอดอยู่ด้วย เป็นตึกเดียวที่น่าจะมีคนอยู่อาศัย เลยเอารถไปจอดใกล้ๆตึกนั้นอย่างน้อยก็น่าจะมีคนดูแลรถผมได้บ้าง

ผมหยิบกระเป๋า หูฟังแพทย์ แล้วล็อกรถ ค่อยๆเดินเข้าซอยที่เปลี่ยว ระหว่างทางเข้าซอยและด้านหลังตึกอาคารพานิชย์ร้างเหล่านั้นเป็นต้นก้ามปูใหญ่หลายต้น ให้ร่มครึ้มๆทะมึนๆดูน่ากลัว ชื้นและเย็นยะเยือกบอกไม่ถูก มีหญ้าและวัชพืชขึ้นปกคลุมไปทั่ว มีกองขยะ กองเศษวัสดุ และเศษศาลพระภูมิหักๆพังๆ ที่ชาวบ้านแถวนั้นคงใช้เป็นที่ทิ้งขยะ แทรกเข้าไปในพงหญ้าเป็นระยะๆ บรรยากาศวังเวง ซอยเป็นถนนคอนกรีตแคบๆสวนกันได้ลำบาก มองไปข้างหน้าพอเห็นโซนพักอาศัยของผู้คนอยู่บ้าง

ผมรีบจ้ำผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในใจก็คิด แหม่ จะถอดใจซะตอนนี้เลยดีไม๊ แต่ตกลงกับเขาไว้แล้ว ไม่ไปก็ไม่ได้ ถ้าผมไม่ไปเค้าคงหาหมอไม่ทันแน่ สร้างความเดือดร้อนให้เค้าอีก ไม่เอาดีกว่า ทนตรวจๆไป แค่ 9 ชม.เดี๋ยวก็เสร็จ คราวหน้าคงไม่มาแล้ว

เดินผ่านโซนนั้นมาได้ ก็มาถึงอาคารพานิชย์อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งอยู่ติดๆกันราว 7-8 ห้อง
ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านทาวน์เฮาส์ชั้นเดียวเก่าๆ ติดกันหลายหลัง มีป้ายติดประกาศขายไม่ก็ให้เช่า กันเกือบทุกหลัง แต่ละหลังขาดการดูแล ดูรกและทรุดโทรมมาก ฝั่งที่เป็นอาคารพานิชย์มีเพียง 3 ห้องที่เปิดอยู่ ที่เหลือก็ปิดประตูเหล็กม้วนไว้หมด ห้องที่เป็น2คูหาติดกันเป็นคลินิก อีกห้องเป็นร้านขายของชำเล็กๆ และอีกห้องเป็นร้านซ่อมจักรยาน ส่วนท้ายซอยนั้นตัน

ผมเดินแล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้าคลินิก คลินิกดูโทรมๆเก่าๆ คงจะเปิดมานานพอสมควร ลักษณะเหมือนชั้นบนจะเป็นบ้านที่อยู่อาศัยด้วย ด้านหน้าบอกเวลาเปิดปิดไว้ ตรวจโรคอายุรกรรม โรคทั่วไป ชื่อคลินิกเป็นชื่อแพทย์ น่าจะเป็นเจ้าของคลินิก
ผมค่อยๆผลักประตูกระจกเข้าไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่