นายแดง นายดำ และนายดี ทำงานที่บริษัทแห่งหนึ่งซึ่งทำธุรกิจอาหาร แดงเป็นพนักงานประจำครัวๆหนึ่งซึ่งทำอาหารแบบสุกี้(ในครัวมีแยกย่อยสามครัวตามหมวดหมู่อาหารและอีกหนึ่งครัวซึ่งเป็นครัวล้าง)ส่วนดำและดีประจำอยู่ครัวล้าง ทางบริษัทว่าจ้างพวกเขาเป็นรายชั่วโมง โดยคิดอัตราค่าจ้างชั่วโมงละสามสิบแปดบาท การเข้างานและออกงานใช้วิธีสแกนลายนิ้วมือ แดงเริ่มทำงานให้กับบริษัทนี้ในวันที่1กันยายน และได้รับเงินค่าจ้างทุกเดือนตามจำนวนชั่วโมงที่ทำ ทุกๆวันแดงเข้างานภาคบ่ายเสียส่วนใหญ่ ซึ่งทางร้านจะให้พนักงานเลิกงานสี่ทุ่ม แต่แดงเห็นว่าแทบจะทุกวัน พนักงานจะต้องถูกเรียกให้สแกนลายนิ้วมือสี่ทุ่มหรือสี่ทุ่มกว่าๆ แต่ต้องกลับไปทำงานอีกเพราะงานไม่เสร็จ ซึ่งบางวันทำเลยเวลาเป็นชั่วโมงๆก็มี โดยเฉพาะวันที่ลูกค้าเยอะ เช่น วันที่ทางร้านจัดส่วนลด หรือวันหยุด พวกพนักงานจะเหนื่อยมาก เพราะต้องทำงานเกินเวลาเป็นชั่วโมงหรือชั่วโมงกว่าก็มี แต่พนักงานไม่เคยได้โอทีเลยพวกพนักงานเหนื่อยกันมาก แดง ดำ และดีเห็นว่ามันไม่ยุติธรรมจึงขอลาออก แต่ทางร้านกลับปฏิเสธไม่ให้ออก ดังนั้น พวกเขาจึงเลือกทำผิดกฏระเบียบของร้านโดยการขาดงานโดยไม่แจ้ง เพื่อที่พวกเขาจะได้พ้นจากสภาพการเป็นพนักงานเอง(ซึ่งกฎของร้านระบุไว้ว่า การขาดงานโดยไม่แจ้งทางร้านเป็นเวลาสามวัน พนักงานจะพ้นสภาพการเป็นพนักงาน) ซึ่งคืนก่อนหน้าที่พวกเขาจะขาดงานนั้นได้มีเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้น คืนนั้นแดงต้องไปปิดครัวอื่น เพราะพนักงานครัวนั้นขาดงาน และดำที่ประจำครัวล้างต้องมาปิดครัวของแดงแทน และการปิดครัวอาหารทุกอย่างที่เหลือจากบาร์ต้องทำการซีลหรือห่อใส่ถุงร้อน แล้วนำเข้าตู้เย็น และเช็ดล้างอุปกรณ์ทำความสะอาดครัวเป็นอันเสร็จ พอพวกเขาทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว ปรากฎว่ามีซุปเปอร์ ไวเซอร์คนหนึ่งเปิดตู้เย็นของครัวแดง(ครัวสุกี้)แล้วพบว่าน้ำจิ้มสุกี้ที่อยู่ในโบล์ซึ่งซีลเรียบร้อยแล้วถูกเปิดซีลนิดหนึ่งและน้ำจิ้มก็หกเลอะเทอะบริเวณตู้นั้น จากสภาพที่เห็นทำให้เดาได้สองกรณี คือ หนึ่ง มีพนักงานแแอบกินน้ำจิ้ม และ สอง มีพนักงานแอบขโมยน้ำจิ้ม ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วเหตุการณ์นี้มันตกเป็นความรับผิดชอบของแดงเพราะฉันเป็นเจ้าของครัว แต่คนที่ปิดครัวคือดำ ซึ่งอยู่ประจำครัวล้าง แต่พวกเขาทั้งสองคนก็ไม่ใส่ใจกับเหตุการณ์เพราะยังไงพรุ่งนี้แดง ดำ และดีก็ตั้งใจจะไม่มาทำงานที่นี่อีกแล้ว พอวันรุ่งขึ้นพวกเขาก็พร้อมใจกันขาดงาน และวันแรกที่พวกเขาขาดงานพวกเขาก็เริ่มไปสมัครงานที่อื่นทิ้งไว้ เผื่อจนกว่าที่ทำงานที่ใหม่จะเรียกตัว พวกเขาคงพ้นสภาพเรียบร้อยแล้ว และบังเอิญว่าที่ทำงานที่พวกเขาไปสมัครกำลังต้องการพนักงานพอดี จึงนัดสัมภาษณ์ดำในวันพรุ่งนี้ แต่คนที่สมัครมีแดงกับดำสองคน ดีไม่สมัครเพราะจะไปเชียงใหม่ ส่วนแดงสมัครทิ้งไว้และรอเพราะอัตรายังไม่ว่าง ทางที่ทำงานได้นัดเรียกสัมภาษณ์ดำในวันที่2 พฤศจิกายน(พวกเขาขาดงานวันแรกคือวันที่1พฤศจิกายน) พอวันที่2พฤศจิกายน ทางที่ทำงานขอเลื่อนสัมภาษณ์ดำออกไปเป็นวันที่3และให้ดำเตรียมตัวเข้าทำงานในวันที่3เลย และในวันที่2ตอนบ่าย พี่สาวของแดงซึ่งทำงานที่ๆดำและแดงไปสมัครงานโทรมาบอกว่า ทางห้างฯยกเลิกการสัมภาษณ์ดำและแดง เนื่องจากทางห้างฯได้ตรวจสอบไปยังบริษัทเก่าที่ดำและแดงเคยทำงาน ปรากฎว่า ทางนั้นเค้าแจ้งกับทางห้างฯว่า พนักงานสามคนที่ออกนี้ได้ทำการทุจริตการกิน คือแอบขโมยกินของในร้าน! และผลก็คือ ดำกำลังจะได้งานทำ และแดงกำลังรอสัมภาษณ์ถูกยกเลิกหมดเลย พวกเขาไม่รู้จะทำยังไงจึงเงียบ ในวันที่4พฤศจิกายน ซึ่งเป็นวันที่พวกเขาได้พ้นจากสภาพความเป็นพนักงานอย่างเต็มตัวแล้ว แดงได้โทรไปคุยกับทางห้างฯและสอบถามถึงความจริงที่ทางห้างฯแจ้งนั้นว่าเป็นความจริงหรือปล่าว ทางห้างฯก็บอกว่าเป็นความจริง เพราะผู้จัดการที่นั่นเขาแจ้งมาดังนี้ ดังนั้น พวกเขาจึงหมดสิทธิ์ที่จะได้รับจ้างทำงานกับทางห้างฯ เพราะประวัติเสียเรียบร้อยแล้ว! แต่! แดงได้บันทึกเสียงการสนทนากับพี่สาวที่คุยกันเรื่องที่ว่าทางห้างฯขอยกเลิกการสัมภาษณ์แดงและดำ และ แดงได้บันทึกเสียงสนทนาที่แดงได้โทรไปคุยกับทางห้างฯถึงเรื่องที่เกิดขึ้นว่าเป็นความจริงไหม?และคำตอบที่ได้คือ เป็นความจริงจากปากของฝ่ายบุคคลของทางห้างฯที่กำลังจะว่าจ้างแล้วยกเลิกไป ว่า ทางห้างได้โทรไปสอบถามประวัติของแดงและดำจากบริษัทเก่า และผู้จัดการซึ่งเป็นผู้หญิงได้แจ้งว่า สามคนที่ออกไปนี้ได้ทำการทุจริตการกิน แอบขโมยกินของร้าน ดังนั้น ทางห้างฯจึงขอยกเลิกการสัมภาษณ์.
สรุป 1. แดงต้องการจะเอาเรื่องผู้จัดการหญิงคนนั้นโดยการฟ้องหมิ่นประมาทต้องทำอย่างไรบ้าง?
2. คลิปเสียงสนทนาที่แดงบันทึกไว้จะใช้เป็นหลักฐานในการประกอบคดีได้หรือไม่(ในคลิปเสียงนี้ได้มีการพูดระบุตำแหน่งหน้าที่ของคู่สนทนาเป็นอย่างดีจากคำสอบถามของคนทั้งคู่ เช่น คุณเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของห้าง...หรอคะ? เอ่อ....ไม่ทราบว่าที่ทางห้างฯแจ้งมานั้นเป็นความจริงหรือปล่าวคะ? ประมาณนี้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้)
3. บริษัท...เอาอะไรมาเป็นหลักฐานว่าดำ แดง และดี ได้ทำการทุจริตการกิน?
4. จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเกิดว่าทางบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์นั้นจะเกณฑ์พนักงานมาเป็นพยานปากปล่าวกล่าวหาว่าพวกได้ทำเขาทุจริตการกิน
5. ในข้อ4. ถ้าเกิดว่าเกิดเหตุการณ์นี้ แล้วมันจะสามารถเอาผิดกับพวกเขาได้หรือไม่ แบบว่า มีแต่คนว่า จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ชัดแจ้ง ประมาณนี้อ่ะค่ะ
6. ในการฟ้อง ต้องฟ้องทั้งสามคน หรือว่าคนเดียวก็ได้ แต่ผู้เสียหายมีสามคนค่ะ
7. แดงต้องการจะฟ้องทั้งแพ่งและอาญาจะทำได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไร เพราะจากรูปการณ์แล้ว ทั้งสามคนเสียหายมาก เพราะทางบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์นั้นไม่มีหลักฐานใดๆเลย มีแต่พยานปากปล่าว.
............นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในตอนนี้ และฉันต้องการคำปรึกษาโดยด่วน ใครที่มีความรู้กรุณาช่วยให้คำปรึกษาด้วยนะคะ เพราะรู้สึกว่าพวกเขาจะเสียหายมากตอนนี้ เพราะข่าวพวกเขาดังทั้งห้างฯแล้วค่ะ(ห้างนั้นและบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์อยู่ติดกันค่ะ) เละเป็นโจ๊กเลยตอนนี้
..........................................................................ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ...........................................................................................
ใครมีความรู้ด้านกฎหมายเกี่ยวกับการฟ้องหมิ่นประมาทบ้าง? ขอความกรุณาให้คำปรึกษาด้วย
สรุป 1. แดงต้องการจะเอาเรื่องผู้จัดการหญิงคนนั้นโดยการฟ้องหมิ่นประมาทต้องทำอย่างไรบ้าง?
2. คลิปเสียงสนทนาที่แดงบันทึกไว้จะใช้เป็นหลักฐานในการประกอบคดีได้หรือไม่(ในคลิปเสียงนี้ได้มีการพูดระบุตำแหน่งหน้าที่ของคู่สนทนาเป็นอย่างดีจากคำสอบถามของคนทั้งคู่ เช่น คุณเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลของห้าง...หรอคะ? เอ่อ....ไม่ทราบว่าที่ทางห้างฯแจ้งมานั้นเป็นความจริงหรือปล่าวคะ? ประมาณนี้ ซึ่งสามารถตรวจสอบได้)
3. บริษัท...เอาอะไรมาเป็นหลักฐานว่าดำ แดง และดี ได้ทำการทุจริตการกิน?
4. จะเป็นไปได้ไหม ถ้าเกิดว่าทางบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์นั้นจะเกณฑ์พนักงานมาเป็นพยานปากปล่าวกล่าวหาว่าพวกได้ทำเขาทุจริตการกิน
5. ในข้อ4. ถ้าเกิดว่าเกิดเหตุการณ์นี้ แล้วมันจะสามารถเอาผิดกับพวกเขาได้หรือไม่ แบบว่า มีแต่คนว่า จะจริงหรือไม่จริงไม่รู้ชัดแจ้ง ประมาณนี้อ่ะค่ะ
6. ในการฟ้อง ต้องฟ้องทั้งสามคน หรือว่าคนเดียวก็ได้ แต่ผู้เสียหายมีสามคนค่ะ
7. แดงต้องการจะฟ้องทั้งแพ่งและอาญาจะทำได้หรือไม่ และต้องทำอย่างไร เพราะจากรูปการณ์แล้ว ทั้งสามคนเสียหายมาก เพราะทางบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์นั้นไม่มีหลักฐานใดๆเลย มีแต่พยานปากปล่าว.
............นี่เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงๆในตอนนี้ และฉันต้องการคำปรึกษาโดยด่วน ใครที่มีความรู้กรุณาช่วยให้คำปรึกษาด้วยนะคะ เพราะรู้สึกว่าพวกเขาจะเสียหายมากตอนนี้ เพราะข่าวพวกเขาดังทั้งห้างฯแล้วค่ะ(ห้างนั้นและบริษัทฮ.พ.ห่วย!บุฟเฟต์อยู่ติดกันค่ะ) เละเป็นโจ๊กเลยตอนนี้
..........................................................................ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ...........................................................................................